xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

ม็อบสามนิ้วติดล็อก แกนนำทยอยโดนสอย ขยับลำบาก รบยืดเยื้อ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภาณุพงศ์ จาดนอก - พริษฐ์ ชิวารักษ์ - ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล - อานนท์ นำภา
ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - กระบวนทัพการเคลื่อนไหวของเครือข่ายม็อบสามนิ้ว หลังจากนี้จะเป็นอย่างไร ยังคงต้องติดตามกันทุกย่างก้าว

โดยล่าสุดเมื่อวันจันทร์ที่ 15 พ.ย.ที่ผ่านมา น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ รุ้ง จากกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ถูกศาลอาญากรุงเทพใต้ มีคำสั่งยกคำร้อง ขอปล่อยตัวชั่วคราว ทำให้ รุ้ง กลายเป็นแกนนำม็อบสามนิ้วรายล่าสุด ที่ถูกควบคุมตัวในเรือนจำ

ทั้งที่เธอเป็นแกนหลักในการเคลื่อนไหวนัดชุมนุม แต่เมื่อวันอาทิตย์ที่ 14 พ.ย. ที่ผ่านมา การนัดชุมนุมเพื่อต่อต้านคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในคดีล้มล้างการปกครองฯ รุ้ง ไม่ได้ไปร่วมปรากฏตัวตลอดการชุมนุม คงเพราะไม่อยากเสี่ยงที่จะถูกเพิกถอนการปล่อยตัวชั่วคราว แต่ในที่สุดก็ไม่รอด

รุ้งเข้าคุก ในวันเดียวกันศาลนัดสอบคำให้การคดีที่อัยการเป็นโจทก์ฟ้องแกนนำม็อบสามนิ้ว ที่มีชื่อรุ้ง ตกเป็นจำเลยด้วยในคดี ความผิดมาตรา 112 กรณีการเคลื่อนไหวเมื่อช่วงเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ในกิจกรรม สวมเสื้อผ้าครอปท็อป ที่ห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน
**ทำให้ขณะนี้ แกนนำม็อบสามนิ้วที่เป็นระดับแกนนำ ส่วนใหญ่จะอยู่ในเรือนจำเกือบทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น อานนท์ นำภา -จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ ไผ่ ดาวดิน -พริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน, น.ส.เบนจา อะปัญ, ภาณุพงศ์ หรือ ไมค์ จาดนอก

จึงน่าสนใจมาก ว่าการขยับของม็อบสามนิ้วหลังจากนี้จะดำเนินต่อไปอย่างไร หลังวันนี้ เป้าหมายการเคลื่อนไหวทั้งบนท้องถนนและในโซเชียลมีเดีย เห็นชัดว่าเหลือแค่เป้าหมายเดียวคือ สถาบันเบื้องสูง บนข้อเรียกร้องต่างๆ

ทั้งการยกเลิกมาตรา 112 -การปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์-การเรียกร้องให้ปล่อยแกนนำในคดี 112 และนับวันดูแล้ว การเคลื่อนไหวมีแนวโน้มจะยกระดับขึ้นไปเรื่อยๆ เห็นได้จาก การชูธงการเคลื่อนไหวเมื่อวันอาทิตย์ที่ 14 พ.ย.ที่ผ่านมา บนแคมเปญต่อต้านระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ซึ่งไปจบลงที่การเคลื่อนไหวที่หน้าสถานเอกอัครราชทูตเยอรมนีประจำประเทศไทย

ทุกคนรู้ดีว่าทำไมถึงต้องเป็น สถานที่ดังกล่าว

สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่า กลุ่มแนวร่วมม็อบสามนิ้วยังคงไม่ลดเพดานการเคลื่อนไหวแบบทะลุฟ้า แม้วันนี้มวลชนที่มาร่วมกิจกรรมบนท้องถนน กับม็อบ จะลดหายไปมากพอสมควร เมื่อเทียบกับช่วงปีที่แล้ว แต่กระบวนการเคลื่อนไหวของม็อบ ยังคงเป็นเรื่องที่ฝ่ายความมั่นคง ยังคงต้องสแกนทุกฝีก้าว

ด้วยเพราะ รูปแบบการเคลื่อนไหวบนท้องถนนและบนโซเชียลมีเดีย แนวร่วม-กลุ่มผู้สนับสนุนการเคลื่อนไหวของม็อบสามนิ้ว แสดงออกเด่นชัดว่า ต่อต้าน ไม่ยอมรับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในคดีล้มล้างการปกครอง เมื่อ 10 พ.ย.ที่ผ่านมา จนแสดงออกเหมือนกับว่าคำวินิจฉัยดังกล่าว

เป็นแค่กระดาษเปื้อนหมึก


จึงแข็งขืน ไม่ยำเกรง แม้ต่อให้ คำวินิจฉัยดังกล่าว ที่ถือเป็นที่สุดและผูกพันทุกองค์กร ที่ระบุตอนท้ายว่า

จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา
การกระทำของผู้ถูกร้องทั้ง 3 คนที่ก็คือ อานนท์-รุ้ง-ไมค์ เป็นการใช้สิทธิเสรีภาพล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตาม มาตรา 49 จึงสั่งการให้ผู้ถูกร้องทั้ง 3 รวมทั้งองค์กรเครือข่าย เลิกกระทำการดังกล่าวที่จะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคตด้วย ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49
ที่บัญญัติว่า บุคคลจะใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขมิได้

น่าสนใจว่า หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายเช่นสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานตำรวจสันติบาล จะดำเนินการติดตามตรวจสอบหรือเอาผิดกับการเคลื่อนไหวของ เครือข่ายม็อบสามนิ้วอย่างไรต่อไป

เพราะดูไปแล้ว การเคลื่อนไหวของม็อบสามนิ้ว จะไม่เลิกราง่ายๆ แม้ต่อให้ แกนนำมีชนักติดหลังเรื่องคดีความ และการถูกถอนประกัน ไปหลายคน

อย่างในรอบเดือนนี้ เมื่อดูจากปฏิทินคดีความที่ทาง ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นศูนย์กลางหลักในการทำคดีให้กับแกนนำม็อบและแนวร่วม ได้รวบรวมไว้พบว่า ในเดือนพ.ย.นี้ ยังจะมีคดี มาตรา 112 อีกหลายคดีที่น่าสนใจ ที่มีทั้งการฟังคำสั่งของอัยการหรือการนำตัวแกนนำม็อบมาขึ้นศาลเพื่อเข้าสู่กระบวนการพิจารณาคดีของศาล

เช่น วันพฤหัสบดีที่ 17 พ.ย. ที่ผ่านมา มีการนัดฟังคำสั่งอัยการ ในคดีม็อบ 2ธันวา ไปห้าแยกลาดพร้าว เหตุเกิดเมื่อวันที่ 2 ธ.ค. 63 ที่มีแกนนำโดนดำเนินคดีเช่น “รุ้ง” ปนัสยา, เพนกวิน,อานนท์ นำภา, “ไบรท์” ชินวัตร จันทร์กระจ่าง - “ไมค์” ภาณุพงศ์ จาดนอก เป็นต้น

เบนจา อะปัญ
โดยทั้งหมดถูกพนักงานสอบสวนสั่งฟ้องเอาผิด มาตรา 112 และข้อหายุยงปลุกปั่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 รวมถึงความผิดฐานผิดพ.ร.บ.การชุมนุมและฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ

นอกจากนี้ก็ยังมีอีกหลายคดีเช่นคดี MobFest 14 พฤศจิกา 2563 ที่ จะมีการนำตัว เพนกวิน ไปขึ้นศาลอาญารัชดา เพื่อสืบพยานฝ่ายโจทก์ ในช่วงวันที่ 23-25 พ.ย. 64

และยังมี คดีป้ายวัคซีนฯ ที่ศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ ซึ่ง มีการดำเนินคดีกับ โตโต้ ปิยรัฐ จงเทพ แกนนำการ์ดวีโว่ ที่ศาลนัดตรวจพยานหลักฐาน วันที่ 29 พ.ย. 64 ที่ศาลจังหวัดกาฬสินธุ์

และวันเดียวกัน 29 พ.ย.ศาลอาญากรุงเทพใต้ นัดตรวจพยานหลักฐาน ในคดีปราศรัยการชุมนุมของม็อบเมื่อวันที่ 24 มีนาคม ปีนี้ ที่มีจำเลยคือ “มายด์” ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล ซึ่งถูกฟ้องเอาผิด มาตรา 112 และฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ

เห็นแบบนี้แล้ว บรรดาคนที่อยู่หลังฉากการเคลื่อนไหวของแกนนำม็อบ จะหลบอยู่หลังฉาก คอยสนับสนุนและยุยงการเคลื่อนไหว จนทำให้แกนนำ โดยเฉพาะพวกที่ยังเป็นนักศึกษาต้องประสบวิบากกรรมมีคดีความรุมเร้า แต่พวกอยู่หลังฉากคอยวิ่งหาแสง เก็บคะแนน ทำแต้มทางการเมืองแบบหล่อๆ คงต้องคิดได้แล้วว่า

ถ้าจะสู้จริง ก็ต้องออกมาเลย ไม่ใช่หลบอยู่หลังฉากหรือสู้ไปกราบไป แบบที่ผ่านมาอีก


กำลังโหลดความคิดเห็น