xs
xsm
sm
md
lg

กองทัพรัสเซียตะลุยถึงกรุงเคียฟ ปธน.ยูเครนเรียกร้องขอ ‘หยุดยิง’ ยอมรับหลายเมืองใหญ่ถูกถล่มหนัก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ทหารยูเครนเข้ายึดที่มั่นบนสะพานแห่งหนึ่งภายในกรุงเคียฟ เมืองหลวงของยูเครนเมื่อวันศุกร์ (25 ก.พ.) ขณะที่กองทัพรัสเซียเคลื่อนเข้ามาใกล้
กองทัพรัสเซียบุกตะลุยถึงกรุงเคียฟในวันศุกร์ (25 ก.พ.) ทำให้พื้นที่จำนวนมากของเมืองหลวงของยูเครนแห่งนี้มีเสียงปืนเสียงระเบิดตั้งแต่ตอนรุ่งสาง ขณะที่การรุกรานคราวนี้ยิ่งก่อให้เกิดความหวาดกลัวว่าจะเกิดสงครามขยายใหญ่โตกว่านี้ขึ้นมาในยุโรป ตลอดจนกระตุ้นให้โลกตะวัตกเพิ่มความพยายามในการหยุดยั้งมอสโก ซึ่งก็รวมถึงการประกาศแซงก์ชันโดยตรงต่อประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน





พร้อมๆ กับรายงานข่าวมีผู้บาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนหลายร้อยคน รวมทั้งอาคารที่พักอาศัยหลังหนึ่งในเคียฟถูกกระสุนปืนใหญ่ทำลายยับ ขณะที่สะพานและโรงเรียนหลายแห่งเสียหายหนัก มีสัญญาณมากขึ้นเรื่อยๆ ว่า รัสเซียอาจกำลังหาทางโค่นล้มรัฐบาลยูเครน ซึ่งหากเป็นจริงก็จะกลายเป็นความพยายามอย่างอุกอาจที่สุดของปูตินเท่าที่เคยปรากฏขึ้นมา ในเรื่องการวาดแผนที่โลกกันใหม่ และการฟื้นชีพอิทธิพลของมอสโกในยุคสงครามเย็น

ประธานาธิบดีโวโลโดมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน เรียกร้องขอให้มีการหยุดยิง พร้อมเตือนในคำแถลงที่ใช้ถ้อยคำชวนมืดมนว่า เมืองใหญ่ๆ จำนวนมากถูกโจมตีหนัก รวมทั้งบอกว่า “คืนนี้พวกเขาจะถูกถล่ม”

พวกเจ้าหน้าที่กลาโหมสหรัฐฯ เชื่อว่า การรุกของรัสเซียเผชิญกับการต่อต้านอย่างใหญ่โต และกำลังคืบหน้าไปอย่างล่าช้ากว่าที่มอสโกคาดการณ์เอาไว้ แต่นี่เป็นสิ่งที่กลับตาลปัตรจากช่วงก่อนหน้าเกิดการโจมตี เมื่อพวกเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ดูเหมือนระแวดระวังมากกว่าพวกเจ้าหน้าที่ยูเครนในกรุงเคียฟ ในเรื่องฝีก้าวในการปฏิบัติการของรัสเซีย

ทางด้านองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต้) ที่เป็นกลุ่มพันธมิตรทางทหารของฝ่ายตะวันตกนำโดยสหรัฐฯ ตัดสินใจส่งกองกำลังตอบโต้เร็วหลายๆ ส่วนที่จัดเตรียมเอาไว้ เข้าไปช่วยพิทักษ์ปกป้องพวกชาติสมาชิกของตนในยุโรปตะวันออกเป็นครั้งแรก นาโต้ไม่ได้บอกว่าทหารที่ถูกนำออกมาเหล่านี้มีจำนวนเท่าใด แต่แถลงเพิ่มเติมว่าจะมีทั้งแสนยานุภาพทางภาคพื้นดิน ทางทะเล และทางอากาศครบครัน

สำหรับกองทัพรัสเซียยังคงรุกคืบหน้าต่อไป โดยกล่าวอ้างในวันศุกร์ (25) ว่า ยึดเมืองเมลิโตโปล เมืองใหญ่ทางภาคใต้ของยูเครนได้แล้ว แต่ในขณะที่ยังอยู่ท่ามกลางม่านหมอกของสงคราม จึงไม่เป็นที่ชัดเจนว่าพื้นที่ยูเครนสักเท่าใดที่ยังคงอยู่ใต้การควบคุมของรัฐบาลกรุงเคียฟ และสักเท่าใดที่กองทหารรัสเซียยึดไปได้

เครมลินได้ยอมรับข้อเสนอของเคียฟที่ให้เปิดการเจรจากัน แต่ดูเหมือนมุ่งใช้โอกาสนี้เพื่อพยายามบีบเค้นการอ่อนข้อจากประธานาธิบดีเซเลนสกี มากกวาที่จะมุ่งหาทางออกด้วยวิธีการทูตอย่างจริงจัง แต่กระนั้น เซียร์กิอิ นิคิโฟรอฟ โฆษกของเซเลนสกี บอกว่า ยูเครนยังคง “พร้อมที่จะหารือเรื่องการหยุดยิงและสันติภาพ”

ส่วนสำหรับสหรัฐฯ และชาติมหาอำนาจตะวันตกอื่นๆ ต่างประกาศใช้มาตรการแซงก์ชันอย่างดุเดือดที่สุดเท่าที่เคยทำกันมาต่อรัสเซีย ขณะที่การรุกรานครั้งนี้ส่งผลกระทบกระเทือนต่อเศรษฐกิจของโลก และซัปพลายด้านน้ำมันและแก๊ส พวกเจ้าหน้าที่ยูเอ็นบอกว่าน่าจะมีผู้คนเป็นล้านๆ หลบหนีภัยสงครามออกจากยูเครน ส่วนพวกลีกกีฬาต่างๆ พากันเคลื่อนไหวเพื่อลงโทษรัสเซีย และแม้กระทั่งการประกวดร้องเพลงรายการ “ยูโรวิชัน” ซึ่งเป็นที่นิยมชมชื่นกันมากในยุโรป ก็แบนห้ามรัสเซียเข้าแข่งขันในรอบสุดท้ายที่กำหนดจัดขึ้นในเดือน พ.ค. ที่อิตาลี

ทหารยูเครนเข้ายึดที่มั่นในย่านใจกลางกรุงเคียฟ เมื่อวันศุกร์ (25 ก.พ.) เตรียมรับทัพรัสเซียที่มีข่าวว่าเคลื่อนมาถึงชานเมืองแล้ว
ในวันศุกร์ (25) ซึ่งเป็นวันที่สองของการรุกรานของรัสเซีย โฟกัสเน้นหนักกำลังมาอยู่ที่เมืองหลวงของยูเครน โดยที่พวกผู้สื่อข่าวเอพีได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้นตั้งแต่ก่อนรุ่งสาง และมีรายงานว่ามีเสียงยิงปืนในพื้นที่จำนวนมาก

หลังจาก 20.00 น. มีเสียงตูมสนั่นหวั่นไหวขึ้นครั้งหนึ่งที่บริเวณใกล้ๆ กับจัตุรัสไมดาน เนซาเลชนอสติ ตรงใจกลางกรุงเคียฟ ซึ่งเคยเป็นหัวใจของการประท้วงที่นำไปสู่การขับไล่ประธานาธิบดีที่เป็นมิตรกับเครมลินในปี 2014 แต่รัสเซียประณามว่าเป็น “การปฏิวัติสี” ซึ่งซีไอเอและเจ้าหน้าที่หน่วยงานอื่นๆ ของสหรัฐฯ เข้าไปยุยงส่งเสริมอย่างโจ๋งครึ่ม สำหรับสาเหตุของเสียงตูมสนั่นคราวนี้ ยังไม่เป็นที่ทราบกันในทันที

นายกเทศมนตรีเคียฟ วิตาลี คลิตชโค อดีตนักมวยแชมป์โลกรุ่นเฮฟวี่เวต บอกว่า เกิดการระเบิดขึ้น 5 ครั้ง บริเวณใกล้ๆ กับโรงไฟฟ้าสำคัญแห่งหนึ่งตรงชานเมืองด้านตะวันออกของนครหลวงยูเครน ยังไม่มีข้อมูลใดๆ ถึงสาเหตุของเรื่องนี้ รวมทั้งหลังจากนั้นไม่มีรายงานว่าเกิดไฟฟ้าดับ

ฝ่ายทหารของรัสเซียแจ้งว่า พวกเขาสามารถยึดสนามบินโฮสโตเมล ที่ทรงความสำคัญทางยุทธศาสตร์ ตั้งอยู่ชานเมืองทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือของเคียฟได้สำเร็จ เปิดทางให้ฝ่ายแดนหมีขาวสามารถสร้างสมกำลังสำหรับการเข้ายึดเมืองหลวงได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนั้นพวกเขายังอ้างว่าสามารถตัดขาดเคียฟออกจากภาคตะวันตกของยูเครน ซึ่งเป็นทิศทางที่ผู้คนจำนวนมากใช้เพื่อการหลบหนีภัยสงคราม จนทำให้รถราเกิดติดแหง็กในเส้นทางมุ่งสู่ชายแดนโปแลนด์

กระทรวงกลาโหมรัสเซียยังอ้างว่าได้เข้าปิดล้อมเมืองซูมี และเมืองโคโนท็อป และระบุว่าการบุกคราวนี้สามารถเข้ายึดทรัพย์สินทางทหารของยูเครนไว้ได้หลายสิบแห่ง แต่คำแถลงนี้ไม่สามารถที่จะตรวจสอบยืนยันอย่างเป็นอิสระได้

บริเวณสะพานแห่งหนึ่งที่ทอดข้ามแม่น้ำดนีเปอร์ อันเป็นแม่น้ำที่แบ่งเคียฟออกเป็นฟากตะวันออกกับฟากตะวันตก ได้เกิดการยิงต่อสู้กัอย่างดุเดือด ขณะที่สะพานสำคัญอีกแห่งหนึ่งในเมืองหลวงถูกระเบิดทิ้งไปแล้ว

พวกเจ้าหน้าที่ยูเครนรายงานว่า ทางฝ่ายตนมีผู้เสียชีวิตไปอย่างน้อย 137 คนแล้ว พร้อมกับอ้างว่าฝ่ายรัสเซียตายไปหลายร้อย แต่ทางการรัสเซียเองไม่ได้เผยแพร่ตัวเลขผู้บาดเจ็บล้มตาย และตัวเลขของฝ่ายยูเครนก็ยังไม่สามารถตรวจสอบยืนยัน

พวกเจ้าหน้าที่ยูเอ็นรายงานว่ามีพลเรือนเสียชีวิตไป 25 คน ส่วนใหญ่จากการยิงกระสุนปืนใหญ่และการโจมตีทางอากาศ และกล่าวด้วยว่าเชื่อว่ามีผู้คนราว 100,000 คนต้องหลบหนีออกจากที่อยู่อาศัยของตนเอง ขณะที่ประมาณการว่าอาจจะมีสูงถึง 4 ล้านคนทีเดียวที่จะหลบหนี ถ้าหากการสู้รบบานปลายออกไปอีก

เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน ทวีตว่า เขากับประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ได้หารือกันทางโทรศัพท์ และพูดกันเรื่อง “การเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่มาตรการแซงก์ชัน ความช่วยเหลือเพื่อการป้องกันยูเครนอย่างเป็นรูปธรรม ตลอดจนเรื่องแนวร่วมมุ่งต่อต้านสงคราม” และเสริมว่าเขาขอบคุณความสนับสนุนของวอชิงตัน

สถานที่อยู่ของเขาเวลานี้ถูกเก็บเป็นความลับ หลังจากเขาบอกกับพวกผู้นำยุโรปในการพูดจากันทางโทรศัพท์เมื่อคืนวันพฤหัสบดี (24) ว่า เขาตกเป็นเป้าหมายเบอร์หนึ่งของรัสเซีย และพวกผู้นำยุโรปอาจจะไม่ได้เห็นเขาในสภาพมีชีวิตอยู่อีกครั้งหนึ่งก็ได้ เวลาต่อมา สำนักงานของเขาเผยแพร่คลิปวิดีโอซึ่งถ่ายให้เห็นตัวเขาพร้อมกับพวกผู้ช่วยอาวุโสอีกหลายคน ยืนอยู่ด้านนอกทำเนียบประธานาธิบดี พร้อมกับกล่าวว่าเขากับเจ้าหน้าที่รัฐบาลคนอื่นๆ จะยังคงพำนักอยู่ในเมืองหลวง

เจ้าหน้าที่ด้านกลาโหมของสหรัฐฯ รายหนึ่งบอกว่า รัสเซียกำลังดำเนินการโจมตีทั้งทางบกและทางน้ำพร้อมกันอยู่ในเวลานี้ และกองทหารรัสเซียหลายพันนายกำลังเคลื่อนที่ไปตามชายฝั่งจากทะเลอาซอฟ ตรงแถวๆ ด้านตะวันตกของเมืองมาริโปล เจ้าหน้าที่ผู้นี้กล่าวอีกว่า ระบบการป้องกันภัยทางอากาศของยูเครนได้รับความเสียหายและด้อยประสิทธิภาพลงไป แต่ยังคงสามารถปฏิบัติการได้ และประมาณหนึ่งในสามของกำลังสู้รบที่รัสเซียชุมนุมเอาไว้รอบๆ ยูเครน เวลานี้เคลื่อนเข้ามาในยูเครนแล้ว เจ้าหน้าที่ผู้นี้ประมาณการว่า รัสเซียยิงขีปนาวุธเข้าใส่ยูเครนมากกว่า 200 ลูกแล้ว โดยที่บางลูกตกลงมาในเขตที่พักอาศัย

เจ้าหน้าที่ข่าวกรองอเมริกันระดับอาวุโสรายหนึ่ง ซึ่งมีความรู้โดยตรงเกี่ยวกับการประเมินทางด้านข่าวกรองในปัจจุบัน บอกกับเอพีว่า กองทัพรัสเซียเคลื่อนเข้ามาจนอยู่ห่างราว 50 กิโลเมตร ทั้งทางด้านเหนือและดานตะวันตกของเคียฟ

ก่อนหน้านี้ เซเลนสกี เคยเสนอเปิดการเจรจาเกี่ยวกับข้อเรียกร้องสำคัญข้อหนึ่งของปูติน ได้แก่ การที่ยูเครนต้องประกาศว่าตนเองเป็นกลาง และละทิ้งความมุ่งมาดปรารถนาที่จะเข้าร่วมนาโต้ไปเสีย เครมลินแจ้งว่าในตอนแรกเคียฟตกลงที่จะพบหารือกันในกรุงมินสก์ เมืองหลวงของเบลารุส ผู้เป็นพันธมิตรสนิทของรัสเซีย แต่จากนั้นก็บอกว่าต้องการไปจัดที่กรุงวอร์ซอ เมืองหลวงของโปแลนด์ ซึ่งไม่ค่อยจะเป็นมิตรกับแดนหมีขาวสักเท่าใด แล้วจากนั้นก็ระงับการติดต่อสื่อสารไปเลย อย่างไรก็ดี มาเรีย ซาคาโรวา โฆษกของกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย แถลงในเวลาต่อมาว่า เคียฟจะหารือถึงลู่ทางโอกาสที่จะจัดการเจรจาขึ้นมาได้ในวันเสาร์ (26) นี้

การโจมตีครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากสหรัฐฯ และพันธมิตรฝ่ายตะวันตกโดยเฉพาะสหราชอาณาจักร กระพือข่าวมาเป็นเวลาหลายสัปดาห์ และหลังจากที่ปูตินและผู้นำรัสเซียคนอื่นๆ ปฏิเสธตลอดมาว่าไม่มีแผนรุกรานยูเครนใดๆ อย่างไรก็ดี เขาโต้แย้งว่าฝ่ายตะวันตกบีบบังคับเขาจนทำให้ไม่มีทางเลือกอื่นใดอีกแล้ว จากการปฏิเสธไม่ยอมเจรจาเกี่ยวกับข้อเรียกร้องเรื่องหลักประกันด้านความมั่นคงของฝ่ายรัสเซีย

ในวันพฤหัสบดี รัสเซียได้ออกมาเรียกร้องฝ่ายทหารของยูเคนให้ยอมแพ้ โดยกล่าวว่า “เราพบว่าสามารถที่จะตกลงเห็นพ้องกับพวกคุณ ได้ง่ายกว่าการตกลงกับพวกแก๊งยาเสพติดและเป็นพวกนีโอนาซี ผู้ซึ่งกำลังครองอำนาจอยู่ในเคียฟ และยึดเอาประชาชนยูเครนทัวทั้งประเทศเป็นตัวประกัน

ปูตินไม่ได้เปิดเผยแผนการสำหรับยูเครนในขั้นสุดท้ายที่เขาเตรียมเอาไว้ ขณะที่รัฐมนตรีต่างประเทศเซียร์เก ลาฟรอฟ บอกใบ้ให้บ้าง โดยกล่าวว่า “เราต้องการที่จะเปิดทางให้ประชาชนชาวยูเครนสามารถที่จะวินิจฉัยชะตากรรมของพวกเขาเอง” ขณะที่ ดมิตริ เปสคอฟ โฆษกของปูตินกล่าวว่า รัสเซียยอมรับรับรองว่าเซเลนสกีคือประธานาธิบดี แต่จะไม่บอกว่าการปฏิบัติการทางทหารของรัสเซียจะยาวนานแค่ไหน

พวกผู้สื่อข่าวของเอพีมองเห็นสัญญาณหลายอย่างที่แสดงว่าเกิดการสู้รบใหญ่ขึ้นตรงใกล้ๆ เมืองอิวานคิฟ ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากเคียฟไปทางตะวันตกเฉียงเหนือราว 60 กิโบเมตร นอกจากนั้น รัสเซียยังสามารถเข้าเมืองซูมี เมืองใหญ่ใกล้ๆ ชายแดนติดต่อกับรัสเซีย และตั้งอยู่บนทางหลวงที่ตัดตรงไปยังกรุงเคียฟซึ่งอยู่ถัดไปทางตะวันออก

สภาพของอาคารที่พักอาศัยในกรุงเคียฟ เมืองหลวงของยูเครน ที่ถูกอาวุธของทัพรัสเซียถล่มยับ เมื่อวันศุกร์ (25 ก.พ.)
การรุกรานของรัสเซียคราวนี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อตอนเช้าวันพฤหัสบดี (24) ด้วยการยิงขีปนาวุธถล่มเมืองใหญ่ๆ และพวกฐานทัพทางทหาร จากนั้นจึงตามมาด้วยการโจมตีภาคพื้นดินโดยเคลื่อนทัพในทิศทางหลักๆ 3 ทิศทางด้วยกัน นั่นคือ ยกทัพออกมาจากพื้นที่ซึ่งพวกแบ่งแยกดินแดนยึดเอาไว้ทางภาคตะวันออกของยูเครน จากแหลมไครเมียทางภาคใต้ และจากเบลารุส ทางภาคเหนือ

หลังจากพวกเจ้าหน้าที่ยูเครนแถลงว่า พวกเขาสูญเสียการควบคุมโรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์เชียร์โนบิล ซึ่งเลิกใช้งานไปแล้วภายหลังที่มันกลายเป็นสถานที่เกิดภัยพิบัติทางนิวเคลียร์ครั้งเลวร้ายที่สุดของโลก รัสเซียแถลงว่าตนกำลังทำงานร่วมกับฝ่ายยูเครนเพื่อรักษาความมั่นคงปลอดภัยที่โรงไฟฟ้าแห่งนี้ ขณะที่เอกอัครราชทูตยูเครนประจำวอชิงตันกล่าวว่า รัสเซียจับคนงาน 92 คนเอาไว้เป็นตัวประกันที่โรงงานนี้ โดยบังคับพวกเขาให้ต้องดูแลโรงงานต่อไป และกระทำการซึ่งเป็นการล่วงละเมิดกฎรักษาความปลอดภัย

ในวันศุกร์ (25) ไบเดนแถลงว่าสหรัฐฯ จะเข้าอายัดทรัพย์สินของปูติน และลาฟรอฟ ซึ่งเป็นการทำตามสหภาพยุโรปและสหราชอาณาจักร ที่มุ่งแซงก์ชันโดยตรงต่อพวกผู้นำรัสเซีย

ซาคาโรวา โฆษกหญิงของกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย เรียกการแซงก์ชันลงโทษปูติน กับลาฟรอฟโดยตรงในครั้งนี้ว่า เป็น “ตัวอย่างและการสาธิตให้เห็นความอับจนปัญญาอย่างสิ้นเชิง” ของฝ่ายตะวันตก

(ที่มา : เอพี, เอเจนซีส์)
กำลังโหลดความคิดเห็น