เป็นสองทางเลือกที่อยู่ตรงข้ามกัน ระหว่างการเจรจา (รอบแล้วรอบเล่า) ซึ่งก็คือ การเปิดประตูทางการทูต เพื่อหาทางออกโดยวิธีสันติ แม้ทั้งสองฝ่ายจะไม่ได้ดั่งใจทั้งหมด...กับการใช้สงครามเป็นวิธีตัดสินด้วยกำลังทหารที่ผู้คนจำนวนมาก (ที่ไม่ใช่ผู้ออกคำสั่งรบหรือเหล่าเสนาธิการที่นั่งบัญชาการอยู่ในห้อง War Room) จะบาดเจ็บล้มตาย โดยเฉพาะทหารผู้น้อยที่ต้องเชื่อฟังคำสั่งให้รุกเข้าไปข้างหน้า ด้วยเสี่ยงชีวิตของพวกตนอย่างยิ่ง และพลเมืองที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ที่จะต้องพลัดพรากจากบ้านเรือนของตน หรือต้องตายจากลูกกระสุนในสนามรบด้วย
สถานการณ์ที่ยูเครนขณะนี้กำลังตึงเครียด โดยมีเสียงปี่กลองดังสนั่น ทั้งในสหรัฐฯ (โดยพวกรีพับลิกันส่วนใหญ่) และในบางส่วนของยุโรป ให้ส่งกองกำลังทั้งอาวุธยุทโธปกรณ์ชนิดร้ายแรงสุด พร้อมเรือรบ เพื่อไปช่วยกอบกู้ยูเครนไม่ให้ตกอยู่ใต้การรุกคืบของรัสเซีย
หลังจากปธน.ไบเดนเจรจากับปธน.ปูตินทางโทรศัพท์ แล้วก็ตามมาด้วยการเจรจา 3 รอบ ในระดับ รมช.ต่างประเทศของสหรัฐฯ และรัสเซีย และยังมีอีก 2-3 รอบระหว่าง รมต.ต่างประเทศสหรัฐฯ กับรมต.ต่างประเทศสหภาพยุโรปและนาโต ซึ่งเป็นการระดมแรงสนับสนุนที่สหรัฐฯ (America is Back) ต้องการจากเหล่าประเทศในยุโรป เพื่อหาเอกภาพในการต่อรองและกดดันรัสเซีย เพื่อให้ถอนทหารรัสเซียออกไปจากพรมแดนระหว่างรัสเซียและยูเครน...โดยเฉพาะถ้ารัสเซียบุกยึดครองยูเครน จะต้องเจอกับกองกำลังของฝ่ายนาโตที่นำโดยสหรัฐฯ และหลายประเทศในยุโรป
ท่าทีของปธน.ไบเดนตอนต้นๆ คือ ใช้เจรจาเพื่อหาทางออก เพราะ “Diplomacy is Back” ดังที่เขาประกาศก่อนเข้ารับตำแหน่ง...เขาเดินตามยุทธศาสตร์นี้ในกรณียูเครนอย่างเห็นได้ชัด
เขาขู่รัสเซียว่า จะได้รับการตอบโต้อย่างรุนแรงด้วยการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในตลาดเงินดอลลาร์ที่จะปิดประตูหันหลังให้รัสเซีย (วิธีการนี้สหรัฐฯ ได้ใช้ในปี 2014 สมัยโอบามา-ไบเดน เมื่อรัสเซียผนวกเอาแหลมไครเมียยวงใหญ่ไปอยู่ใต้รัสเซีย...โดยสภาของไครเมียได้มีการทำประชามติและลงมติ ขอเข้าเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียโดยไม่เสียเลือดเนื้อแต่อย่างใด) รวมทั้งตัดหรือคว่ำบาตรการลงทุนในรัสเซียทั้งหมด จากเหล่าพันธมิตรของสหรัฐฯ และนาโต...ซึ่งรัสเซียเคยผ่านมาอย่างแสนสาหัสช่วง 2014-2015 แต่รัสเซียก็ฝ่ามาได้...โดยเฉพาะขณะนี้รัสเซียอาจไม่ต้องหวาดหวั่นต่อการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจจากตะวันตก เพราะรัสเซีย (โดยโฆษกเครมลิน) ตอกย้ำว่า รัสเซียมีเพื่อนเยอะทั่วโลก และยิ่งขณะนี้เป็นฤดูหนาว ที่ยุโรปต้องการพลังงานจากรัสเซียอย่างยิ่ง ทำให้รัสเซียเป็นต่อ...(มีจีนเป็นหลังอิง และยังมีกลุ่มประเทศในเอเชียกลาง, ตลอดจนอิหร่านและพันธมิตรด้วย)
ปธน.ไบเดนเลือกคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ เพราะเก็บทางเลือกการเผชิญหน้าทางทหารไว้เป็นกรณีสุดท้าย แต่ถูกทางรีพับลิกันในสภาฯ ชี้หน้าว่าไบเดนอ่อนแอ (ทั้งโอบามาและไบเดนที่เลือกการเจรจาก่อนใช้กำลัง จะถูกตอกหน้าว่าไม่มีน้ำยา ขนาดอดีตรมต.ต่างประเทศ ปอมเปโอสมัยทรัมป์ออกมาโขกสับหน้าจอทีวีว่า ต้องใช้กำลังเข้าจัดการ (ทั้งๆ ที่อดีตปธน.ทรัมป์กลายเป็นแมวเชื่องๆ ในความสัมพันธ์กับปธน.ปูติน...ขนาดออกมาแถลงว่า เชื่อคำพูดของปูติน 100% ว่า รัสเซียไม่ได้แทรกแซงทางไซเบอร์ที่ช่วยทรัมป์จนชนะการเลือกตั้ง ปธน.)
ล่าสุดด้วยคะแนนนิยมที่กำลังดิ่งของไบเดน (จากปัญหาเงินเฟ้อ-ข้าวของแพง-รวมทั้งค่าแรงก็พุ่ง พร้อมน้ำมันที่แพงมาก และกรณีการถอนทัพอเมริกันออกจากอัฟกานิสถานที่ไม่สวยทีเดียว) พร้อมแรงกดดันสบประมาทจากรีพับลิกันว่า ต้องใช้ความแข็งกร้าว (ด้วยกองกำลังทหารและอาวุธ) ไปข่มขู่ปูติน...ไบเดนประกาศส่งอาวุธร้ายแรง (เช่น ปืน/จรวดต่อสู้รถถัง) ไปยังยูเครน และเตรียมพร้อมเพื่อจัดส่งทหารอเมริกันร่วมหมื่นนาย (8,500) เข้าปกป้องยูเครน เมื่อรัสเซียบุกเข้ายูเครน
ฝ่ายรัสเซียพูดอยู่ประโยคเดียวว่า ไม่บุกยึดยูเครน...และที่ต้องยกกำลังไปเกือบ 2 แสนคนที่พรมแดนรัสเซีย-ยูเครน ก็เพราะตอบโต้ที่พันธมิตรนาโตได้ระดมเสริมอาวุธให้เคียฟอย่างมากขณะนี้...รัสเซียบอกว่า... เขาไม่ใช่เป็นผู้เริ่มต้นในการเสริมกำลัง...แต่ต้องเสริมกำลังที่ชายแดน เพราะเขาถูกคุกคามจากกองกำลังของพันธมิตรนาโต ที่ทำให้มอสโกอยู่ในภาววิสัยที่จะถูกโจมตีได้
ฝ่ายนาโตก็เสียงแตก เพราะพี่ใหญ่ในยุโรปนำโดยเยอรมนีและฝรั่งเศส กลับไม่ยอมส่งกองกำลังไปช่วยพิทักษ์ยูเครน...เยอรมนีอ้างกฎหมายไม่ให้ส่งอาวุธไปช่วยประเทศอื่น (คงเข็ดจากสมัยฮิตเลอร์ที่รุกเข้าครอบครองดินแดนประเทศต่างๆ) แต่ขอส่งแค่รพ.สนาม 1 ชุดไปช่วยรักษาทหารที่บาดเจ็บ!!...และยังห้ามประเทศที่เคยอยู่ในโซเวียตที่ติดทะเลบอลติกคือ ลัตเวีย เอสโตเนีย และลิทัวเนีย ไม่ให้ส่งอาวุธที่ผลิตในเยอรมนี (ที่ทั้ง 3 ประเทศได้ซื้อจากเยอรมนี) ไปช่วยเคียฟอีกด้วย!!...ด้านฝรั่งเศส ปธน.มาครงก็ไม่ส่งอาวุธไปช่วยเคียฟ และเสนอว่าตนจะเป็นทูตแทนอียูและนาโต เพื่อเจรจากับปูติน (ได้พูดโทรศัพท์กันรอบแรกเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา)...ขณะที่อีกหลายประเทศในยุโรปได้ส่งอาวุธไปช่วยเคียฟ
ด้านแม่ทัพเรือเยอรมนี พลเรือโทเคย์-อาคิม ชอนบัค (Kay-Achim Shonbach) ได้ไปแสดงความคิดในวงสัมมนาทางวิชาการด้านความมั่นคง (จัดที่อินเดีย) เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ว่าเขาไม่คิดว่าปูตินจะบุกยึดยูเครน...เพราะปูตินได้ผนวกคาบสมุทรไครเมียไปแล้วตั้งแต่ 2014 (โดยไม่เสียเลือดเนื้อทั้งสิ้น) แล้วจะบุกเข้ายูเครน เพื่อไปเจอกับสงครามกลางเมือง (ที่เคียฟจะสู้สุดฤทธิ์) กันทำไม? เขาบอกมันเป็นเรื่องเหลวไหลที่มองว่าปูตินจะบุกยึดยูเครน...แต่เพราะปูตินต้องการการยอมรับว่าเสมอภาค (as an equal) กับทางตะวันตก ไม่ใช่เป็นลูกไล่ (เช่น โอบามาเคยจัดลำดับมหาอำนาจโลกมีอยู่ 2 ประเทศคือ สหรัฐฯ และจีนที่กำลังแข่งขันกันดุเดือด ขณะที่รัสเซียเป็นแค่ Regional Power (อำนาจใหญ่ในระดับภูมิภาค) เท่านั้น...ขนาดโอบามาพยายามจัดตั้ง TPP เพื่อปิดล้อมจีน...โดยมองข้ามรัสเซียไปแล้ว!!
ท่านแม่ทัพเรือชอนบัค บอกว่า ถ้าให้การยอมรับปูตินก็ไม่ต้องไปทำสงครามให้เดือดร้อนกันไปทั่วโลก! “มันง่ายจะตายที่จะมอบการยอมรับให้แก่ปูติน ซึ่งปูตินก็เหมาะสมที่จะได้รับด้วย!!”
เท่านั้นเอง ก้อนอิฐหลายก้อนปามาที่ตัวเขาว่า กลายเป็นผู้สนับสนุนปูติน และคำกล่าวเช่นนั้นไม่ใช่นโยบายทางการของเยอรมนี...ทางเคียฟเดือดดาลมาก เรียกทูตเยอรมนีมาประณามทันที!
เช้าวันเสาร์ ท่านแม่ทัพเรือท่านรักศักดิ์ศรี และเพื่อเห็นแก่ประเทศชาติ ท่านเขียนจดหมายลาออกยื่นแก่รมต.กลาโหม (ที่เป็นผู้หญิง) ทันที ในจดหมายกล่าวว่า เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายลุกลามขยายวงส่งผลต่อประเทศชาติ...ซึ่งได้รับอนุมัติลาออกไปเรียบร้อย
ทำไมต้องไปทำสงคราม ในเมื่อมีทางออกอันอื่นอยู่แค่เอื้อม?