กองกำลังรัสเซียยกระดับการโจมตีต่อพื้นที่เขตเมืองที่มีผู้คนพักอาศัยอยู่หนาแน่นในวันอังคาร (1 มี.ค.) ทิ้งระเบิดถล่มจัตุรัสในเมืองใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของยูเครน และหอส่งสัญญาณทีวีหลักของกรุงเคียฟ ในสิ่งที่ประธานาธิบดียูเครนประณามว่าเป็นปฏิบัติการก่อการร้ายอย่างโจ่งแจ้ง
"ไม่มีใครจะให้อภัย ทุกคนจะไม่มีวันลืม" ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ประกาศ หลังจากเกิดเหตุนองเลือดที่จัตุรัสในเมืองคาร์คิฟ
เจ้าหน้าที่ยูเครนเผยว่ามี 5 คนเสียชีวิตในเหตุโจมตีหอส่งสัญญาณโทรทัศน์ ซึ่งอยู่ห่างจากใจกลางกรุงเคียฟไปไม่กี่กิโลเมตร และห่างจากอาคารอพาร์ตเมนต์มากมายไม่กี่ก้าว ทั้งนี้เจ้าหน้าที่เผยว่าการโจมตีก่อความเสียหายแก่ห้อมควบคุมเสียงห้องหนึ่งและสถานีไฟฟ้าย่อย ส่งผลให้สถานีโทรทัศน์บางแห่งของยูเครนต้องหยุดออกอากาศในช่วงสั้นๆ
ทำเนียบประธานาธิบดีของเซเลนสกี รายงานด้วยว่ามีการโจมตีด้วยขีปนาวุธทรงพลังลูกหนึ่ง บริเวณที่ตั้งของอนุสรณ์สถาน Babi Yar Holocaust ใกล้กับหอส่งสัญญาณโทรทัศน์ ขณะที่ทางโฆษกของอนุสรณ์สถาน ระบุว่าสุสานยิวแห่งหนึ่งในบริเวณดังกล่าวได้รับความเสียหาย แต่ขอบเขตความเสียหายยังไม่เป็นที่แน่ชัดจนกว่าจะเข้าสู่ช่วงกลางวัน
ในช่วงเวลาเดียวกัน พบเห็นขบวนรถถังและยานยนต์อื่นๆ ของรัสเซียหลายร้อยคัน อยู่ห่างจากกรุงเคียฟราวๆ 64 กิโลเมตร และค่อยๆ รุกคืบเข้าหาเมืองหลวงแห่งนี้ที่มีประชากรเกือบ 3 ล้านคน ในสิ่งที่ตะวันตกกังวลว่าประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย มีเป้าหมายโค่นล้มรัฐบาลยูเครนและจัดตั้งรัฐบาลที่เป็นมิตรกับเครมลินขึ้นมาแทน
รัสเซียยังได้เดินหน้ารุกรานด้วยการใช้กำลังอย่างหนักในเมืองอื่นๆ เช่นกัน ในนั้นรวมถึงเมืองโอเดซา ซึ่งเป็นท่าเรือทางยุทธศาสตร์อันสำคัญ และเมืองมารียูปอล ทางภาคใต้ของประเทศ
วันที่ 6 ของสงครามภาคพื้นใหญ่ที่สุดในยุโรปนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 พบเห็นรัสเซียถูกโดดเดี่ยวมากขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาถูกเล่นงานด้วยมาตรการคว่ำบาตรอันหนักหน่วงที่ฉุดเศรษฐกิจของรัสเซียเข้าสู่ความยุ่งเหยิง และไร้มิตรสหายในทางปฏิบัติ ยกเว้นแต่ไม่กี่ประเทศ อย่างเช่น จีน เบลารุส และเกาหลีเหนือ
ยอดรวมการเสียชีวิตในเหตุสู้รบยังไม่ชัดเจน แต่เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองตะวันตกรายหนึ่งประมาณการว่า มีทหารรัสเซียเสียชีวิตหรือถูกจับกุมมากกว่า 5,000 นาย ส่วนยูเครนไม่ได้ให้คำประเมินเกี่ยวกับความสูญเสียที่เกิดขึ้นกับทหารของพวกเขา
กระทรวงกลาโหมสหราชอาณาจักร ระบุว่าพวกเขาพบเห็นรัสเซียปฏิบัติการโจมตีทางอากาศและยิงปืนใหญ่ถล่มพื้นที่เขตเมืองที่มีประชาชนพักอาศัยอยู่หนาแน่นเพิ่มมากขึ้นในช่วง 2 วันหลังสุด และบอกด้วยว่ามีอยู่ 3 เมือง ประกอบด้วย คาร์คิฟ เคอร์ซอน และมารียูปอล ที่ถูกล้อมกรอบโดยกองกำลังรัสเซีย
พวกผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารหลายคนแสดงความกังวลว่า รัสเซียอาจเปลี่ยนกลยุทธ์ หลังจากมอสโกเคยใช้กลยุทธ์ยืงปืนใหญ่และทิ้งระเบิดทางอากาศในเชเชน และซีเรียมาแล้วก่อนหน้านี้ เพื่อทำลายเมืองต่างๆ ให้แหลกสลายและทำลายขวัญกำลังใจ
การทิ้งระเบิดโจมตีหอส่งสัญญาณโทรทัศน์ มีขึ้นหลังจากรัสเซียประกาศว่าพวกเขาจะเล็งเป้าหมายไปที่ศูนย์ส่งสัญญาณต่างๆ ของหน่วยข่าวกรองยูเครนในเมืองหลวง พร้อมกับเรียกร้องให้ประชาชนที่อยู่ใกล้สถานที่เหล่านั้น ให้อพยพออกจากที่พักอาศัย
ในคาร์คิฟ ซึ่งมีประชากรราว 1.5 ล้านคน มีประชาชนเสียชีวิตอย่างน้อย 6 ราย เมื่ออาคารสำนักงานบริหารภูมิภาคซึ่งสร้างขึ้นตั้งแต่ยุคสหภาพโซเวียตของเมืองแห่งนี้ ซึ่งตั้งอยู่บริเวณจัตุรัสเสรีภาพ ถูกโจมตีด้วยอาวุธชนิดหนึ่งซึ่งเชื่อว่าน่าจะเป็นขีปนาวุธ
ปฏิบัติการโจมตีจัตุรัสเสรีภาพ ซึ่งเป็นพลาซ่าใหญ่อันดับ 2 ของยูเครน และถือเป็นศูนย์รวมชีวิตสาธารณะของนครนี้ ด้วยอาวุธที่เชื่อกันว่าเป็นขีปนาวุธลูกหนึ่ง ถูกมองโดยชาวยูเครนจำนวนมากว่าเป็นหลักฐานที่ชัดเจนว่าการรุกรานของรัสเซียไม่ได้เล่นงานแค่เป้าหมายด้านการทหาร แต่ยังเป็นเรื่องเกี่ยวกับการทำลายขวัญและกำลังใจของพวกเขาด้วย
เซเลนสกีประณามการโจมตีจัตุรัสดังกล่าวว่าเป็นการก่อการร้ายอย่างโจ่งแจ้ง และเป็นอาชญากรรมสงคราม "นี่คือรัฐก่อการร้ายแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย"
ต่อมา เซเลนสกี กล่าววิงวอนที่เต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกไปยังรัฐสภายุโรปว่า "เรากำลังต่อสู้เช่นกันในการเป็นสมาชิกที่เท่าเทียมของยุโรป ผมเชื่อว่าวันนี้เรากำลังแสดงให้ทุกคนเห็นแล้วว่านี่คือสิ่งที่เราเป็น"
เขากล่าวว่ามีเด็ก 16 คนเสียชีวิตทั่วยูเครนในวันจันทร์ (28 ก.พ.) และเย้ยหยันรัสเซียที่อ้างว่าพวกเขากำลังเล่นงานเฉพาะเป้าหมายด้านการทหารเท่านั้น "แล้วเด็กเหล่านี้มาจากไหน ที่ตั้งทางทหารแบบไหนที่พวกเขากำลังเล่นงาน รถถังของพวกเขากำลังมุ่งหน้าไปที่ไหน" เซเลนสกีระบุ
กลุ่มสิทธิมนุษยชนฮิวแมนไรท์วอตช์กล่าวหาว่ามีการใช้ระเบิดลูกปรายโจมตีนอกโรงพยาบาลแห่งหนึ่งทางภาคตะวันออกของยูเครนในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา และชาวบ้านรายงานพบเห็นการใช้อาวุธดังกล่าวในเมืองคาร์คิฟ และหมู่บ้านคิยานกา แต่เครมลินยืนกรานปฏิเสธว่าไม่ได้ใช้ระเบิดลูกปราย
หากคำกล่าวหานี้ได้รับการยืนยัน มันจะเป็นความโหดเหี้ยมระดับใหม่ของสงครามและอาจนำมาซึ่งความเคลื่อนไหวโดดเดี่ยวรัสเซียมากยิ่งขึ้น
รัสเซียยกระดับคำขู่ครั้งใหม่ หลังจากหลายวันที่ผ่านมา พวกเขาโหมกระพือความกังวลเกี่ยวกับสงครามนิวเคลียร์ โดยล่าสุดเจ้าหน้าที่ระดับสูงรายหนึ่งในเครมลินเตือนว่า "สงครามเศรษฐกิจของตะวันตก" ต่อรัสเซีย อาจเปลี่ยนคำขู่นิวเคลียร์ให้กลายเป็นจริง
สำนักงานสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติเผยว่ามีประชาชนแล้วกว่า 660,000 คนที่หลบหนีออกนอกยูเครน และอีกจำนวนมากที่หลบภัยอยู่ใต้ดิน ขณะเดียวกัน พวกเขาระบุด้วยว่าได้รับรายงานมีพลเรือนเสียชีวิตในสงครามนี้แล้ว 136 ราย แต่ตัวเลขที่แท้จริงเชื่อว่าน่าจะสูงกว่านี้มาก
ภาพถ่ายดาวเทียมของแม็กซาร์ เทคโนโลยีส์ของอเมริกา เผยให้เห็นขบวนยานยนต์หุ้มเกราะ รถถัง ปืนใหญ่ และยานยนต์สนับสนุนยาวเหยียดถึง 64 กิโลเมตร บนถนนที่มุ่งหน้าสู่เคียฟโดยอยู่ห่างจากศูนย์กลางเมืองเพียง 25 กิโลเมตร
เจ้าหน้าที่ระดับสูงรายหนึ่งของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ให้คำจำกัดความขบวนดังกล่าวว่า "หยุดชะงัก" โดยบอกว่าดูเหมือนรัสเซียกำลังหยุดนิ่งและจัดกระบวนทัพใหม่ เพื่อประเมินถึงแนวทางทวงคืนสถานการณ์ที่ได้เปรียบในการสู้รบ
โดยรวมแล้ว กองทัพรัสเซียต้องหยุดชะงักสืบเนื่องจากการต้านทางภาคพื้นและยังไม่สามารถควบคุมน่านฟ้าของยูเครนได้อย่างสมบูรณ์
เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองตะวันตกรายหนึ่งซึ่งไม่ประสงค์เอ่ยนามระบุว่า ขบวนรถมหาศาลที่อัดแน่นขับตามกันไปบนถนนแคบๆ ดูจะเป็น "เป้าใหญ่เบ้อเริ่ม" สำหรับกองกำลังยูเครน "อย่างไรก็ตาม อีกด้านหนึ่งมันแสดงให้คุณเห็นเช่นกันว่า กองทัพรัสเซียดูสบายๆ ในการรวมพลในที่โล่งแจ้งเช่นนี้ เพราะว่าพวกเขารู้สึกว่าจะไม่ถูกโจมตีทางอากาศด้วยจรวดหรือขีปนาวุธใดๆ"
(ที่มา : เอพี)