xs
xsm
sm
md
lg

ยูเครนผวา! เว็บกลาโหม-แบงก์ใหญ่ถูกโจมตี ‘ไบเดน’ เชื่อยังเป็นไปได้สูงรัสเซียเปิดฉากบุก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภาพที่เผยแพร่โดยกระทรวงกลาโหมรัสเซียระบุว่า กองทหารรัสเซียที่เสร็จสิ้นการซ้อมรบในแหลมไครเมียตามแผน เดินทางข้ามสะพานเชื่อมต่อระหว่างไครเมียกับแผ่นดินใหญ่รัสเซียเมื่อวันพุธ (16 ก.พ.) เพื่อกลับที่ตั้งประจำของพวกตน
“ไบเดน” ประกาศผลักดันแนวทางแก้ไขวิกฤตโดยใช้วิถีทางการทูตต่อ แต่ไม่วายสำทับเตือนว่าการบุกยูเครน “ยังเป็นไปได้สูง” และตะวันตกพร้อมแซงก์ชันรัสเซียอย่างรุนแรงทุกเมื่อ ด้าน “ปูติน” ยันไม่ต้องการสงครามและพร้อมเจรจา ขณะกลาโหมหมีขาวแถลงเป็นวันที่ 2 ในวันพุธ (16 ก.พ.) หน่วยทหารเสร็จสิ้นการซ้อมรบทยอยเดินทางกลับกรมกอง อย่างไรก็ดี ยูเครนยังคงไม่วางใจ ท่ามกลางกระแสข่าวเว็บไซต์กระทรวงกลาโหมและสถาบันการเงินใหญ่ที่สุดในประเทศ 2 แห่งถูกโจมตีทางไซเบอร์

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของอเมริกา ออกมาแถลงเมื่อวันอังคาร (15) ว่า แม้รัสเซียอ้างว่าถอนกำลังบางส่วนจากทั้งหมดราว 150,000 นายออกจากชายแดนยูเครนแล้ว แต่วอชิงตันและพันธมิตรยังไม่สามารถตรวจสอบยืนยันเรื่องนี้ได้ และการวิเคราะห์ข้อมูลบ่งชี้ว่า กองกำลังของรัสเซียยังอยู่ในสถานะที่คุกคามอย่างมาก

“อเมริกาพร้อมสำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้น ทั้งด้านการทูตและการตอบโต้อย่างรุนแรงด้วยมาตรการแซงก์ชันหากรัสเซียโจมตียูเครน ซึ่งยังมีความเป็นไปได้สูงมาก”

ขณะที่ เจนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต้) ขานรับว่า แม้มีสัญญาณจากรัสเซียว่าควรดำเนินการแนวทางการทูตต่อ แต่บ่อยครั้งที่มอสโกมักทิ้งอาวุธไว้หลังการซ้อมรบ ซึ่งหมายถึงแนวโน้มที่อาจมีการส่งทหารกลับไปอีกครั้ง

ก่อนหน้านั้น ในวันอังคาร (15) กระทรวงกลาโหมรัสเซียประกาศว่า ได้ถอนทหารและอาวุธบางส่วนจากบริเวณชายแดนติดกับยูเครนแล้ว หลังจากเกองทหารในเขตทหารภาคตะวันตกและภาคใต้สร็จสิ้นการซ้อมรบที่วางแผนไว้ จากนั้นได้แถลงอีกครั้งในวันพุธ (16) ว่า ทหารในเขตทหารภาคใต้เสร็จสิ้นการซ้อมรบในแหลมไครเมียแล้วเช่นกันและกำลังเดินทางกลับฐานในแผ่นดินใหญ่รัสเซีย

วันเดียวกันนั้น วลาดิมีร์ มาเก รัฐมนตรีต่างประเทศเบลารุส ให้สัมภาษณ์ยืนยันว่า หลังการซ้อมรบร่วมกันของเบลารุสกับรัสเซีย จะไม่มีทหารรัสเซียแม้แต่นายเดียวคงอยู่ในเบลารุส

ขณะเดียวกัน หลังพบกับนายกรัฐมนตรีโอลาฟ ชอลซ์ ของเยอรมนีที่ไปเยือนมอสโก ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ยืนยันว่า รัสเซียไม่ต้องการสงครามและยินดีเจรจาหาทางออกกับตะวันตก พร้อมยืนยันการถอนกำลังรัสเซียบางส่วนกลับกรมกอง

ด้านชอลซ์ กล่าวว่า การประกาศของรัสเซียเป็นสัญญาณที่ดี ผู้นำเมืองเบียร์ยังคลายความกังวลของปูตินว่า ยูเครนไม่ได้กำลังจะเข้าเป็นสมาชิกนาโตในเร็วๆ นี้

อย่างไรก็ตาม แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ยืนกรานกับเซียร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียระหว่างหารือทางโทรศัพท์ว่า อเมริกาต้องการหลักฐานการถอนทหารที่พิสูจน์ได้และน่าเชื่อถือ

นอกจากนี้ ไบเดนที่ได้พูดคุยโดยตรงกับปูตินเมื่อวันเสาร์ (12) ยังกล่าวว่า มีวิธีการซึ่งสามารถจัดการความกังวลด้านความมั่นคงของทั้งสองฝ่ายได้จริง และสหรัฐฯ กำลังผลักดันแนวคิดที่เป็นรูปธรรมเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมความมั่นคงในยุโรป

กระนั้น เกี่ยวกับความกังวลของปูตินที่ว่า ยูเครนอาจพยายามเข้าร่วมเป็นสมาชิกนาโต้นั้น ประมุขทำเนียบขาวสำทับว่า ประเทศต่างๆ มีสิทธิในอธิปไตยและบูรณาภาพแห่งดินแดนของตนเอง พร้อมย้ำว่า รัสเซียไม่ได้ถูกอเมริกา นาโต้ หรือยูเครนคุกคาม

แม้ดูเหมือนสถานการณ์เริ่มคลี่คลายในทางที่ดี แต่ยูเครนยังคงตึงเครียดหลังเว็บไซต์ของกระทรวงกลาโหมและธนาคารของรัฐ 2 แห่งซึ่งเป็นสถาบันการเงินใหญ่ที่สุดในประเทศ ถูกโจมตีทางไซเบอร์ โดยเมื่อหลายสัปดาห์ก่อน ผู้เชี่ยวชาญด้านกลาโหมเคยทำนายว่า รัสเซียจะโหมโรงก่อนเปิดฉากบุกด้วยการโจมตีทางไซเบอร์

แม้เคียฟไม่ได้ระบุชื่อผู้ที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้ แต่คำแถลงที่ออกมาบ่งชี้ว่า ผู้ที่ถูกกล่าวหาเป็นตัวการคือรัสเซีย

อีกหนึ่งความเคลื่อนไหวที่มีแนวโน้มสร้างความไม่พอใจให้เคียฟคือ สมาชิกรัฐสภารัสเซียลงมติเมื่อวันอังคารเรียกร้องให้ปูตินยอมรับโดเนสต์ และลูกันสก์ ที่เป็นดินแดนในยูเครนตะวันออก ซึ่งประกาศแยกตัวจากยูเครนมาหลายปีแล้ว มีฐานะเป็นรัฐอิสระ

ทั้งสองแคว้นดังกล่าวมีประชากรส่วนใหญ่เป็นผู้พูดภาษารัสเซียและสนับสนุนมอสโก อีกทั้งยังสู้รบกับกองทัพยูเครนมาตั้งแต่ปี 2014 ทำให้มีผู้เสียชีวิตราว 14,000 คน

การประกาศยอมรับดินแดนทั้งสองเป็นรัฐอิสระจะมีผลให้ข้อตกลงสันติภาพกรุงมินสก์สิ้นสุดทันที รวมทั้งอาจตามมาด้วยการที่รัสเซียยกทัพเข้าไป

การประกาศแยกตัวจากยูเครนของ โดแนสต์ และลูกันสก์ มีขึ้นในช่วงเวลาใกล้เคียงกับที่รัสเซียใช้แผนสายฟ้าแลบบุกยึดแหลมไครเมียจากยูเครนแบบแทบไม่เสียเลือดเนื้อ จากนั้นก็ประกาศผนวกเข้าเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของรัสเซีย

(ที่มา : เอเอฟพี, รอยเตอร์, เอพี)


กำลังโหลดความคิดเห็น