ในท่ามกลางกระแสข่าวรัฐบาลภายใต้การนำของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประสบปัญหาวิกฤตศรัทธา เนื่องจากการบริหารประเทศล้มเหลว โดยเฉพาะทางด้านเศรษฐกิจ และสังคม จะเห็นได้จากการที่ประชาชนมีรายได้ลด แต่รายจ่ายเพิ่มขึ้น เนื่องจากสินค้าที่จำเป็นต่อการดำรงชีพแพงขึ้น และที่สำคัญเหนืออื่นใด หนี้ครัวเรือนก็เพิ่ม และหนี้สาธารณะก็เพิ่ม ในขณะเดียวกัน การทุจริต คอร์รัปชันในภาครัฐก็มิได้ลดลง ตรงกันข้ามได้ปรากฏให้เห็นดาษดื่น
จากการที่รัฐบาลได้ประสบปัญหาวิกฤตศรัทธานี้เอง ทำให้บรรดาบุคลากรทางการเมือง โดยเฉพาะนักเลือกตั้ง ทั้งที่ดำรงตำแหน่ง ส.ส.รวมไปถึงตำแหน่งทางการเมืองอื่นใดอยู่ในขณะนี้ และที่มิได้ดำรงตำแหน่ง ส.ส.รวมไปถึงผู้ที่มิได้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองใดๆ ในขณะนี้ แต่มีความต้องการลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.หรือแม้กระทั่งนายทุนการเมือง ได้มีการเคลื่อนไหวด้วยการย้ายจากพรรคที่ตนเองเห็นว่ามีโอกาสได้รับการเลือกตั้งน้อยไปยังพรรคที่มีโอกาสได้รับเลือกตั้งมากกว่า
ดังนั้น จึงเป็นโอกาสของพรรคการเมืองที่มีทุนเงินและทุนทางสังคม อันเป็นปัจจัยเกื้อหนุนให้ได้รับชัยชนะ การเลือกตั้งสามารถดึงตัวผู้สมัครที่เห็นว่ามีศักยภาพเพียงพอที่จะชนะการเลือกตั้งเข้ามาสังกัดพรรคได้มาก ในทำนองเดียวกับแม่เหล็กที่มีพลังในการดูดเศษเหล็กเข้ามาหาได้มาก เมื่อเทียบกับพรรคที่มีทุนเงินน้อย และมีทุนทางสังคมน้อยกว่า
ในบรรดาพรรคการเมืองเก่าที่มีบุคลากรทางการเมืองตีจากไปอยู่พรรคอื่น และทำให้พรรคมีภาพลักษณ์ด้อยลงในสายตาของคนทั่วไปที่มองความสำคัญของจำนวนมากกว่าคุณภาพ พรรคประชาธิปัตย์เป็นหนึ่งในจำนวนนี้ ทั้งนี้จะเห็นได้จากกรณีที่อดีต ส.ส.หลายคนของพรรคประชาธิปัตย์ได้ตีจากประชาธิปัตย์ไปอยู่พรรคใหม่ และสาเหตุแห่งการย้ายพรรคเท่าที่ปรากฏตามข่าวก็คือ การน้อยอกน้อยใจที่พรรคเปิดโอกาสให้คนใหม่ลงสมัครแทนตนเอง และอาจมีบางคนที่มีเหตุผลอื่นนอกเหนือจากนี้ เป็นต้นว่า ไม่พอใจวิธีการบริหารของหัวหน้าพรรคปัจจุบัน เป็นต้น
ไม่ว่าคนเก่าจะออกจากพรรคด้วยเหตุผลใด คนนอกซึ่งไม่รู้ตื้นลึกหนาบางในพรรคประชาธิปัตย์ ย่อมมองพรรคประชาธิปัตย์ในแง่ลบว่ากำลังเข้าสู่ยุคเสื่อม และส่งผลกระทบต่อการเลือกตั้งสมัยหน้า โดยเฉพาะในภาคใต้ซึ่งเป็นที่มั่นทางการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์
แต่ในความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน ซึ่งเป็นแฟนคลับของพรรคประชาธิปัตย์ตลอดมา กลับมองสวนทางว่า การที่คนเก่าออกไปจะเปิดโอกาสให้พรรคประชาธิปัตย์สรรหาบุคลากรทางการเมืองรุ่นใหม่ที่มีความรู้ ความสามารถ และเพียบพร้อมคุณธรรม สามารถนำพาพรรคในการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองให้สอดคล้องกับอุดมการณ์ของพรรคซึ่งสืบทอดมายาวนาน จนทำให้พรรคนี้กลายเป็นสถาบันการเมือง
ถ้าพรรคประชาธิปัตย์สามารถทำได้เยี่ยงนี้ ผู้เขียนเชื่อว่าจะทำให้พรรคประชาธิปัตย์กลับมาเป็นพรรคการเมืองที่แข็งแกร่ง และได้รับความนิยมชมชอบเฉกเช่นในอดีตอีกครั้ง
แต่การจะทำให้พรรคประชาธิปัตย์พลิกฟื้นคืนสู่ความยิ่งใหญ่ได้เหมือนอดีต ผู้บริหารพรรคประชาธิปัตย์จะต้องปฏิรูปพฤติกรรม ทั้งในส่วนของพฤติกรรมองค์กร และพฤติกรรมของปัจเจกบุคคลให้สอดคล้องกับสถานการณ์ทางการเมืองในปัจจุบัน และเป็นที่ยอมรับของคนรุ่นใหม่ที่ต้องการเห็นพรรคการเมืองเป็นหนึ่งเดียวกับประชาชน ทั้งในส่วนของนโยบายและแนวทางในการนำนโยบายลงสู่ภาคปฏิบัติ
ท่านผู้อ่านอ่านแล้วอาจมองเห็นว่าเป็นเรื่องยาก แต่พรรคประชาธิปัตย์ตั้งใจทำ ผู้เขียนเชื่อว่าทำได้ เว้นไว้แต่ไม่อยากทำเพราะขัดต่อแนวคิดของตนเอง