ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ระบุในตอนเช้ามืดวันเสาร์ (26 ก.พ.) ว่า ทหารรัสเซียจะพยายามเข้ายึดกรุงเคียฟในตอนกลางคืน ขณะที่กระทรวงกลาโหมยูเครนเรียกร้องช่วยกันทำระเบิดเพลิงร่วมกันขับไล่ผูุ้รุกราน ท่ามกลางเสียงปืนและระเบิดดังกึกก้องในหลายพื้นที่ของเมืองหลวงเมื่อวันศุกร์ (25 ก.พ.)
"ผมจำเป็นต้องพูดอย่างเปิดเผยเลยว่า คืนนี้จะเป็นอะไรที่ยากลำบากกว่าตอนกลางวัน หลายเมืองในประเทศของเราถูกโจมตี" เซเลนสกีกล่าวปราศรัยผ่านวิดีโอถึงประชาชนทั่วประเทศ "ความสนใจพิเศษอยู่ที่กรุงเคียฟ เราไม่อาจสูญเสียเมืองหลวง"
เขากล่าวในคลิปที่เผยแพร่โดยทำเนียบประธานาธิบดีต่อว่า "ผมกำลังหันไปพึ่งผู้ปกป้องของเรา ทั้งชายและหญิง ทุกๆ แนวรบของเรา คืนนี้ศัตรูจะใช้ทุกสรรพกำลังทั้งหมดที่พวกเขามีบดขยี้แนวป้องกันของเราในแนวทางที่เลวร้าย รุนแรงและไร้มนุษยธรรม" เขากล่าว "คืนนี้พวกเขาจะพยายามจู่โจม" อ้างถึงกรุงเคียฟ
เซเลนสกี เปิดเผยในวันศุกร์ (25 ก.พ.) ว่าได้พูดคุยกับพวกผูู้นำตะวันตกหลายคน ในนั้นรวมถึงประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส โอลาฟ โชลส์ นายกรัฐมนตรีเยอรมนีและโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ "เราเห็นพ้องเกี่ยวกับความช่วยเหลือเพิ่มเติม สนับสนุนเพิ่มเติม สนับสนุนอย่างมีนัยสำคัญแก่ประเทศของเรา เป้าหมายของเราคือหยุดการสังหารนี้"
สถานที่อยู่ของเขาเวลานี้ถูกเก็บเป็นความลับ หลังจากเขาเผยว่าเขาตกเป็นเป้าหมายเบอร์หนึ่งของรัสเซีย และพวกผู้นำยุโรปอาจจะไม่ได้เห็นเขาในสภาพมีชีวิตอยู่อีกครั้งหนึ่งก็ได้ เวลาต่อมา สำนักงานของเขาเผยแพร่คลิปวิดีโอซึ่งถ่ายให้เห็นตัวเขาพร้อมกับพวกผู้ช่วยอาวุโสอีกหลายคน ยืนอยู่บนถนนด้านนอกทำเนียบประธานาธิบดี พร้อมกับกล่าวว่าเขากับเจ้าหน้าที่รัฐบาลคนอื่นๆ จะยังคงพำนักอยู่ในเมืองหลวง
บรรดาชาติตะวันตกต่างกำหนดมาตรการคว่ำบาตรอย่างกว้างขวางเล่นงานมอสโก และลงโทษเป็นการส่วนตัวต่อประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ตอบโต้การรุกรานยูเครนของรัสเซีย ซึ่งคร่าไปแล้วหลายสิบชีวิตและผู้คนหลายแสนต้องโยกย้ายถิ่นฐาน
ในช่วงเย็นวันศุกร์ (25 ก.พ.) ปืนใหญ่อัตตาจรหุ้มเกราะของรัสเซียได้เคลื่อนเข้าสู่ย่านโอโบลอน แถบชานเมืองของทางตะวันตกเฉียงเหนือของกรุงเคียฟ และกระทรวงกลาโหมยูเครนยืนยันว่า กองทัพรัสเซียได้เข้ามาถึงเมืองหลวงแห่งนี้แล้ว พร้อมเรียกร้องให้ประชาชนลุกฮือขึ้นมาต่อต้าน ทำระเบิดเพลิงไว้ขับไล่ผู้รุกราน
ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่าได้ยินเสียงกระสุนปืนใหญ่ตูมสนั่นหวั่นไหวหลายรอบและเสียงยิงปืนปะทะกันอย่างหนักหน่วง จากพื้นที่ทางตะวันตกของเมืองหลวงแห่งนี้
เคียฟถูกโจมตีทางอากาศอย่างหนักหน่วงในวันศุกร์ (25 ก.พ.) ในขณะที่ทหารรัสเซียเข้าไปยังเมืองหลวงของยูเครน ทำให้หนึ่งในเมืองที่มีประชากรมากที่สุดของยุโรปแห่งนี้กำลังตกอยู่ในอันตราย
วิตาลี คลิตช์โก นายกรัฐมนตรีกรุงเคียฟเผยว่าจรวดลูกหนึ่งของรัสเซีย พุ่งโดนอาคารที่พักอาศัยหลายชั้นในย่านพอซเนียกีของเมืองหลวง ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 ราย ในนั้น 1 ราย บาดเจ็บสาหัส และก่อความเสียหายร้ายแรงแก่อาคารดังกล่าว นอกจากนี้ ระบบป้องกันภัยจากพื้นผิวสู่อากาศของยูเครน ยังสามารถยิงสกัดจรวดได้อีกลูก และสอยเครื่องบินรบลำหนึ่งร่วงในพื้นที่เดียวกัน
ในย่านใจกลางกรุงเคียฟ สื่อมวลชนรายงานว่าได้ยินเสียงไซเรนและมีการประกาศผ่านลำโพง ให้ชาวบ้านไปยังสถานที่หลบภัยที่อยู่ใกล้ที่สุดในทันที ขณะที่แขกและพนักงานของโรงแรมยูเครนา ซึ่งมีทัศนียภาพมองเห็นจัตุรัสเอกราชอันโด่งดังของเมือง ถูกอพยพออกจากโรงแรม
บางครอบครัวหวาดผวาอยู่ในสถานที่หลบภัย มานับตั้งแต่จรวดของรัสเซียปลิวว่อนถล่มกรุงเคียฟในคืนวันพฤหัสบดี (24 ก.พ.) ส่วนคนอื่นๆ พยายามขึ้นรถไฟที่อัดแน่นไปด้วยผู้โดยสารมุ่งหน้าไปทางตะวันตก และหลายหมื่นคนตัดสินใจอพยพออกจากที่พักอาศัยเพื่อไปหาที่หลบภัย
สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ เปิดเผยในวันศุกร์ (25 ก.พ.) ว่ามีประชาชนแล้วหลายหมื่นคนหลบหนีออกจากยูเครนแล้ว นับตั้งแต่รัสเซียเปิดฉากรุกรานเมื่อ 2 วันก่อน หลังจากก่อนหน้านี้ในวันพฤหัสบดี (24 ก.พ.) หน่วยงานแห่งนี้เคยออกมาเตือนว่ามีผู้คนต้องโยกย้ายถิ่นฐานในยูเครนแล้วราว 100,000 คน และจำนวนมากกำลังหลบหนีไปยังประเทศเพื่อนบ้าน
"มีผู้ลี้ภัยชาวยูเครนมากกว่า 50,000 คนที่หลบหนีออกนอกประเทศในช่วง 48 ชั่วโมงที่ผ่านมา ส่วนใหญ่ไปยังโปแลนด์และมอลโดวา" ฟิลิปโป กรันดี ข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติกล่าว
(ที่มา : รอยเตอร์/เอเอฟพี/เอพี)