ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ เมื่อวันพฤหัสบดี (10 ก.พ.) เร่งเร้าพลเมืองอเมริกาให้เดินทางออกจากยูเครนในทันที ในขณะที่การซ้อมรบกระสุนจริงของรัสเซียและการระดมกำลังทหารตามแนวชายแดน โหมกระพือความกังวลว่ามอสโกจะยกพลรุกรานยูเครน
ความตึงเครียดระหว่างวอชิงตันกับมอสโกพุ่งแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่สงครามเย็น ด้วยสหรัฐฯ ประมาณการว่า มีทหารรัสเซียราว 130,000 นาย ระดมกำลังกันอยู่ตามแนวชายแดนติดกับยูเครน
"พลเมืองอเมริกันควรเดินทางออกมาเดี๋ยวนี้เลย" ไบเดนกล่าวในการสัมภาษณ์ที่บันทึกเทปไว้ล่วงหน้ากับสำนักข่าวเอ็นบีซีนิวส์ "เรากำลังรับมือกับหนึ่งในกองทัพใหญ่ที่สุดในโลก มันเป็นสถานการณ์ที่ต่างออกไปอย่างมากและสิ่งต่างๆ อาจเข้าสู่ความบ้าคลั่งอย่างรวดเร็ว"
ไบเดน เน้นย้ำว่า ไม่มีกรณีแวดล้อมใดที่เขาจะส่งทหารเข้าไปยังยูเครน แม้กระทั่งในภารกิจช่วยหลือพลเมืองอเมริกันในกรณีที่รัสเซียเปิดฉากรุกราน "มันจะเป็นสงครามโลก เมื่ออเมริกาและรัสเซียเริ่มยิงเข้าใส่กัน เราจะอยู่ในโลกที่ต่างออกไปโดยสิ้นเชิง" เขากล่าว
คำพูดของไบเดนถูกเผยแพร่ออกมาหลายชั่วโมง หลังจากรัสเซียเคลื่อนรถถังข้ามชายแดนเข้าสู่เบลารุส เพื่อซ้อมรบกระสุนจริง ที่เรียกเสียงเตือนจากจากนาโต้ และกระตุ้นให้ตะวันตกต้องเร่งมือในความพยายามหลีกเลี่ยงเกิดสงครามในทวีปยุโรป
นาโต้ระบุว่า ความเคลื่อนไหวประจำการขีปนาวุธ ยานเกราะหนัก และกองทหารติดปืนกลของรัสเซีย ตอกย้ำถึง "ช่วงเวลาอันตราย" สำหรับทวีปยุโรป ราว 3 ทศวรรษหลังการล่มสลายของสหภาพโซเวียต
พวกผู้นำตะวันตกพยายามติดต่อไปมากับมอสโก ในความพยายามรักษาช่องทางการสื่อสารระหว่างสองฝ่ายเอาไว้ เปิดโอกาสให้รัสเซียระบายความคับข้องใจเกี่ยวกับการแผนขยายอิทธิพลของนาโต้เข้าสู่ยุโรปตะวันตกและบรรดาประเทศอดีตสหภาพโซเวียต
อย่างไรก็ตาม พวกเขาพยามหาทางแสดงออกถึงความแน่วแน่ในการเผชิญกับสิ่งที่พวกเขาเรียกว่าท่าทีของรัสเซียที่ซ้ำเติมสถานการณ์ความตึงเครียดที่หนักหน่วงอยู่ก่อนแล้ว "รัสเซียไม่ควรประเมินเราต่ำเกินไป ทั้งในแง่ความเป็นหนึ่งเดียวกันและความมุ่งมั่นของเราในฐานะพันธมิตรอียูและในฐานะพันธมิตรนาโต้" โอลาฟ์ โชลซ์ นายกรัฐมนตรีเยอรมนีระบุ
เพนตากอนเผยในวันพฤหัสบดี (10 ก.พ.) ว่า ในความพยายามลดโอกาสของการคำนวณพลาดระหว่างการซ้อมรบของรัสเซียกับเบลารุส บรรดาผู้บัญชาการด้านกลาโหมของสหรัฐฯ และเบลารุสได้พูดคุยทางโทรศัพท์กัน ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่พบเห็นบ่อยครั้งนัก
รัสเซียยังได้ส่งเรือรบ 6 ลำล่องผ่านช่องแคบบอสพอรัส สำหรับซ้อมรบทางนาวีในทะเลดำ และทะเลอาซอฟที่อยู่ติดกัน
ในเรื่องนี้ เคียฟ ประณามความเคลื่อนไหวดังกล่าวว่าเป็นความพยายาม "อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน" ในการตัดขาดยูเครนออกจากทะเลทั้งสองแห่ง
มอสโกและมินสก์ ไม่เปิดเผยว่ามีทหารมากแค่ไหนที่เข้าร่วมการซ้อมรบในครั้งนี้ แต่สหรัฐฯ เชื่อว่ามีททหารราว 30,000 นายจากฐานที่มั่นต่างๆ ในนั้นรวมถึงทางตะวันออกไกลของรัสเซีย ที่ถูกส่งเข้าไปยังเบลารุส
กระทรวงกลาโหมของรัสเซียยืนยันว่าการซ้อมรบมุ่งเน้นไปที่การป้องปรามและปัดเป่าการรุกรานจากภายนอก และเครมลินให้สัญญาว่าทหารเหล่านี้จะเดินทางกลับประเทศ เมื่อการซ้อมรบเสร็จสิ้น
อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ระบุว่า "การระดมกำลังตามแนวชายแดนคือความพยายามสร้างแรงกดดันทางจิตวิทยาจากประเทศเพื่อนบ้านของเรา"
รัสเซียกำลังแสวงหาคำรับประกันอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรว่านาโต้จะถอนกำลังทหารที่ประจำการในยุโรปตะวันออก และจะไม่ขยายขอบเขตทางทหารเข้าสู่ยูเครน พร้อมถึงต้องไม่รับยูเครนเข้าเป็นสมาชิกนาโต้ไปตลอดกาล
สหรัฐฯ และนาโต้ปฏิเสธข้อเรียกร้องของรัสเซียอย่างเป็นทางการแล้ว แต่วอชิงตันนำเสนอกรอบความคิดหนึ่งที่จะนำมาซึ่งการบรรลุข้อตกลงใหม่ด้านการปลดอาวุธในยุโรป อย่างไรก็ตาม มอสโกปฏิเสธข้อเสนอนี้ในทันที โดยบอกว่ามันไม่เพียงพอ
(ที่มา : เอเอฟพี)