xs
xsm
sm
md
lg

ตะวันตกกล่าวหารัสเซียไม่ได้ถอนทหารจริง แถมพร้อมสร้างสถานการณ์บุกยูเครนทุกเมื่อ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


เครื่องยิงขีปนาวุธเตรียมพร้อม ระหว่างการซ้อมรบของกองทัพรัสเซียกับกองทัพเบลารุส ที่สนามฝึกโอซิโปวิชสกี้ ในเขตโมกิเลฟ ประเทศเบลารุส วันพฤหัสบดี (17 ก.พ.)
“ตะวันตก” กล่าวหา “รัสเซีย” ไม่ได้ถอนกำลังจริง ซ้ำส่งทหารไปเพิ่มใกล้ชายแดนยูเครนและพร้อมจัดฉากเพื่อเป็นข้ออ้างในการโจมตีทุกเมื่อ ขณะที่มอสโกแสดงความยินดีที่ผู้นำสหรัฐฯ จริงจังกับแนวทางการทูต พร้อมปฏิเสธว่า ไม่ได้โจมตีทางไซเบอร์ต่อเว็บไซต์ของกระทรวงกลาโหมและแบงก์ใหญ่ 2 แห่งของยูเครนก่อนหน้านี้

เจ้าหน้าที่อาวุโสของทำเนียบขาวคนหนึ่งซึ่งมิได้มีการเปิดเผยนาม บอกกับพวกผู้สื่อข่าวโดยประณามว่า การที่มอสโกประกาศถอนกำลังทหารซึ่งประชิดยูเครนเป็นเพียงข่าวเท็จ ความเป็นจริงรัสเซียกลับส่งทหารเพิ่มอีก 7,000 นาย ซึ่งบางส่วนไปถึงใกล้ชายแดนยูเครนเมื่อวันพุธ (16 ก.พ.) นอกจากนั้นอเมริกายังคงได้รับข้อมูลที่บ่งชี้ว่า รัสเซียอาจจัดฉากเพื่อเป็นข้ออ้างบุกยูเครนได้ทุกเมื่อ

เจ้าหน้าที่คนเดิมเพิ่มเติมว่า แม้มอสโกบอกว่า ต้องการแก้ปัญหาด้วยการทูต แต่การกระทำกลับตรงกันข้าม

ก่อนหน้านั้น อเมริกาและองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต้) ประสานเสียงกับยูเครนว่า ไม่มีสัญญาณว่า รัสเซียกำลังถอนกำลังออกจากแหลมไครเมีย หลังเสร็จสิ้นการซ้อมรบตามภาพข่าวที่สื่อของเครมลินรายงานแต่อย่างใด

ทางด้านประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน เดินทางไปชมทหารฝึกซ้อมใช้ระบบป้องกันรถถังที่ตะวันตกเพิ่งส่งมอบให้ใกล้เมืองริฟเนอ ทางตะวันตกของกรุงเคียฟเมื่อวันพุธ ซึ่งเป็นวันที่ข่าวกรองตะวันตกเตือนว่า รัสเซียอาจเปิดฉากบุก และเซเลนสกีจึงประกาศให้เป็น “วันแห่งความสามัคคี” ของชาวยูเครน โดยผู้นำเคียฟประกาศว่า ยูเครนไม่เกรงกลัวศัตรูและพร้อมปกป้องตัวเอง

เซเลนสกีสำทับว่า สิ่งที่พบเห็นจริงๆ เป็นเพียงการสับเปลี่ยนกำลังขนาดเล็กของรัสเซียซึ่งไม่อาจเรียกได้ว่า การถอนกำลัง

ทั้งนี้ ฝ่ายตะวันตกระบุว่า การที่รัสเซียสะสมกำลังทหาร ขีปนาวุธ และเรือรบรอบๆ ยูเครนในขณะนี้ ถือเป็นความเสี่ยงด้านความมั่นคงที่เลวร้ายที่สุดของยุโรปนับจากสงครามเย็น

ด้านเจนส์ สโตนเทนเบิร์ก เลขาธิการนาโต้ ซึ่งเป็นเจ้าภาพการประชุมระดับรัฐมนตรีกลาโหมชาติสมาชิกที่กรุงบรัสเซลส์ในวันพฤหัสบดี (17) ชี้ว่า มอสโกแสดงออกชัดเจนว่า เตรียมพร้อมท้าทายหลักการพื้นฐานที่รองรับความมั่นคงของยุโรปมานับทศวรรษด้วยการใช้กำลัง และสำทับว่า ไม่เห็นสัญญาณว่า รัสเซียถอนกำลังภาคพื้นดินแล้ว แต่ยังคงมีกำลังมากพอสำหรับการโจมตีด้วยศักยภาพสูงสุดจากไครเมียจนถึงเบลารุส

ส่วนนายกรัฐมนตรีโอลาฟ ชอลซ์ ของเยอรมนี แถลงภายหลังหารือทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของอเมริกาว่า ยังมีความเสี่ยงสูงที่รัสเซียจะบุกยูเครน

ในวันพุธ มิกก์ มาร์แรน ผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองต่างประเทศของเอสโตเนีย แถลงว่า พบทหารรัสเซีย 10 หน่วยรบ (battle group) กำลังมุ่งหน้าไปยังชายแดนยูเครน ซึ่งคาดว่ามีทหารประจำการอยู่ก่อนแล้วราว 170,000 นาย และรัสเซียอาจโจมตีด้วยขีปนาวุธและเข้ายึดพื้นที่สำคัญ โดยถ้าหากทำสำเร็จ รัสเซียจะยิ่งฮึกเหิมและเพิ่มแรงกดดันพวกประเทศในแถบบอลติกอย่างเอสโตเนียต่อไป

นอกจากนั้น ในวันพฤหัสฯ (17) แม็กซาร์ เทคโนโลยีส์ บริษัทอเมริกันที่ติดตามการสะสมกำลังของรัสเซียผ่านภาพถ่ายดาวเทียมมาหลายสัปดาห์แล้ว ได้เผยแพร่ภาพถ่ายดาวเทียมล่าสุด โดยระบุว่า แสดงให้เห็นว่าระหว่างวันจันทร์ถึงวันพุธ (14-16) รัสเซียได้เคลื่อนย้ายอาวุธที่ติดตั้งใกล้ยูเครนออกไปจริง แต่ส่งอาวุธอื่นๆ ไปติดตั้งเพิ่มและยังคงมีทหารและอาวุธจำนวนมากใกล้ชายแดนยูเครนทั้งในเบลารุส ทางตะวันตกของรัสเซีย และไครเมีย

ก่อนหน้านี้ กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ก็ออกมาแถลงเตือนว่า รัสเซียกำลังพยายามสร้างสถานการณ์เพื่อใช้เป็นข้ออ้างบุกยูเครน เช่น อ้างว่ามีการ “ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์” ในดินแดนดอนบาสส์ ทางตะวันออกของยูเครนซึ่งกลุ่มแบ่งแยกดินแดนที่ได้รับการสนับสนุนจากมอสโกควบคุมอยู่

เน็ด ไพรซ์ โฆษกกระทรวงสำทับว่า ช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา พบว่า เจ้าหน้าที่และสื่อรัสเซียได้รายงานข่าวเท็จ ซึ่งข่าวเหล่านี้อาจถูกโหมกระพือเพื่อเป็นข้ออ้างบุกยูเครน

ในวันพฤหัสฯ ผู้นำสหภาพยุโรป (อียู) ที่ประชุมสุดยอดกับผู้นำแอฟริกาในกรุงบรัสเซลส์ ได้นัดหารือฉุกเฉินเกี่ยวกับสถานการณ์รัสเซียและยูเครน โดยที่วันเดียวกันนี้ คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ จะหารือเกี่ยวกับวิกฤตการณ์นี้เช่นกัน

สำหรับทางฝ่ายรัสเซีย ดมิทรี เพสคอฟ โฆษกเครมลิน ให้สัมภาษณ์ว่า ถือเป็นเรื่องที่ดีที่ผู้นำสหรัฐฯ พร้อมเริ่มเจรจาอย่างจริงจัง นอกจากนั้น เขายังปฏิเสธว่า รัสเซียไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการโจมตีทางไซเบอร์ต่อเว็บไซต์ของกระทรวงกลาโหมและแบงก์ใหญ่ 2 แห่งของยูเครนเมื่อวันอังคาร (15) พร้อมโต้ว่า เคียฟมักโยนความผิดทุกอย่างให้มอสโก

(ที่มา : รอยเตอร์, เอเอฟพี, เอพี)
กำลังโหลดความคิดเห็น