ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ในวันพฤหัสบดี (17 ก.พ.) ระบุว่า ทุกอย่างเวลานี้บ่งชี้ว่ารัสเซียกำลังวางแผนรุกรานยูเครนในอีกไม่กี่วันข้างหน้าและกำลังเตรียมข้ออ้างสำหรับปฏิบัติการดังกล่าว หลังกองกำลังยูเครนปะทะกับกบฏฝักใฝ่มอสโกทางภาคตะวันออกของยูเครน คำพูดที่กระตุ้นให้ทางรัสเซียรุดออกมาตอบโต้ทันควัน
เครมลินกล่าวหาไบเดนโหมกระพือความตึงเครียด พร้อมกับเผยแพร่หนังสือเป็นลายลักษณ์อักษรด้วยถ้อยคำแข็งกร้าว ระบุว่าวอชิงตันเพิกเฉยต่อข้อเรียกร้องด้านความมั่นคงของพวกเขา และขู่ใช้มาตรการเทคนิคทางทหารอย่างไม่เจาะจง
นอกจากนี้ มอสโกยังได้ขับไล่รองเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำรัสเซียออกนอกประเทศ จากการเปิดเผยของทำเนียบขาว
ก่อนหน้านี้ในตอนเช้าวันพฤหัสบดี (17 ก.พ.) ได้เกิดเหตุยิงปะทะกันระหว่างยูเครนกับกบฏแบ่งแยกดินแดนที่ฝักใฝ่รัสเซีย โหมกระพือความกังวลขึ้นมาอีกรอบ ในขณะที่บรรดาเจ้าหน้าที่ตะวันตกกล่าวเตือนมานาน ว่า มอสโกอาจพยายามก่อสถานการณ์หนึ่งๆ ขึ้นมาเพื่ออ้างความชอบธรรมในการรุกราน ซึ่งพวกเขาเชื่อว่าเวลานี้มันถูกเปิดโปงออกมาแล้ว
"เรามีเหตุผลที่จะเชื่อว่าพวกเขากำลังง่วนอยู่กับปฏิบัติการจัดฉากเพื่อหาข้ออ้างรุกรานเข้ามา ทุกสิ่งทุกอย่างที่เรามีบ่งชี้ว่าพวกเขาเตรียมเข้าสู่ยูเครนและโจมตียูเครน" ไบเดนบอกกับผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบขาว "ผมมีลางสังหรณ์ว่ามันจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า"
ไบเดน สั่งการให้ แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ เปลี่ยนแผนการเดินทางในนาทีสุดท้าย ให้ไปพูดกับคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ที่กำลังประชุมกันเกี่ยวกับวิกฤตยูเครน
ในคำแถลงของบลิงเคนต่อที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ เขาได้พูดถึงความเป็นไปได้ที่รัสเซียจะสร้างสถานการณ์หนึ่งขึ้นมาเพื่ออ้างความชอบธรรมสำหรับการรุกราน
"มันอาจเป็นเหตุการณ์ความรุนแรงหนึ่งที่จะนำพารัสเซียเข้าไปในยูเครน หรือไม่รัสเซียจะกล่าวหาระรานใส่รัฐบาลยูเครน" บลิงเคนระบุ "มันอาจเป็นการฉัดฉากที่เรียกว่าระเบิดก่อการร้ายภายในรัสเซีย แต่งเรื่องพบเจอหลุมศพหมู่ จัดฉากโดรนโจมตีถล่มพลเรือน หรือเหตุการณ์ใช้อาวุธเคมีปลอมโจมตี แม้กระทั่งของจริง รัสเซียอาจให้คำจำกัดความเหตุการณ์นี้ว่าฆ่าล้างเผ่าพันธุ์"
เซอร์เก เวอร์ชินิน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงต่างประเทศของรัสเซีย ระบุว่า ความคิดเห็นของบลิงเคนนั้นน่าเสียใจอย่างมากและเป็นอันตราย พร้อมยืนยันว่าทหารรัสเซียบางส่วนกำลังเดินทางกลับบ้าน นอกจากนี้ รัสเซียยังได้แจกหนังสือแก่สมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ กล่าวหาเจ้าหน้าที่ยูเครน "กำลังทำลายล้างพลเรือนทางภาคตะวันออก"
คำกล่าวหาของสหรัฐฯ มีขึ้นในขณะที่ยูเครนและกบฏฝักใฝ่รัสเซีย ต่างให้ข้อมูลที่ต่างกันออกไปจากกรณียิงปืนใหญ่ข้ามแนวหน้าในแคว้นดอนบาสส์ ซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของกบฏ รายละเอียดของเหตุการณ์ไม่สามารถตรวจสอบอย่างอิสระ แต่รายงานข่าวจากทั้งสองฟากฝั่งบ่งชี้ว่าเหตุการณ์นี้ร้ายแรงกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา ในเหตุละเมิดข้อตกลงหยุดยิงที่เกิดขึ้นเป็นประจำในพื้นที่แถบนี้
ดิมิทรี เปสคอฟ โฆษกของวังเครมลิน กล่าวว่ามอสโก "มีความกังวลใหญ่หลวง" เกี่ยวกับรายงานข่าวสถานการณ์ที่ลุกลามบานปลาย ในขณะที่รัสเซียกล่าวหามาช้านานว่าเคียฟมีแผนโหมพระพือให้สถานการณ์บานปลาย เพื่อใช้เป็นข้ออ้างสำหรับใช้กำลังยึดดินแดนแห่งนี้ คำกล่าวหาที่ทางยูเครนปฏิเสธ
โวโลดีมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน ระบุว่าพวกนักรบฝักใฝ่รัสเซียยิงปืนใหญ่ใส่โรงเรียนอนุบาลแห่งหนึ่ง ในสิ่งที่พวกเขาเรียกว่า "การยั่วยุครั้งใหญ่" และคลิปวิดีโอที่เผยแพร่โดยตำรวจยูเครน เป็นภาพกำแพงห้องเรียนเป็นรูขนาดใหญ่ ท่ามกลางเศษปูนและของเล่นเด็กกระจัดกระจายไปทั่วพื้น
พวกกบฏแบ่งแยกดินแดนกล่าวหากองกำลังรัฐบาลว่าเปิดฉากยิงใส่ดินแดนของพวกเขาถึง 4 รอบในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา
รัสเซียส่งหนังสือถึงเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ กล่าวหาวอชิงตันว่าเพิกเฉยข้อเรียกร้องด้านความมั่นคงของพวกเขา ในนั้นรวมถึงคำสัญญาจะไม่รับยูเครนเข้าเป็นสมาชิกนาโต้ไปตลอดกาล
"ด้วยที่ฝ่ายอเมริกาและพันธมิตรไม่พร้อมตอบตกลงให้คำรับประกันอย่างหนักแน่นและมีข้อผูกมัดทางกฎหมายต่อความมั่นคงของเรา รัสเซียจึงถูกบีบให้ตอบโต้ ในนั้นรวมถึงผ่านการใช้มาตรการเทคนิคทางทหาร" เอกสารระบุ
บลิงเคนระบุว่า วอชิงตันกำลังประเมินหนังสือดังกล่าว และเผยว่าก่อนหน้านี้เขาได้ส่งหนังสือถึงเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย เสนอให้มีการประชุมกันในสัปดาห์หน้าในยุโรป ในความพยายามคลี่คลายวิกฤต
กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่า บาร์ท กอร์แมน รองหัวหน้าคณะผู้แทนของสถานทูตสหรัฐฯ ประจำมอสโก ถูกขับไล่โดยปราศจากการยั่วยุใดๆ และพวกเขากำลังพิจารณาดำเนินการตอบโต้
รัสเซียบอกว่าพวกเขาสั่งให้ทูตระดับสูงรายนี้เดินทางออกนอกประเทศ ตอบโต้กรณีที่สหรัฐฯ ขับไล่เจ้าหน้าที่ระดับสูงรายหนึ่งของสถานทูตรัสเซียประจำวอชิงตันก่อนหน้านี้
(ที่มา : รอยเตอร์)
