ประธานาธิบดียูเครน ส่งเสียงคร่ำครวญในวันศุกร์ (25 ก.พ.) ว่าประเทศของเขาถูกปล่อยให้สู้รบกับรัสเซียด้วยตนเอง หลังเครมลินเปิดฉากรุกรานขนานใหญ่ และสังหารชาวยูเครนไปแล้วกว่า 130 รายในวันแรกของปฏิบัติการจู่โจม
"เราถูกปล่อยให้ปกป้องประเทศของเราเองเพียงลำพัง" โวโลดิมีร์ เซเลนสกี กล่าวระหว่างปราศรัยผ่านวิดีโอถึงประชาชนทั่วประเทศหลังเวลาเที่ยงคืน "เราพร้อมสู้เคียงข้างเราบ้าง? ผมไม่เห็นมีใครเลย ใครพร้อมมอบคำรับประกันยูเครนในฐานะสมาชิกนาโต้บ้าง? ทุกคนต่างกลัวกันหมด"
เซเลนสกีเปิดเผยด้วยว่าจนถึงตอนนี้มีชาวยูเครนแล้ว 137 ราย ทั้งทหารและพลเมือง เสียชีวิต นับตั้งแต่การโจมตีเริ่มต้นขึ้นในตอนเช้าวันพฤหัสบดี (24 ก.พ.) นอกจากนี้ ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 316 คน
ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดียูเครนเปิดเผยด้วยว่ามีกลุ่มก่อวินาศกรรมชาวรัสเซียลอบเข้ามาในกรุงเคียฟแล้ว และเรียกร้องประชาชนของเมืองหลวงแห่งนี้อยู่ในความเฝ้าระวังและปฏิบัติตามประกาศเคอร์ฟิว
ประธานาธิบดีรายนี้ยืนยันด้วยว่าเขาและครอบครัวจะยังอยู่ในยูเครน แม้รัสเซียระบุตัวเขาในฐานะ "เป้าหมายลำดับ 1" ก็ตาม "พวกเขาต้องการทำลายการเมืองของยูเครนด้วยการจัดการกับประมุขรัฐ" เซเลนสกี กล่าว
นอกจากนี้ เซเลนสกี ยังได้สั่งระดมกำลังทหารเต็มพิกัด ในขณะที่ประเทศของเขาต้องเผชิญการรุกรานขนานใหญ่จากกองกำลังรัสเซีย
ในกฤษฎีกาที่เผยแพร่โดยทำเนียบประธานาธิบดี ซึ่งมีผลบังคับใช้เป็นเวลา 90 วัน ระบุว่า จะเรียกทหารเกณฑ์และทหารกองหนุนในทุกเขตทั่วประเทศ และ เซเลนสกี ได้สั่งการให้เสนาธิการทหารจัดทำแผนว่าจะมีทหารมากน้อยแค่ไหนที่ถูกเรียกเข้าจำการและในคำสั่งแบบใด
กองกำลังรัสเซียกำลังรุกรานลึกเข้าไปในยูเครนมากขึ้นเรื่อยๆ ในวันพฤหัสบดี (24 ก.พ.) การสู้รบนองเลือดคืบคลานไปถึงแถบชานเมืองกรุงเคียฟแล้ว ในขณะที่ตะวันตกตอบโต้ด้วยมาตรการคว่ำบาตรหนักหน่วง
ขีปนาวุธ และปืนใหญ่ของรัสเซียลอยเป็นห่าฝนตกลงใส่เมืองต่างๆ ของยูเครน หลังจากประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ปลดปล่อยปฏิบัติการรุกรานทางภาคพื้นและโจมตีทางอากาศเต็มรูปแบบ ส่งผลให้พลเมืองต้องเข้าไปหลบภัยในระบบรถไฟฟ้าใต้ดิน และมีประชาชนโยกย้ายถิ่นฐานแล้วกว่า 100,000 คน
(ที่มา : เอเอฟพี)