xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

สัญญาณยุบพท.แรง แก้เกม บัตรสองใบ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา -ทักษิณ ชินวัตร -พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ -คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์
ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - หลังรัฐธรรมนูญฉบับบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ มีผลบังคับใช้ นักการเมืองเคลื่อนไหววัดพลังกันต่อ โดยเฉพาะสูตรคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคขนาดใหญ่ นำโดยพรรคเพื่อไทยต้องการใช้วิธีเหมือนเมื่อการเลือกตั้ง 2554 คำนวณเฉพาะส.ส.บัญชีรายชื่อและหารด้วย 100 คน พรรคไหนได้คะแนนเลือกพรรคเยอะ พรรคนั้นได้ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์เยอะสุด เพดานขั้นต่ำอยู่ที่ 350,000 คะแนน ถึงจะได้ ส.ส.1คน

ขณะที่พรรคปัดเศษ ตอนนี้กำลังดิ้นหนัก เกาะกลุ่มรวมตัวไม่เว้นแม้แต่พรรคก้าวไกล ขอให้คำนวณคะแนนส.ส.บัญชีรายชื่อ เหมือนเมื่อปี2562 ที่นับคะแนนรวมทั้งหมดมาคำนวณหาส.ส.พึงมี เพื่อไม่ให้คะแนนไหนต้องตกน้ำ

แต่ดูแล้ว ต่อให้ใครจะเคลื่อนไหวอะไรอย่างไร สุดท้ายคนที่กำหนดเกมเลือกกติกา ไม่ได้เป็นพรรคการเมืองเหล่านี้ หากแต่เป็นผู้มีอำนาจ


ต่อให้ในสภาจะมีการอภิปราย แปรญัตติเข้มข้นจนเลือกกติกากันมาได้ แต่ต้องไม่ลืมว่า ฉบับไฟนอลคนเคาะคือ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เจ้าของร่าง เป็นไปอย่างที่ เนติบริกร-วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ซือแป๋กฎหมายรัฐบาลบอกเอาไว้

หากสภาฯ ปรับเปลี่ยน จนกกต.เห็นว่า ขัดหรือแย้งกับความตั้งใจ สามารถสั่งให้เปลี่ยนให้ถูกต้องได้

สภาฯไม่สามารถมองข้ามกกต.ได้ เพราะกฎหมายลูก ไม่ว่าจะเป็น พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง เกี่ยวเนื่องกับกกต.

ดังนั้น มันจึงต้องจับตาไปที่พรรคพลังประชารัฐ ว่าต้องการเวอร์ชั่นไหน ที่พอจะบอกได้ว่า วิธีคำนวณแบบไหนคือ คำตอบสุดท้ายในสนามเลือกตั้ง

ในคิวที่พรรคพลังประชารัฐ ย่อมไม่อยากลงแข่งขันในกติกาที่เสียเปรียบ เห็นอยู่ตรงหน้าว่า คนที่ชำนาญการบัตรเลือกตั้งสองใบมากที่สุดคือ พรรคเพื่อไทย จะลงไปทั้งๆ ที่รู้ว่า แพ้ตั้งแต่ในมุ้งมันคงพิลึกพิลั่น ตอนนี้เลยต้องรอดูว่า พรรคพลังประชารัฐจะมาไม้ไหน

เพราะชอบทำอะไรพิเรนๆ คาดไม่ถึงเสมอ!

ก่อนหน้านี้หลายฝ่ายจับตาว่า พรรคพลังประชารัฐมีวิธีแก้เกมที่ตัวเองถลำตัวเรื่องบัตรสองใบ ด้วยการที่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ยุบสภาในช่วงหลังจากนี้ที่กฎหมายลูกยังไม่เสร็จ เพื่อใช้กติกาเดิม บัตรเลือกตั้งใบเดียวไปก่อน

แต่ประเมินแล้วว่าฝ่ายกุมอำนาจคงไม่ลงทุนแหกตาพรรคร่วมรัฐบาลอย่างพรรคประชาธิปัตย์ขนาดนี้ เพราะหากจะไม่แก้ คงหาวิธีแถ เตะถ่วงไปแล้ว ไม่ปล่อยล่วงเลยมาจนถึงบังคับใช้

พรรคพลังประชารัฐตั้งใจจะเอาสูตรนี้ โดยช่วงที่ชนะเลือกตั้งซ่อมบ่อยๆ มีแกนนำบางคนนำเสนอให้กลับไปใช้บัตรเลือกตั้งสองใบกับ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เพราะเห็นว่านาทีนี้นั้นไม่ต้องกลัวพรรคเพื่อไทย และจะยิ่งทำให้ได้ส.ส.มากขึ้นกว่าบัตรใบเดียว

“บิ๊กป้อม” โอเคเซย์เยส ซื้อสูตรนี้ ก่อนจะไฟเขียวให้เดินหน้าเต็มพิกัด แต่เมื่อเวลาผ่านไปกระแสความนิยมของพรรคพลังประชารัฐดิ่งลงเหว มันก็กลับตัวไม่ได้เสียแล้ว

อยู่ที่พรรคพลังประชารัฐที่หลวมตัวมาแล้ว จะแก้เกมอย่างไร

อย่างไรในสนามเลือกตั้งพรรคพลังประชารัฐก็สู้พรรคเพื่อไทยไม่ได้ในกติกานี้ ต่อให้ “บิ๊กตู่” กับพรรคพลังประชารัฐ จะไม่แยกจากกันก็เถอะ

ในจังหวะที่กระแสข่าวยุบพรรคฝ่ายค้านกลับออกมาถี่ยิบในช่วงนี้ เลยมีการจ้องมองกันว่า หรือจะมีการงัดไม้ยุบพรรคกลับมาใช้ เหมือนกับตอนที่ดับผยองพรรคไทยรักษาชาติ

พรรคก้าวไกลถูกล็อกเป้าว่า น่าจะเป็นเบอร์หนึ่งที่ถูกเขี่ยทิ้ง หลังเป็นเสี้ยนหนามในสภามาโดยตลอด มีบาดแผลหาเรื่องได้เพียบ โดยเฉพาะกรณีที่ “ณฐพร โตประยูร” อดีตที่ปรึกษาผู้ตรวจการแผ่นดิน ไปยื่นต่อกกต. ขอให้ยุบพรรค จากการสนับสนุนม็อบ 3 นิ้วล้มล้างการปกครอง

ยิ่งมีคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญกรณีแกนนำม็อบ 3 นิ้วเคลื่อนไหวล้มล้างการปกครอง ส.ส.เริ่มมองหน้ากัน ดูทรงแล้วคงไม่รอด

แต่หากมองในข้อเท็จจริง ในกติกาบัตรเลือกตั้งสองใบ พรรคก้าวไกลไม่ได้เป็นศัตรูที่น่ากลัวเลย ยิ่งเป็นการคำนวณแบบปี 2554 ไม่มีทางที่จะได้ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ 50 คน แต่จะเหลือเพียง 10 กว่าคนเท่านั้น ขณะที่ ส.ส.แบบแบ่งเขต สู้พรรคใหญ่ โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยลำบาก

พรรคก้าวไกลจะไม่โตไปกว่านี้ แต่จะเป็นขนาดเล็กลง เหมือนกับพรรคภูมิใจไทยที่แสดงออกชัดเจนว่าไม่ปลื้มบัตรเลือกตั้งสองใบเอาเสียมากๆ

แต่เป็นพรรคเพื่อไทยต่างหาก ที่ถูกหมายหัวอันดับหนึ่ง โดยมีหลายประเด็นที่ถูกร้องเรียนเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นกรณีคลิป ทักษิณ ชินวัตร วิดีโอคอลกับสมาชิกในงานวันเกิด เกรียง กัลป์ตินันท์ รองหัวหน้าพรรค

หรือแม้แต่กรณีตั้ง “หมอเลี้ยบ” นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เป็นผู้อำนวยการพรรค ทั้งที่ไม่สามารถดำรงตำแหน่งใดๆ ผลจากการถูกพิพากษาในศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

จะบีบก็ตายจะคลายก็รอด!

ที่น่ากลัวกว่าคือ หากพรรคเพื่อไทยถูกยุบในช่วงที่มีพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งไปแล้ว ส.ส.แบบแบ่งเขตที่ลงสมัครไป จะไม่สามารถหาสังกัดใหม่ได้ทัน เหมือนกับที่พรรคไทยรักษาชาติโดน

สัญญาณยุบพรรคเพื่อไทย มาแรงแซงโค้งมากๆ

แล้วมันก็เป็นคิวที่นักการเมืองหลายคนต้องเริ่มมองลู่ทาง พรรคหนึ่งที่กำลังเนื้อหอมคือ ไทยสร้างไทย ที่แม้จะเป็นพรรคขนาดเล็ก แต่ชื่อชั้น “เจ๊หน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ขายได้

วันหนึ่งจะกลายเป็นแหล่งรวมดาวเอา!


กำลังโหลดความคิดเห็น