สหรัฐฯ และนาโต้ระบุว่ารัสเซียยังคงเสริมกำลังพลตามแนวชายแดนติดกับยูเครนในวันพุธ (16 ก.พ.) แม้มอสโกยืนยันว่าพวกเขากำลังถอนทหารออกมา พร้อมตั้งคำถามถึงจุดยืนของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ต่อความปรารถนาเจรจาหาทางออกของวิกฤต
ในยูเครน ประชาชนชักธงชาติและเปิดเพลงชาติเพื่อแสดงความเป็นอันหนึ่งเดียวกันต่อความกังวลถูกรัสเซียยกพลรุกราน ส่วนรัฐบาลระบุว่า เหตุโจมตีทางไซเบอร์เหตุการณ์หนึ่งซึ่งเล่นงานกระทรวงกลาโหม เป็นเหตุโจมตีทางไซเบอร์ครั้งเลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่ประเทศแห่งนี้เคยประสบมา พร้อมชี้นิ้วกล่าวโทษไปที่รัสเซีย แต่ทางมอสโกปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวข้องด้วย
เจน ซากี เลขานุการฝ่ายสื่อสารมวลชนของทำเนียบขาว ระบุว่าเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ยังไม่สามารถบอกได้ว่าใครอยู่เบื้องหลังเหตุโจมตีทางไซเบอร์ พร้อมกล่าวต่อว่า ประตูสำหรับการเจรจากับรัสเซียยังคงเปิดอยู่ แต่เน้นย้ำความกังวลว่าการจัดฉากสร้างสถานการณ์และให้ข้อมูลบิดเบือน จะตามมาด้วยการยกพลโจมตีของรัสเซีย
ประมาณการว่าเวลานี้มีทหารรัสเซียมากกว่า 1 แสนนายที่ล้อมกรอบยูเครน และการระดมทหารครั้งมหาศาลที่มาพร้อมกับข้อเรียกร้องขอคำรับประกันความมั่นคงอย่างกว้างขวางจากชาติตะวันตก
อย่างไรก็ตาม ในวันอังคาร (15 ก.พ.) กระทรวงกลาโหมของรัสเซียระบุว่า ทหารของพวกเขากำลังถอนกำลังออกมา หลังการซ้อมรบในมณฑลทหารบกทางใต้และทางตะวันตกของประเทศ ใกล้ชายแดนยูเครน
ในวิดีโอที่เผยแพร่ต่อสาธารณะ เป็นภาพรถถัง ยานเกราะติดปืนหนัก และหน่วยปืนใหญ่อัตตาจร กำลังออกจากแหลมไครเมีย ซึ่งมอสโกยึดมาจากยูเครนในปี 2014
อย่างไรก็ตาม แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่าหน่วยทหารหลักของรัสเซียกำลังมุ่งหน้าสู่ชายแดน ไม่ใช่ถอยห่างออกมา "นี่คือสิ่งที่รัสเซียพูด และนี่คือสิ่งที่รัสเซียทำ เราไม่เห็นว่าจะมีการถอนกำลังทหารใดๆ" บลิงเคนให้สัมภาษณ์กับเอ็มเอสเอ็นบีซี "เรายังคงเห็นหน่วยทหารที่สำคัญเคลื่อนตัวมุ่งหน้าไปยังชายแดน ไม่ได้ถอยห่างจากชายแดน"
เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองระดับสูงรายหนึ่งของตะวันตก ระบุว่า ความเสี่ยงที่รัสเซียจะยกพลรุกรานยูเครนจะยังคงอยู่ในระดับสูงไปตลอดทั้งเดือนกุมภาพันธ์ และรัสเซียอาจยังคงโจมตี "โดยไม่มีการเตือน หรือเตือนเพียงเล็กน้อย"
เยนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการนาโต้ ระบุว่าการเคลื่อนทหารและรถถังไปๆ มาๆ ไม่ใช่ข้อพิสูจน์ของการถอนทหาร "สิ่งที่เราเห็นคือพวกเขาเพิ่มกำลังทหารและกำลังเสริมเพิ่มเติมกำลังมุ่งหน้าไป ดังนั้น จนถึงตอนนี้มันไม่ใช่ลดสถานการณ์ความตึงเครียด" กล่าวก่อนพบปะกับพันธมิตรในบรัสเซลส์
ในเวลาต่อมา สโตลเทนเบิร์ก กล่าวว่านาโต้สามารถพิสูจน์ได้ว่ารัสเซียไม่ได้ถอนกำลังทหารออกมา ผ่านภาพถ่ายทางดาวเทียม
ด้านรัฐมนตรีกลาโหมของยูเครน ให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์ว่า รายงานข่าวกรองล่าสุดของประเทศ บ่งชี้เช่นกันว่าไม่พบเห็นสัญญาณการถอนทหารของรัสเซีย เขาบอกว่าเมื่อรวมจำนวนทหารของรัสเซียกับกองกำลังแบ่งแยกดินแดนฝักใฝ่มอสโกแล้ว กำลังพลที่อยู่ตามแนวชายแดนของยูเครน น่าจะอยู่ที่ราวๆ 140,000 นาย
เครมลินระบุว่า การประเมินของนาโต้นั้นผิดพลาด โดยเอกอัครราชทูตรัสเซียประจำไอร์แลนด์บอกว่ากองกำลังทางภาคตะวันตกของรัสเซีย จะถอนกลับสู่ที่มั่นตามปกติภายใน 3 ถึง 4 สัปดาห์
รัสเซียยืนยันว่าไม่เคยมีแผนโจมตียูเครน โดยเพียงต้องการ "ขีดเส้นตาย" ขัดขวางไม่ให้ยูเครนเข้าร่วมเป็นสมาชิกนาโต้ ซึ่งพวกเขามองว่าเป็นภัยคุกคามความมั่นคงของตนเอง
เครมลินระบุว่า ปูตินหวังเจรจากับสหรัฐฯ ซึ่งเสนอปรึกษาหารือควบคุมอาวุธและมาตรการเสริมความเชื่อมั่น แต่ปฏิเสธที่จะวีโต้การเป็นสมาชิกนาโต้ในอนาคตของยูเครน
กระนั้นรัสเซียบอกเช่นกันว่าพวกเขาพร้อมเปลี่ยนเส้นทางส่งออกพลังงานใหม่สู่ตลาดอื่นๆ แทน หากว่าพวกเขาเผชิญกับมาตรการคว่ำบาตร ซึ่งทางวอชิงตันและพันธมิตรเคยขู่ไว้ ในกรณีที่รัสเซียยกพลรุกรานยูเครน
มอสโกกล่าวหาวอชิงตันว่าตีโพยตีพายโฆษณาชวนเชื่อว่าจะเกิดสงคราม หลังเตือนซ้ำๆ เกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่รัสเซียจะลงมือโจมตี และรายงานข่าวในสื่อมวลชนตะวันตกบางแห่ง ถึงขั้นระบุว่ามันจะเกิดขึ้นในวันพุธนี้เลย (16 ก.พ.)
(ที่มา : รอยเตอร์)