รัสเซียไม่หวั่นถูกนานาชาติโดดเดี่ยวทั้งทางการเงิน เศรษฐกิจ วัฒนธรรม และกีฬา เดินหน้าถล่มจัตุรัสใจกลางเมืองและเป้าหมายพลเรือนอื่นๆ ในเมืองใหญ่อันดับ 2 ของยูเครนต่อเนื่องในวันอังคาร (1มี.ค.) ขณะที่ขบวนรถถัง ปืนใหญ่ และยานยนต์สนับสนุนอื่นๆ ยาว 65 กิโลเมตรมุ่งหน้าสู่กรุงเคียฟ ซึ่งผู้นำยูเครนระบุว่า เป็นวิธีบีบให้ตนเองยอมแพ้ในศึกคราวนี้ ที่ถือเป็นสงครามภาคพื้นดินที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปในช่วงหลายสิบปี
ขณะที่ค่าเงินรูเบิลอ่อนยวบจากฤทธิ์มาตรการแซงก์ชันของนานาชาติ กองทัพรัสเซียยังคงพยายามรุกคืบตีเมืองใหญ่ที่สุด 2 แห่งของยูเครน โดยในเมืองคาร์คีฟ ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับ 2 ที่มีประชากรราว 1.5 ล้านคน และมีความสำคัญทางยุทธศาสตร์นั้น มีผู้ถูกสังหารไปอย่างน้อย 6 คน เมื่ออาคารสำนักงานบริหารภูมิภาคซึ่งสร้างขึ้นตั้งแต่ยุคสหภาพโซเวียตถูกถล่ม นอกจากนั้นย่านที่อยู่อาศัยหลายแห่งก็ถูกระเบิด
จัตุรัสเสรีภาพของคาร์คิฟ ซึ่งเป็นพลาซ่าใหญ่อันดับ 2 ของยูเครน และถือเป็นศูนย์รวมชีวิตสาธารณะของนครนี้ ถูกโจมตีโดยอาวุธที่เชื่อกันว่าเป็นขีปนาวุธลูกหนึ่ง
การยกทัพบุกยูเครนของรัสเซียล่วงเข้าสู่วันที่ 6 แล้ว โดยที่ความหวังในการเจรจาเพื่อคลี่คลายวิกฤตริบหรี่ หลังจากการหารือครั้งแรกระหว่างตัวแทนยูเครนกับรัสเซียที่ชายแดนเบลารุสจบลงโดยปราศจากข้อตกลงหยุดยิง กระนั้น ทั้งสองฝ่ายตกลงนัดพบกันอีกครั้งเร็วๆ นี้
ทางด้านประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี้ย์ ของยูเครน ปราศรัยผ่านวิดีโอเมื่อคืนวันจันทร์ (28 ก.พ.) ว่า เชื่อว่า รัสเซียกำลังพยายามกดดันยูเครนด้วยการระดมโจมตีหนักขึ้น เซเลนสกี้ย์ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดการเจรจาที่เบลารุส แต่ยืนยันว่า เคียฟจะไม่ยอมจำนน
หลังจากการเจรจาที่ชายแดนเบลารุสจบลง มีเสียงระเบิดดังกึกก้องหลายครั้งในกรุงเคียฟ และกองทัพรัสเซียรุกคืบเข้าใกล้เมืองหลวงแห่งนี้ทุกขณะ ภาพถ่ายดาวเทียมของแม็กซาร์ เทคโนโลยีส์ของอเมริกา เผยให้เห็นขบวนยานยนต์หุ้มเกราะ รถถัง ปืนใหญ่ และยานยนต์สนับสนุนยาวเหยียดถึง 65 กิโลเมตร บนถนนที่มุ่งหน้าสู่เคียฟโดยอยู่ห่างจากศูนย์กลางเมืองเพียง 25 กิโลเมตร
นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า ได้ยินเสียงระเบิดรอบเมืองโบรวารีที่อยู่ติดกับเคียฟ
แม้ว่าฝ่ายตะวันตกออกข่าวว่า กองทัพรัสเซียเผชิญการต่อต้านหนักอย่างไม่คาดคิดบนภาคพื้นดิน และยังไม่สามารถยึดน่านฟ้ายูเครนได้อย่างเด็ดขาด ทว่า กระทรวงกลาโหมอังกฤษ เตือนในรายงานสถานการณ์ล่าสุดว่า มอสโกอาจใช้รถถังระดมโจมตีเขตเมืองที่มีผู้อยู่อาศัยจำนวนมาก ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงที่จะมีพลเรือนบาดเจ็บล้มตายมากขึ้น
ด้านกองทัพรัสเซียปฏิเสธว่า ไม่ได้โจมตีเขตที่อยู่อาศัย แม้มีหลักฐานชัดเจนมากมายจากผู้สื่อข่าวเอพีที่กระจายอยู่ทั่วยูเครนว่า รัสเซียยิงปืนใหญ่ใส่บ้านเรือน โรงเรียน และโรงพยาบาลหลายแห่งก็ตาม
นอกจากนั้น กลุ่มสิทธิมนุษยชนและเอกอัครราชทูตยูเครนประจำวอชิงตันยังกล่าวหารัสเซียใช้ระเบิดลูกปรายและระเบิดสุญญากาศที่เป็นอาวุธที่ห้ามใช้ในพื้นที่พลเรือน
ขณะที่กองกำลังรัสเซียยังไม่สามารถเข้ายึดเมืองใหญ่ๆ ในยูเครน เครมลินได้ขู่ขวัญเกี่ยวกับแนวโน้มสงครามนิวเคลียร์ถึงสองครั้ง และการเตรียมพร้อมหัวรบที่รวมถึงขีปนาวุธข้ามทวีป (ไอซีบีเอ็ม) และขีปนาวุธพิสัยไกล
ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ยังประณามอเมริกาและพันธมิตรว่าเป็น “จักรวรรดิจอมโกหก”
แม้คนมากมายกลัวว่า การที่มอสโกยกระดับการเตรียมพร้อมกองกำลังนิวเคลียร์อาจเป็นการดึงให้ตะวันตกเข้าสู่ความขัดแย้งกับรัสเซียโดยตรง ทว่า เจ้าหน้าที่กลาโหมอาวุโสของอเมริกายืนยันว่า อเมริกายังไม่เห็นสัญญาณว่า รัสเซียเปลี่ยนแปลงสถานะนิวเคลียร์แต่อย่างใด
ขณะเดียวกัน มาตรการแซงก์ชันของตะวันตกต่อธนาคารและสถาบันอื่นๆ ของรัสเซียเริ่มออกฤทธิ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสั่งห้ามทำธุรกรรมกับธนาคารกลางของรัสเซีย ซึ่งเป็นการอายัดทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของแดนหมีขาวนั้น แม้ไม่เป็นที่ชัดเจนว่า สามารถแช่แข็งทุนสำรองจำนวนมหึมามูลค่า 630,000 ล้านดอลลาร์ของรัสเซียได้เป็นสัดส่วนมากน้อยเพียงใด แต่ก็ดูจะทำให้แบงก์ชาติแดนหมีขาวลดความสามารถลงไปแยะในการเข้าพยุงค่าเงินรูเบิลที่ทรุดดิ่ง และปูตินต้องประกาศมาตรการฉุกเฉินซึ่งรวมถึงการห้ามประชาชนโอนเงินออกนอกประเทศ
กระนั้น มาตรการเหล่านั้นก็ดูไม่สามารถคลายความกังวลของคนรัสเซียได้ โดยที่มอสโกยังคงมีคนมากมายต่อคิวหน้าเครื่องเอทีเอ็มเพื่อรอถอนเงินสด ขณะที่มาตรการแซงก์ชันของนานาชาติมีแนวโน้มทำให้สินค้าแพงขึ้นและมาตรฐานการครองชีพของประชาชนนับล้านตกต่ำลง
ขณะนี้ สายการบินรัสเซียยังถูกห้ามบินผ่านน่านฟ้ายุโรป สื่อรัสเซียถูกจำกัดในบางประเทศ และผลิตภัณฑ์ไฮเทคบางชนิดจะไม่ได้รับอนุญาตให้ส่งออกให้รัสเซียอีกต่อไป นอกจากนั้นเมื่อวันจันทร์องค์การกีฬาระหว่างประเทศหลายแห่งยังแบนนักกีฬาและเจ้าหน้าที่รัสเซียไม่ให้เข้าร่วมการแข่งขัน ในจำนวนนี้รวมถึงมหกรรมฟุตบอลโลก ขณะที่ตัวปูตินเองถูกริบตำแหน่งประธานกิตติมศักดิ์และทูตประจำสหพันธ์ยูโดนานาชาติ
วันจันทร์ ตุรกีซึ่งเป็นหนึ่งในชาติพันธมิตรนาโตประกาศว่า จะห้ามเรือรบบางชนิดผ่านช่องแคบดาร์เดเนลเลสและบอสฟอรัส ซึ่งเท่ากับเป็นการปิดกั้นเรือรบจำนวนหนึ่งของรัสเซีย ให้อยู่แต่ในทะเลดำ
นอกจากนั้นผู้นำยูเครนยังเรียกร้องให้ทั่วโลกแบนเครื่องบินและเรือของรัสเซียไม่ให้ใช้สนามบินและท่าเรือ
ขณะเดียวกัน ศาลอาญาระหว่างประเทศ (ไอซีซี) เผยว่า ได้เริ่มสอบสวนคดีอาชญากรสงครามต่อรัสเซียแล้ว
ด้านข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนของยูเอ็นเผยว่า มีพลเมืองยูเครนอย่างน้อย 102 คนเสียชีวิต และอีกหลายร้อยคนได้รับบาดเจ็บจากการรุกรานของรัสเซีย และเตือนว่า ตัวเลขจริงอาจมากกว่านั้น นอกจากนี้ยังมีชาวยูเครนกว่า 5 แสนคนหนีออกนอกประเทศ โดยคนจำนวนมากเดินทางไปยังโปแลนด์ โรมาเนีย และฮังการี
(ที่มา: เอพี, รอยเตอร์, เอเอฟพี)