ชาวยุโรปทั้งฝ่ายตะวันออกและตะวันตกส่วนหนึ่งกำลังรู้สึกกังวลว่าอนาคตอันใกล้นี้จะเป็นอย่างไร บรรยากาศโดยทั่วไปคล้ายกับว่ายุโรปกำลังจะเผชิญภาวะสงครามกับรัสเซียกรณียูเครน หลังจากการแตกสลายของยูโกสลาเวียในช่วงทศวรรษ 1990
ถือว่าเป็นความกังวลที่มีเหตุผล ยุโรปทั้งทวีปกำลังเจอปัญหาการระบาดของโควิด-19 อย่างหนัก การเดินขบวนต่อต้านควบคุมโรค ปัญหาเศรษฐกิจ การว่างงาน สภาวะเงินเฟ้อ การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศซึ่งยุโรปอยู่ในช่วงฤดูหนาว
การสู้รบในสภาวะสงครามย่อมสร้างความเสียหายอย่างมากส่งผลระยะยาว
กลุ่มประเทศยุโรปตะวันตกยิ่งแสดงความกังวลโดยเฉพาะอารมณ์ของผู้บริหารองค์กรประชาคมยุโรปในกรุงบรัสเซลส์ เพราะถ้าเกิดภาวะสงครามภาคพื้นดินระหว่างรัสเซียกับยูเครน ก็ย่อมส่งผลกระทบทั่วทวีปทุกด้านอย่างเลี่ยงไม่ได้
ยังมีคนส่วนหนึ่งไม่เชื่อว่ารัสเซียจะกล้าบุกยูเครนด้วยกำลังทหาร แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีการปะทะเกิดขึ้น การประเมินสถานการณ์แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับว่าประเทศอะไรใกล้กับพื้นที่สนามรบนอกจากบริเวณชายแดนยูเครนและรัสเซีย
หลายประเทศในยุโรปได้ส่งทหารและอาวุธไปช่วยยูเครน ล่าสุดสหรัฐฯ ได้ส่งอาวุธมีน้ำหนักรวม 90 ตันไปให้กองทัพยูเครนพร้อมที่ปรึกษา แต่เยอรมนีกลับส่งเพียงหน่วยพยาบาลสนามอุปกรณ์จำเป็นเท่านั้น ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับรัฐบาลยูเครนที่มองว่าเยอรมนีเกรงใจรัสเซียเกินไป
เยอรมนีมีผู้นำคนใหม่ไม่ใช่นางอังเกลา แมร์เคิล แม้จะอยู่ในสนธิสัญญานาโต ก็ตาม แต่ทุกประเทศล้วนแต่ห่วงสภาวะของตนเอง โดยเฉพาะเยอรมนีซึ่งพึ่งพาก๊าซส่งผ่านท่อจากรัสเซียซึ่งจำเป็นอย่างมากสำหรับเศรษฐกิจของประเทศ
ที่ผ่านมาทั้งยุโรปและสหรัฐฯ ได้แต่เพียงขู่รัสเซียซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าจะต้องเผชิญกับการตอบโต้อย่างรวดเร็วและรุนแรงโดยถูกคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำให้รัสเซียรู้สึกหวั่นเกรง ที่ผ่านมาก็เผชิญแรงกดดันจากกลุ่มประเทศตะวันตกนำโดยสหรัฐฯ มาโดยตลอด
กระทรวงการต่างประเทศของอังกฤษถึงขั้นอ้างว่ารัสเซียมีแผนที่จะบุกเข้ายูเครนและจัดตั้งรัฐบาลหุ่นเชิด โดยมีอดีต ส.ส.ของยูเครนคือนายเยฟเฮน มูราเยฟ เป็นผู้นำรัฐบาลและเป็นฝ่ายพันธมิตรกับรัสเซีย
คำอ้างนี้มาจากการแถลงโดยรัฐมนตรีต่างประเทศ ลิซ ทรัสส์ ซึ่งบอกว่าเจตนาของรัสเซียคือการทำให้รัฐบาลยูเครนอยู่ในสภาวะอ่อนแอจนต้องมีเหตุเปลี่ยนแปลงและก็เตือนอีกว่ารัสเซียจะต้องไม่ทำให้สถานการณ์ดูเลวร้ายกว่าที่เป็นอยู่
ก่อนหน้านี้รายงานข่าวกรองของยูเครนและกลุ่มประเทศตะวันตกคาดคะเนว่ารัสเซียจะบุกเข้ายูเครนในช่วงต้นปี 2022 แต่ก็ถูกปฏิเสธโดยตลอด ขณะที่ผู้นำรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน ได้ย้ำความต้องการว่ายูเครนจะต้องไม่เข้าอยู่ในสนธิสัญญานาโต
ปูตินย้ำว่าฝ่ายตะวันตกจะต้องหยุดยั้งการรุกคืบทั้งในด้านการทหารและซ้อมรบในพื้นที่ซึ่งเป็นยุโรปตะวันออก ที่ผ่านมาก็ได้ขยายสมาชิกนาโตในยุโรปตะวันออก
หลังจากระบบคอมมิวนิสต์ล่มสลายในสหภาพโซเวียตปี 1991 ยุโรปตะวันออก 14 ประเทศได้เข้าร่วมกับสนธิสัญญานาโต ยกเว้นเบลารุสกับยูเครน โดยรัสเซียมองว่าถ้ายูเครนเป็นสมาชิกนาโตก็เท่ากับเป็นการรุกคืบเข้ามาประชิดชายแดน
การนำอาวุธหรือขีปนาวุธเข้ามาติดตั้งจะทำให้รัสเซียถูกคุกคามอย่างรุนแรง
การเจรจาวันศุกร์ที่ผ่านมาระหว่างรัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐฯ และรัสเซียในกรุงเจนีวาไม่ได้ส่งผลคืบหน้าหรือมีข้อตกลงอะไร คงมีการย้ำความต้องการของแต่ละฝ่ายบรรยากาศของการเผชิญหน้ายังมีอยู่ ชาวยุโรปอยู่ไปแต่ละวันด้วยใจระทึก
ในเยอรมนีมีการเปลี่ยนแปลง แม่ทัพเรือได้ลาออกหลังจากที่ไปพูดในวงสัมมนาด้านความมั่นคงว่าตนเองไม่เชื่อว่าปูตินมีความตั้งใจจะบุกยูเครน เพียงแต่ต้องการความเคารพ การยอมรับ คำพูดเพียงแค่นี้ก็ส่งผลให้ต้องตัดสินใจลาออก
รัสเซียได้ส่งทหารประมาณ 1 แสนนาย อยู่พื้นที่ชายแดนประชิดยูเครน พร้อมปฏิบัติการ และมีทหารส่วนหนึ่งไปร่วมซ้อมรบในเบลารุสและอาจเป็นกองกำลังเสริมกระหนาบอีกด้านหนึ่งของยูเครนซึ่งมีชายแดนร่วมกัน
ขณะที่ฝ่ายสหรัฐฯ และพันธมิตรได้เจรจาต่อรองกับรัสเซียนั้น ยูเครนไม่ได้อยู่ในส่วนของการเจรจาด้วยเลยซึ่งถือว่าเป็นสถานการณ์ที่แปลก ทั้งคนรัสเซียและยูเครนก็ไม่ได้รู้สึกเป็นปฏิปักษ์ต่อกันเพราะมีภาษาคล้ายกัน เคยอยู่ใต้สหภาพโซเวียตด้วยกัน
รัฐบาลยูเครนยุคนี้ไม่ยอมอยู่ในวงจรของรัสเซีย ทั้งได้เสียแหลมไครเมียในปี 2014 โดยที่ฝ่ายประเทศตะวันตกไม่ได้ต่อต้านหรือขัดขวาง ครั้งนี้ก็เช่นกันไม่มีสัญญาณว่าประเทศใดจะส่งทหารเข้าร่วมรบอย่างเต็มกำลังถ้ารัสเซียบุกยูเครน
สหรัฐฯ ได้ประกาศชัดแล้วว่าจะไม่ส่งทหารเข้าไปร่วมรบด้วยนอกจากการส่งอาวุธไปช่วย ดังนั้นถ้ารัสเซียบุกแบบสายฟ้าแลบเข้ายึดยูเครนได้รวดเร็วและตั้งรัฐบาลใหม่ โลกตะวันตกก็คงจะทำอะไรไม่ได้ถ้าประชาชนยูเครนไม่ร่วมต่อต้าน
บรรยากาศของความไม่แน่ใจ ความไม่แน่นอน ยังคงมีต่อไปพร้อมกับคำถามที่ว่ารัสเซียจะบุกยูเครนจริงหรือไม่และจะบุกเมื่อไหร่ กลุ่มประเทศในสนธิสัญญานาโตจะยอมเสี่ยงรบถึงขั้นไหน ความสูญเสียด้านชีวิตและทรัพย์สินจะมหาศาล
นี่เป็นเกมของการเดิมพันซึ่งรัสเซียไม่ยอมเสียหน้า เหมือนกับการเล่นไพ่โป๊กเกอร์ ใครจะสามารถกลบไต๋ และเล่นเกมลักไก่ได้เก่งกว่ากัน