สหรัฐฯ เมื่อวันพุธ (26 ม.ค.) ปฏิเสธข้อเรียกร้องหลักของรัสเซียที่ขอให้ห้ามยูเครนเข้าร่วมเป็นสมาชิกนาโต้ตลอดกาล และเชื่อว่ามอสโกพร้อมยกพลบุกแล้ว แต่ยื่นข้อเสนอที่เรียกว่า "เส้นทางแห่งการทูตใหม่" ในการออกจากวิกฤต ข้อสันนิษฐานที่ต่างจากยูเครน ซึ่งบรรดาเจ้าหน้าที่ระดับสูงเชื่อว่าไม่มีเหตุผลที่ "พญาหมีขาว" จะเปิดฉากรุกรานเร็วๆ นี้
แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ เผยว่า เขาจะพูดคุยอีกครั้งในอีกไม่กี่วันข้างหน้ากับ เซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย หลังจากเพิ่งพบปะกันเมื่อวันศุกร์ (21 ม.ค.) ในเจนีวา ขณะที่การหารืออีกคณะที่ริเริ่มโดยฝรั่งเศส นำมาซึ่งคำสัญญาจากมอสโก ว่าอย่างน้อยๆ ก็จะเดินหน้าพูดคุยกับรัฐบาลของยูเครนต่อไป
หนึ่งเดือนหลังจากรัสเซียวางข้อเรียกร้องด้านความมั่นคงอย่างกว้างขวาง พร้อมกับส่งทหารนับแสนนายเข้าประจำการตามแนวชายแดนติดกับยูเครน สหรัฐฯ ตอบโต้ด้วยการประสานงานความร่วมมือกับบรรดาพันธมิตรนาโต้ และบอกว่าพวกเขาพร้อมไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
"มันกำหนดเส้นทางด้านการทูตอย่างจริงจังที่รัสเซียควรตัดสินใจเลือก" บลิงเคน บอกกับผู้สื่อข่าว
เขาวางข้อเสนอครั้งใหม่ในมาตรการยื่นหมูยื่นแมว เพื่อจัดการความกังวลด้านความมั่นคงต่างๆ ร่วมกัน ในนั้นรวมถึงลดจำนวนขีปนาวุธในยุโรป มีความโปร่งใสด้านการซ้อมรบทางทหาร และเงินช่วยเหลือของตะวันตกที่มอบแก่ยูเครน
อย่างไรก็ตาม เขาแสดงจุดยืนอย่างชัดเจนว่าสหรัฐฯ จะไม่ยอมอ่อนข้อต่อข้อเรียกร้องหลักของรัสเซียที่ขอให้ห้ามยูเครนเข้าร่วมเป็นสมาชิกนาโต้ไปตลอดกาล "จากมุมมองของเรา ผมไม่สามารถพูดให้ชัดไปกว่านี้อีกแล้ว ประตูของนาโต้ยังเปิดอยู่และนั่นคือคำสัญญาของเรา" บลิงเคน กล่าว
รัสเซีย ซึ่งมีประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างซับซ้อนกับยูเครน โหมกระพือการก่อกบฏทางภาคตะวันออกของประเทศอดีตสหภาพโซเวียต ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไปแล้วมากกว่า 13,000 ราย นับตั้งแต่ปี 2014
ในปีดังกล่าว รัสเซียยังได้เข้ายึดไครเมียและผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของดินแดน หลังจากรัฐบาลหนึ่งในเคียฟที่ขัดขืนความพยายามขยับตัวใกล้ชิดกับยุโรปมากขึ้นถูกโค่นล้ม
สหรัฐฯ เตือนถึงผลสนองรุนแรงและรวดเร็วหากรัสเซียเปิดฉากรุกราน ในนั้นรวมถึงความเป็นไปได้ที่จะคว่ำบาตรประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน เป็นการส่วนตัว และนาโต้สั่งให้ทหาร 8,500 นายเตรียมพร้อม "ขณะที่เราหวังและกำลังทำงานเพื่อทางออกที่ดี การลดสถานการณ์ความตึงเครียด แต่เราก็เตรียมพร้อมสำหรับกรณีเลวร้ายเช่นกัน" เยนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการนาโต้กล่าว
เวนดี เชอร์แมน ผู้ช่วยของ บลิงเคน ซึ่งเป็นผู้นำเจรจารอบที่ผ่านมากับรัสเซีย ระบุดูเหมือน ปูติน พร้อมรุกรานแม้มีคำเตือนจากสหรัฐฯ "ฉันไม่รู้ว่าเขาตัดสินใจขั้นเด็ดขาดไปแล้วหรือไม่ แต่แน่นอน เราเห็นสิ่งบ่งชี้ทุกๆ อย่างว่าเขากำลังใช้กำลังทหารในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง บางทีระหว่างตอนนี้ถึงช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์"
เธอตั้งข้อสงเกตว่าบางที ปูติน อาจรอไม่ให้มันบดบังพิธีเปิดกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวในกรุงปักกิ่ง ในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ซึ่งผู้นำรัสเซียจะเข้าร่วมด้วย ท่ามกลางการคว่ำบาตรทางการทูตจากสหรัฐฯ และหลายชาติพันธมิตร
ในอีกหนึ่งความพยายามปลดชนวนความตึงเครียด เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัสเซียและยูเครนพบปะกันนานกว่า 8 ชั่วโมงในกรุงปารีส ร่วมด้วยผู้แทนจากฝรั่งเศสและเยอรมนี
ดมิทรี โคซัค เจ้าหน้าที่ระดับสูงของวังเครมลิน ระบุว่า การเจรจา "ไม่ใช่เรื่องง่าย" แต่จะมีการพูดคุยหารือกันอีกรอบในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้าในกรุงเบอร์ลิน ส่วนผู้ช่วยคนหนึ่งของประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส เรียกการเจรจาครั้งนี้ว่า "ยากลำบาก" แต่บอกกับพวกผู้สื่อข่าวว่า "ในกรณีแวดล้อมปัจจุบัน เราได้รับสัญญาณที่ดี"
ฝรั่งเศสและเยอรมนีเข้าร่วมสหรัฐฯ ในการส่งเสียงเตือนรัสเซียเกี่ยวกับการรุกรานใดๆ แต่ไม่ได้พูดโดยตรงเกี่ยวกับมาตรการคว่ำบาตร
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ซึ่งพูดคุยกับบรรดาผู้นำยุโรปผ่านการประชุมทางไกลเมื่อวันอังคาร (25 ม.ค.) ระบุว่า การโจมตีทางทหารใดๆ ของรัสเซียต่อยูเครน จะกระพือ "ผลสนองมหึมา" และอาจถึงขั้น "เปลี่ยนโลกใบนี้"
อย่างไรก็ตาม ดมิทรี เปสคอฟ ยักไหล่ต่อคำขู่ดังกล่าว พร้อมเตือนกลับว่าความพยายามลงโทษปูตินเป็นการส่วนตัวจะทำลายทุกอย่าง
เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ เป็นอีกครั้งที่สหรัฐฯ แนะนำให้พลเมืองเดินทางออกจากยูเครน เตือนว่าการรุกรานใดๆ ใกล้เกิดขึ้นแล้ว อย่างไรก็ตาม รัฐบาลยูเครนปฏิเสธว่ายังไม่มีอันตรายใดๆ ที่คืบคลานเข้ามา และบอกว่ากำลังหาทางออกจากวิกฤต ในความหวังป้องกันความตื่นตระหนก
โอเลกสกี เรซนิคอฟ รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมเผยในที่ประชุมสภาว่า “จนถึงขณะนี้ยังไม่มีมูลเหตุให้เชื่อว่ารัสเซียจะจู่โจมในเร็วๆ นี้” และย้ำว่า กองทัพรัสเซียไม่ได้ส่งกองกำลังที่จะบุกมายังชายแดน “ไม่ต้องห่วง นอนให้สบายเถอะ ยังไม่จำเป็นต้องเตรียมข้าวของ”
เช่นเดียวกับ ฮันนา มัลยาร์ รัฐมนตรีช่วยกระทรวงกลาโหมที่ระบุไว้ในเฟซบุ๊กว่า จำนวนทหารรัสเซียที่ประจำการอยู่ที่ชายแดนยูเครนไม่เพียงพอต่อการบุกจู่โจมเต็มรูปแบบ แต่ปูตินกำลังใช้การสะสมกำลังพลเพื่อแบล็กเมลตะวันตกทางการเมืองและกดดันยูเครน และบอกอีกว่า “เป้าหมายของรัสเซียคือทำให้เกิดการแบ่งแยกในสังคมของเรา เพาะสร้างความหวาดกลัวและตื่นตระหนกเพื่อสร้างความวุ่นวายให้สถานการณ์ภายใน”
สอดคล้องกับความเห็นของ ดมีโทร คูเลบา รัฐมนตรีต่างประเทศยูเครน บอกกับผู้สื่อข่าวว่าทหารรัสเซียส่อเป็นภัยคุกคามต่อยูเครน แต่จำนวนที่ประจำการอยู่นั้น "ไม่เพียงพอที่จะโจมาตีแบบเต็มรูปแบบ"
(ที่มา : เอเอฟพี)