ข่าวปนคน คนปนข่าว
**ความจริงแล้วลุงตู่ คือ Blink ! ให้กำลังใจลิซ่า แต่ไหงถูกแซะว่าโหน โดนทัวร์ลงซะงั้น
กระแสวลี “ความจริงแล้วฉันคือประธานบริษัท” ที่มาจากละครคุณธรรม หรือหนังสั้นสะท้อนสังคมที่กำลังมาแรงถูกนำไปขยายในพื้นที่โซเชียลฯ ต่างกรรมต่างวาระกันเต็มหน้าฟีดเฟซบุ๊ก และไอจี ไม่เว้นกรณี ของ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ที่ออกมาแสดงความคิดเห็น เป็นห่วงเป็นใย และให้กำลังใจ “น้องลิซ่า” โดยกล่าวว่า ก็ต้องให้กำลังใจ คนไทยทุกคนให้กำลังใจหมด ซึ่งนั่นทำให้ “ลุงตู่” ถูกชาวเน็ตแซวว่า จริงๆ แล้ว ลุงตู่ ก็คือ Blink หรือชื่อเรียก แฟนคลับ หรือบุคคลที่ รัก-ชอบ-สนใจในวง BLACKPINK มากๆ นั่นเอง
“ลิซ่า Blackpink” หรือ ลลิษา มโนบาล นักร้องไทยชื่อดัง ถูกตรวจพบว่า ติดเชื้อโควิด-19 โดย บริษัท YG entertainment บริษัทบันเทิงยักษ์ใหญ่เกาหลี ต้นสังกัดวง Blackpink ออกมายืนยันเมื่อวานนี้ (24 พ.ย.) โดยระบุ “ลิซ่า” ได้เข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ในตอนบ่าย และมีผลเป็นบวก ซึ่งตอนนี้สมาชิกของวงอีก 3 คน ได้ทำการทดสอบ PCR แล้ว และกำลังรอผลอยู่ และจะเข้าสู่การกักตัว
พลันที่ข่าวแพร่สะพัด ก็มีเหล่า Blink และแฟนเพลงทั่วโลก แห่ส่งกำลังใจให้ “น้องลิซ่า” ขอให้หายป่วยไวๆ ... ทั่วทั้งโลกโซเชียลฯเมื่อวานนี้ จึงเต็มไปด้วยแฮชแท็กให้กำลังใจลิซ่า ติดอันดับมากมาย เช่น #GetWellSoonLisa #ลิซ่า
เรียกว่า สะท้อนให้เห็นถึงความนิยมชมขอบในตัว “น้องลิซ่า” มากมายจริงๆ
ตรงกันข้ามกับ “ลุงตู่” เวลานี้ จะบอกว่าคนชอบเท่าผืนหนัง แต่คนชังทั่วโซเชียลฯก็ว่าได้ ขยับตัวนิด พูดจาอะไร ดูจะขัดหูขัดตาชาวประชาโซเชียลฯไปหมด แค่พูดให้กำลังใจน้องลิซ่าด้วยเจตนาดีแท้ๆ กลับกลายเป็นประเด็นให้ถูกจับไปต่อว่า ลุงอยู่เฉยๆ จะดีกว่า ไม่พูดบ้างจะได้มั้ย พลอยจะทำให้ลิซ่าเดือดร้อนไปด้วยมั้ย ... หนักหน่อยก็โดนว่า โหนกระแส หิวแสง ขอแสงจากน้องลิซ่า เรียกเรตติ้งเพื่อกลบปัญหาการเมือง และการบริหารประเทศ จากปัญหาโควิด วิกฤตเศรษฐกิจ น้ำมันแพง ทำมาทำไปเป็นดรามาเรียกทัวร์ลงต่อจากคำพูด ผักชี และใช้รถทหารขนส่ง ไปซะงั้น
แหม งานนี้ชาวเน็ตก็แยกแยะกันหน่อย ใจร้ายกับลุงตู่เกินไปหรือเปล่าจ๊ะ
** “ลุงตู่” บอกอยู่ พปชร. ส่วนยุบสภายังไม่อยากยุบ แต่กลัวถูกบังคับ!!
หลังรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขเพิ่มเติมมีผลบังคับใช้ บรรยากาศการเมืองเริ่มก็คึกคักขึ้นมาทันที เพราะการเลือกตั้งมีความชัดเจนขึ้นว่าจะกลับไปใช้ระบบบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ มี ส.ส.เขตเพิ่ม เป็น 400 คน ส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คน
ส่วนรายละเอียดเกี่ยวกับกติกาการเลือกตั้งจะอยู่ในกฎหมายลูก 2 ฉบับ คือ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการยกร่าง เตรียมนำเข้าพิจารณาในสภา
“วิษณุ เครืองาม” รองนายกรัฐมนตรี มือกฎหมายของรัฐบาล กางไทม์ไลน์ ให้เห็นว่า กฎหมายลูกทั้ง 2 ฉบับ น่าจะเสร็จพร้อมประกาศใช้ ประมาณเดือน ก.ค. 65 พร้อมคาดการณ์ว่า เมื่อถึงเวลานั้น แรงกดดันให้ “ยุบสภา” เพื่อเลือกตั้งใหม่จะมีสูงมาก
ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับการเลือกตั้งวิเคราะห์กันว่า การเลือกตั้งตามกติกาใหม่ที่จะมีขึ้นนี้ เป็นคุณกับพรรคใหญ่ ไม่เป็นผลดีกับพรรคเล็ก เพราะดูจากการเลือกตั้งที่ผ่านๆ มา ผู้เลือกจะให้ความสำคัญกับตัวบุคคลเป็นอันดับแรก ส่วนพรรคเป็นรองลงมา
ดังนั้น พรรคใหญ่ที่รวมบุคคล ดี เด่น ดัง มีอิทธิพลในท้องถิ่น เป็นตระกูลการเมือง เชี่ยวชาญการเลือกตั้ง มีเครือข่ายหัวคะแนนเข้มแข็ง ย่อมได้เปรียบ ซึ่งน่าจะหมายถึง “พรรคเพื่อไทย” จนถึงกับมีผู้เปรียบเปรยว่า แก้รัฐธรรมนูญครั้งนี้เหมือนรัฐบาลยื่นดาบให้คู่ต่อสู้
แต่ “พลังประชารัฐ” ซึ่งเป็นพรรคแกนนำรัฐบาลก็ถือว่ามีดี ที่กุมอำนาจรัฐ บรรดาพรรคเล็ก พรรคจิ๋ว เริ่มเคลื่อนไหวยุบมารวม
ขณะที่ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ซึ่งอยู่ต่อแน่ แต่ยังไม่ชัดว่าจะสังกัดพรรคใด จึงมักเจอคำถามว่า จะอยู่พรรคไหน มีการตั้งพรรคใหม่มารองรับหรือไม่ หรือเข้าพรรคพลังประชารัฐ ของ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ... แล้วจะยุบสภาเมื่อไร จะรอให้กฎหมายลูกเสร็จหรือไม่ กฎหมายลูกเสร็จแล้วจะยุบสภาทันทีหรือเปล่า...
ล่าสุด “ลุงตู่” มีคำตอบเมื่อถูกนักข่าวถามจะอยู่กับพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ ว่า...ยังอยู่เหมือนเดิม ไม่ไปไหนทั้งนั้น... เมื่อถามว่ามองว่าจะลงสมัครพรรคการเมืองไหนหรือยัง “ลุงตู่” ตอบว่า “ไม่มอง” เมื่อถามย้ำให้แน่ใจว่าจะยังอยู่พรรคเดิมใช่หรือไม่ “ลุงตู่” ตอบว่า “ไปฟังลุงป้อมก็แล้วกัน”
ฟังคำตอบคล้ายกับว่า “ลุงตู่” จะยังอยู่กับพรรคพลังประชารัฐ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคนี้ ไม่มองพรรคการเมืองอื่น แต่จะสมัครเป็นสมาชิกพรรคหรือไม่นั้น ตรงจุดนี้ยังกำกวม!!
ส่วนเรื่อง “ยุบสภา” เมื่อถามว่า จะยุบสภาระหว่างที่กฎหมายลูก ยังไม่เสร็จสิ้นหรือไม่ คำตอบคือ “ไม่มีๆ” ... เมื่อถามว่าจะอยู่จนกว่ากฎหมายลูกเสร็จ หรืออยู่ถึงช่วงประชุมเอเปก “ลุงตู่” ตอบว่า ก็สุดแล้วแต่สถานการณ์ การเมืองก็ว่ากันไป เราก็อยู่ไปตามกรอบกฎหมายรัฐธรรมนูญ บ้านเมืองมีปัญหามากมายต้องแก้ไข อยากให้ดูว่าเราแก้ปัญหาอะไรบ้าง อะไรที่เป็นปัญหาอุปสรรคค้างคากันมาในอดีต ซึ่งก็แก้ไขไปเยอะ และสิ่งที่ใหม่ๆ ก็เดินหน้าไปเยอะ...
หากวิเคราะห์ตามสถานการณ์ที่เป็นอยู่ จะเห็นได้ว่า “ลุงตู่” ต้องการอยู่ให้นานที่สุดถึงกับเคยพูดให้มีการตีความว่า จะอยู่ครบวาระ หรืออย่างน้อยก็อยู่จนกฎหมายลูกเสร็จสิ้น เพื่อเลือกตั้งตามกติกาใหม่ หรือขอให้รัฐบาลได้ออกนโยบายที่ประชาชนนิยมชมชอบให้ได้มากกว่านี้ ค่อยเลือกตั้ง
ที่เห็นได้ชัดว่า “ลุงตู่” ไม่ต้องการยุบสภาในช่วงเวลาอันใกล้นี้ ก็ดูได้จากการพยายามกำชับพรรคร่วมรัฐบาลให้เข้าประชุมสภา เพราะมีกฎหมายสำคัญๆ ที่เข้าสู่การพิจารณาของสภาหลายฉบับ เช่นเดียวกับ “ลุงป้อม” ก็กำชับลูกพรรค ต้องเข้าประชุม และให้อยู่จนเลิกประชุม
แม้แต่ “วิษณุ เครืองาม” รองนายกฯ ยังต้องออกปากกับบรรดารัฐมนตรีว่า ในวันพุธ-พฤหัสบดี หากใครว่าง ก็ให้แวะที่ไปสภาบ้าง ไม่ว่ารัฐมนตรีที่เป็น ส.ส.หรือไม่เป็น ส.ส. เพราะการที่รัฐมนตรี ไปฟังการประชุมสภา แม้ว่าไม่มีเรื่องของตัวเอง ก็จะเป็นโอกาสได้พบปะใครต่อใคร มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันได้
นั่นพอจะบอกได้ว่า “ลุงตู่” กลัวกฎหมายถูกคว่ำ กลัวถูกบังคับให้ยุบสภา หากกฎหมายสำคัญ กฎหมายการเงิน หรือกฎหมายเกี่ยวกับยุทธศาสตร์ชาติ ไม่ผ่านความเห็นชอบจากสภา ก็มีแค่สองทางเลือก คือ นายกฯลาออก หรือยุบสภา ซึ่งถ้าต้องตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนั้น เชื่อว่า ลุงตู่ต้องจำใจ ยุบสภา
ดังนั้น เมื่อถูกถามว่าจะ “ยุบสภา” เมื่อไร “ลุงตู่” จึงได้แต่ตอบว่า แล้วแต่สถานการณ์ !!