โดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อวันอังคาร (22 ก.พ.) ออกมายกย่องแผนรุกรานยูเครนของวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย ว่า "อัจฉริยะ" แต่คุยโวว่าวิกฤตจะไม่เกิดขึ้นภายใต้การบริหารงานของเขา
ระหว่างปรากฏตัวในรายการวิทยุฝ่ายขวารายการหนึ่ง นักจัดรายการถาม ทรัมป์ เกี่ยวกับกรณีที่ ปูติน รับรอง 2 เขตแบ่งแยกดินแดนทางภาคตะวันออกของยูเครนในฐานะรัฐเอกราช
ทรัมป์ ตอบว่า "ผมปรี่เข้าดูจอโทรทัศน์เมื่อวานนี้ และผมถึงกับพูดขึ้นว่า นี่มันอัจฉริยะ" เขากล่าว "ปูตินประกาศสัดส่วนขนาดใหญ่ของยูเครน ปูตินประกาศมันว่าเป็นเอกราช โอ้ มันน่าอัศจรรย์มาก"
รัสเซียกำลังเผชิญปฏิกิริยาตอบสนองอันเดือดดาลจากนานาชาติ หลังจากปูตินสั่งให้กองกำลังของเขาเข้าไปประจำการในยูเครน เพื่อคุ้มกัน 2 เขตแบ่งแยกดินแดน ที่ประกาศตนเองในฐานะสาธารณรัฐโดเนตสก์ และสาธารณรัฐลูฮันสต์
ความเคลื่อนไหวนี้มีขึ้นในขณะที่ทหารรัสเซียมากกว่า 1 แสนนายระดมกำลังตามแนวชายแดนติดกับยูเครน ท่ามกลางคำเตือนว่ารัสเซียจะเปิดฉากรุกรานยูเครนเต็มรูปแบบ
ทรัมป์บอกว่ากลยุทธ์ของปูตินนั้น "ฉลาดเฉียบแหลม" และอ้างเหตุผลโดยไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมใดๆ ว่าสหรัฐฯ ควรเลียนแบบกลยุทธ์นี้ตามแนวชายแดนติดกับเม็กซิโก
ในเวลาต่อมา ทรัมป์ เผยแพร่ถ้อยแถลงแยกกัน อ้างว่าวิกฤตยูเครนจะสามารถหลีกเลี่ยงได้โดยสิ้นเชิง หากว่ามันถูกจัดการอย่างเหมาะสมโดยประธานาธิบดีไบเดน ซึ่งเอาชนะเขาในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดี 2020 "ผมรู้จักวลาดิมีร์ ปูติน เป็นอย่างดี และสิ่งที่เขากำลังทำในตอนนี้ เขาจะไม่มีทางทำในสมัยของรัฐบาลทรัมป์ ไม่มีทาง!" ทรัมป์กล่าว
อดีตประธานาธิบดีรายนี้ปิดปากเงียบเสียเป็นส่วนใหญ่เกี่ยวกับภัยคุกคามของรัสเซียที่มีกับพันธมิตรของสหรัฐฯ แต่ในวันอังคาร (22 ก.พ.) นอกจากจะวิพากษ์วิจารณ์ประธานาธิบดีไบเดนแล้ว เขายังตำหนิแนวทางตอบโต้ของวอชิงตัน ซึ่งเขาบอกว่าไม่เทียบเท่าใกล้เคียงกับพฤติกรรมของรัสเซีย
"ตอนนี้มันเริ่มขึ้นแล้ว ราคาน้ำมันกำลังสูงขึ้นและสูงขึ้น ปูตินไม่ใช่แค่กำลังได้ในสิ่งที่เขาต้องการมาตลอด แต่เขากำลังรวยขึ้น รวยขึ้น เพราะว่าราคาน้ำมันและก๊าซกำลังพุ่งสูง" ทรัมป์ กล่าว
ยูเครนเคยพบว่าตนเองติดอยู่ท่ามกลางพายุไฟการเมืองในประเทศของสหรัฐฯ ครั้งที่ ทรัมป์ ประธานาธิบดี ณ ขณะนั้น ร้องขอให้พวกผู้นำในเคียฟ เปิดการสืบสวนการคอร์รัปชันที่เชื่อมโยงกับครอบครัวของ ไบเดน ก่อนศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ 2020
คำกล่าวหาที่ว่า ทรัมป์ พยายามขัดขวางเงินช่วยเหลือด้านการทหาร เพื่อกดดันประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ให้เดินหน้าการสืบสวนคดีคอร์รัปชัน คือสาเหตุที่ทำให้ประธานาธิบดีจากรีพับลิกันรายนี้ถูกถอดถอนถึง 2 ครั้ง
(ที่มา : เอเอฟพี)