เข้าสู่วันที่ 7 แล้ว หลังประกาศิตท่านผู้นำรัสเซีย ที่สั่งลุยด้วยปฏิบัติการพิเศษทางทหารต่อยูเครน โดยเน้นว่า ไม่ใช่เพื่อยึดครองยูเครน แต่เพื่อยับยั้งปฏิบัติการทหารโหดเยี่ยงนาซีของยูเครนที่หนุนหลังโดยตะวันตกต่อแคว้นดอนบาส ที่ได้ละเมิดข้อตกลงเมืองมินสก์ตลอด 8 ปีที่ผ่านมา และกำลังเป็นภัยร้ายแรงต่อรัสเซีย
ปูตินยังไม่สามารถทำให้รัฐบาลที่เมืองหลวงเคียฟยอมจำนน
ตรงข้าม ผู้นำหนุ่มแน่นอายุแค่ 44 ปีของยูเครน กลับใช้ความสามารถในการเป็นอดีตนักแสดง ผู้มากความสามารถ; ประสบผลสำเร็จในการโน้มน้าวชาวยูเครนส่วนใหญ่ (ถึง 90%) ให้สู้ยิบตากับกองทัพอันเกรียงไกรของรัสเซีย
ปธน.หนุ่มเซเลนสกี ใช้สื่ออย่างมีประสิทธิภาพในการปลุกใจคนยูเครนให้สู้ จนได้รับฉายาเป็นเหมือนเชอร์ชิลที่สู้กับฮิตเลอร์ช่วงลอนดอนถูกโจมตีถล่มทางอากาศพร้อมต่อว่าต่อขานประเทศตะวันตกนำโดยสหรัฐฯ ที่ถึงกับเสนอให้ความปลอดภัย ถ้าเขาจะเดินทางออกนอกประเทศ
เขาบอกว่า เขาไม่ต้องการช่องทางปลอดภัยที่เขาจะหนีออกจากยูเครน (ตามที่สหรัฐฯ จะจัดให้) แต่เขาต้องการความช่วยเหลือ เช่น อาวุธยุทโธปกรณ์ (และกองทหาร) เพื่อมาสู้กับรัสเซีย และรัสเซียที่รุกเข้ายูเครน จะเดินหน้ารุกคืบไปยังดินแดนในยุโรปต่อไป
ยูเครนใช้สื่ออย่างมีประสิทธิภาพ ให้เห็นภาพคนยูเครนหนีขีปนาวุธของรัสเซียไปหลบอยู่ห้องใต้ดินหรือสถานีรถไฟใต้ดิน และเผยแพร่ภาพอาคารคอนโดฯ ที่พักอาศัยบางแห่งที่ถูกขีปนาวุธโจมตี ที่ยูเครนกล่าวหาว่าเป็นของฝ่ายรัสเซีย ขณะที่กระทรวงกลาโหมรัสเซียก็บอกว่าเป็นจรวดของฝ่ายยูเครนนั่นแหละที่ยิงออกมาสกัดขีปนาวุธจากรัสเซีย (ที่เล็งเป้าไปที่กองกำลังทหารของยูเครน...ไม่ใช่เล็งเป้าไปที่คอนโดฯ ที่พักของประชาชน) แต่เพราะจรวดของยูเครนมีการยิงพลาดก็เลยไปโดนอาคารที่พักของประชาชน (เป็น Friendly Fire-คือยิงพลาดไปโดนพวกเดียวกัน)
ภาพความน่าสงสารของประชาชนชาวยูเครนที่ถูกรังแก (ทั้งๆ ที่รัสเซียเน้นย้ำประกาศว่าขีปนาวุธของรัสเซีย มุ่งเล็งไปยังโครงสร้างของกองทัพยูเครน-ไม่ใช่ทำร้ายประชาชน) ทำให้เกิดปรากฏการณ์เปลี่ยนท่าที (Game Change) เมื่อรัฐบาลเยอรมนียอมส่งอาวุธเช่น ขีปนาวุธ Javelin (guided missile) ใช้ทำลายรถถังอย่างแม่นยำให้กับรัฐบาลยูเครน แม้เดิมจะมีกฎห้ามส่งอาวุธไปในดินแดนสงคราม
รวมทั้งประเทศที่เป็นกลางของยุโรปเหนือคือ ฟินแลนด์, สวีเดน รวมทั้งสวิตเซอร์แลนด์ ถึงกับยอมส่งอาวุธและความช่วยเหลือมายังรัฐบาลยูเครน
จนทำให้เห็นได้ชัดว่า สหภาพยุโรปและนาโตที่ช่วงต้นอาจมีความเห็นไม่ตรงกันเสียทีเดียว ที่จะเผชิญหน้าสู้กับรัสเซีย (ผ่านทางยูเครน) ก็กลับมารวมกันแน่นแฟ้นเป็นเสียงเดียวกัน
รวมทั้งที่ประเทศสหรัฐฯ เอง ที่แตกแยกกันหนักระหว่างเดโมแครตและรีพับลิกัน ก็กลับมีความเห็นร่วมกันได้ว่า รัสเซียกำลังบุกยูเครน เหมือนดังที่ฮิตเลอร์เคยบุกโปแลนด์ (ต้นสงครามโลกครั้งที่ 2) ซึ่งช่วงต้นของสงครามโลกครั้งที่ 2 นั้น ฝ่ายสหรัฐฯ และยุโรปต่างตายใจต่อฮิตเลอร์ ซึ่งทำให้ฮิตเลอร์ไม่หยุดแค่โปแลนด์ และในครั้งนี้ไม่ต้องการเห็นปูตินได้ใจที่น่าจะขยายเข้าบุกประเทศอื่นๆ ที่เคยเป็นของจักรวรรดิโซเวียต (หลังจากบุกยูเครนได้) my
สื่อ RT (Russia Today) ถูกคว่ำบาตรในหลายประเทศยุโรป โดยเฉพาะที่ยูเครนและหลายประเทศที่เคยอยู่ใต้โซเวียต ในขณะที่รัสเซียยังเปิดทางให้สื่อตะวันตกทุกๆ สถานีเข้าไปทำข่าวได้ ทั้งในแนวหน้าที่ยูเครน (ที่รัสเซียกำลังคืบคลานกองกำลังรถถังเข้าประชิดเมืองเคียฟและคาร์คีฟ) และที่รัสเซีย โดยเปิดอย่างเสรีให้รายงานข่าวโดยไม่มีเซ็นเซอร์ใดๆ
สำหรับรายงานข่าวของสื่อ RT เน้นหมู่บ้านบริเวณดอนบาสที่จังหวัดโดเนตสก์ และลูฮันสต์ของกองทัพปลดปล่อย (ที่เป็นชาวรัสเซียและสนับสนุนโดยกองทัพรัสเซีย) ที่ถูกโจมตีหนักโดยกองทัพยูเครนตลอด 8 ปีที่ผ่านมา ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่ปธน.ปูตินเรียกว่า เป็นการกระทำเยี่ยงนาซีต่อคนรัสเซียใน 2 จังหวัดนี้ ที่นอกจากถูกยิงถล่มด้วยขีปนาวุธจนบ้านเรือนพังทลาย และชาวรัสเซียเสียชีวิตยกครัว ยังมีการตัดศีรษะด้วยความแค้นประหนึ่งฆ่าล้างเผ่าพันธุ์รัสเซียด้วย
มีระดับที่ปรึกษาเครมลินออกมาวิเคราะห์ว่า รัสเซียจะต้องให้ยูเครนไม่ฝักใฝ่ตะวันตก (โดยเฉพาะจะเข้าเป็นสมาชิกนาโต-เป็นการทรยศต่อคำมั่นที่รมต.เจมส์ เบเกอร์ รมต.ต่างประเทศของรัฐบาลบุช (ผู้พ่อ) ได้พูดกับกอร์บาชอฟหลังโซเวียตล่มสลายว่า จะไม่ขยายมาประชิดเขตแดนรัสเซีย ขอให้รัสเซียสบายใจได้)...โดยมอสโกมองว่าต้องจัดการให้ยูเครนเป็นกลางทางทหาร (เช่น ฟินแลนด์, สวีเดน หรือสวิส) มิฉะนั้นจะคุกคามต่อการอยู่รอด (Survival) ของรัสเซียทีเดียว...หมายความว่า รัสเซียจะตกอยู่ในอันตรายได้ถ้ายูเครนเข้าเป็นสมาชิกนาโต...จะทำให้ปูตินและชาวรัสเซียนอน (ตา) ไม่หลับนั่นเอง!!
การคว่ำบาตรในระบบการโอนเงิน (Swifts) ที่แม้ยังเปิดช่องไม่คว่ำบาตรจากรัสเซีย แต่จะกระทบตามที่นักวิชาการรัสเซียได้ทำตุ๊กตาคำถามไว้ว่าจะกระทบต่อ GDP ของรัสเซียถึง 5% แต่รัสเซียก็หาทางหนีทีไล่ช่องทางออกที่จีนและอินเดียได้ระดับหนึ่ง
การคว่ำบาตรด้านกีฬาและวัฒนธรรม ที่กำลังเกิดขึ้นต่อรัสเซีย ก็ดูเหมือนปูตินจะไม่ได้คาดเอาไว้ รวมทั้งองค์กรยูโดนานาชาติถึงกับเรียกคืนเข็มขัดดำเกียรติยศของปูติน เป็นการประท้วงด้วยซ้ำ
ดูข่าวปูตินจะยิ่งแข็งกร้าวมากขึ้น มีการยกระดับการโจมตีที่จะต้องรวบรัดกดดันให้เจรจาหาทางออกไปในทางที่รัสเซียจะต้องได้รับรองความปลอดภัยจากนาโต ขณะที่ตะวันตกนำโดยสหรัฐฯ จะต้องระมัดระวังที่จะเผชิญหน้ากับรัสเซียโดยตรง โดยยังยืนยันไม่ส่งกองกำลังนาโตเข้าไปในยูเครน เพียงแต่เพิ่มกองกำลังนาโตเข้าพิทักษ์พรมแดนของนาโตอย่างมั่นคง
แม้เงินรูเบิลจะดิ่งถึง 30% และตลาดทุนรัสเซียจะดิ่ง 40% แต่ราคาน้ำมันดิบเบรนต์ที่ 111 เหรียญขณะนี้ ก็น่าจะชดเชยความเสียหายของรัสเซียได้พอควร...เพื่อแผ่นดินแม่รัสเซีย (Russia Motherland)