ดีใจได้ไม่นาน “ธนาธร” ต้องลุ้นหนัก! หลัง ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับระงับเผยแพร่ไลฟ์วัคซีน ชี้ชัด หมิ่นสถาบันฯ? คดี 112 รอดยาก “แม่กวิ้น” ไม่เบา ชูเด็กๆ โดนคดีล้มล้างฯ เพราะทำความดี “ลูก” ทำผิดหมิ่นเบื้องสูง 22 คดี
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (18 พ.ย. 64) เพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH โพสต์ประเด็น ธนาธรหนักแน่! ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ สั่งลบ “ไลฟ์วัคซีน” มัดคดี ม.112
โดยระบุว่า จากกรณีเมื่อวันที่ 8 ก.พ. 64 ที่ศาลอาญา ศาลอ่านคำสั่งคดีหมายเลขดำ พศ.76/2546 ที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งระงับการเผยแพร่คลิปไลฟ์สดของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า
กรณีการไลฟ์สดเกี่ยวกับการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของรัฐบาล โดยมีเนื้อหาพาดพิงถึงสถาบันกษัตริย์ ซึ่งก่อนหน้านี้ศาลได้มีคำสั่งให้ระงับคลิปตามที่ดีอีเอสยื่นร้องขอ แต่ต่อมา นายธนาธร ได้ยื่นคัดค้าน โดยศาลได้ไต่สวนคู่ความทั้งสองฝ่าย แล้วยกคำร้อง
โดยคำสั่งศาล ใจความว่า พิเคราะห์ทั้งข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงโดยละเอียด เนื้อหาที่นายธนาธร ผู้คัดค้านกล่าว มุ่งเน้นการกล่าวหารัฐบาลบกพร่อง ข้อมูลเรื่องผู้ถือหุ้นเป็นเพียงส่วนน้อย ไม่เป็นประเด็นหลักในการนำเสนอ ไม่สามารถเห็นได้ชัดเจนถึงกับกระทบความมั่นคง จึงให้คำสั่งศาลที่ให้ระงับการเผยแพร่คลิปเมื่อวันที่ 29 ม.ค. 2564 เป็นอันสิ้นผล ให้ยกคำร้อง
ที่น่าสนใจ นายทศพล เพ็งส้ม ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ประจำกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เปิดเผยว่า ศาลอุทธรณ์มีคำตัดสินเมื่อวันที่ 19 ต.ค. 64 พิพากษากลับให้ระงับการทำให้แพร่หลาย 3 URL
นอกจาก นายธนาธร จะโดนร้องให้ระงับการเผยแพร่ ก็ยังมีเรื่องของคดีอาญา ทำให้แนวทางและข้อมูลในคำตัดสินของศาลอุทธรณ์เป็นที่น่าสนใจ
ฝ่ายผู้ร้องบอกว่า เป็นเนื้อหาเข้าข่ายความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงต่อราชอาณาจักร ในหมวดความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ พระราชินี และรัชทายาท (ม.112) เข้าข่ายผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ จึงเป็นการบรรยายขอให้ดำเนินการตาม พ.ร.บ.การกระทำความผิดว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
ประเด็นที่น่าสนใจ ก็คือ ศาลบอกว่า อุทธรณ์ของผู้ร้องขอ ให้ศาลวินิจฉัยเฉพาะมาตรา 20(2) คดีจึงต้องพิจารณาว่า ข้อมูลคอมพิวเตอร์ตามคำร้องเข้าข่ายเป็นข้อมูลที่อาจจะกระทบต่อความมั่นคงหรือไม่
ศาลเห็นว่า ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 6 ระบุว่า องค์พระมหากษัตริย์ทรงดํารงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้ ผู้ใดจะกล่าวหาหรือฟ้องร้องพระมหากษัตริย์ในทางใดๆ มิได้ แม้ข้อความดังกล่าวจะกล่าวถึงรัฐบาลว่าบกพร่องในการจัดหาวัคซีน แต่มีการกล่าวถึงพระมหากษัตริย์เกี่ยวกับการถือหุ้นของบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ ซึ่งบริษัท แอสตร้าเซนเนก้า ว่าจ้างให้ผลิต มีลักษณะมุ่งกล่าวให้ผู้ใช้บริการในการนำเข้าสู่อินเทอร์เน็ตเข้าใจว่า พระมหากษัตริย์มีส่วนเกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการวัคซีนที่เป็นปัญหาด้วย
นอกจากนี้ ตามวัตถุพยานมีข้อความหัวเรื่องว่า “วัคซีนพระราชทาน ใครได้ใครเสีย” ทำนองว่า พระมหากษัตริย์อาจได้รับประโยชน์จากวัคซีน ข้อความดังกล่าว จึงเข้าข่ายอาจกระทบกระเทือนต่อความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรตามที่กำหนดไว้ในภาค 2 ลักษณะ 3 แห่งประมวลกฎหมายอาญา แสดงให้เห็นว่า ผู้ใช้บริการในการเข้าสู่ระบบอินเทอร์เน็ตเข้าใจว่า พระมหากษัตริย์ได้ประโยชน์จากการหาวัคซีนของรัฐบาล
การลงข้อมูลคอมพิวเตอร์ดังกล่าวนี้ ทำให้มีการวิพากษ์วิจารณ์ อันเป็นการละเมิดและกล่าวหาพระมหากษัตริย์ซึ่งอาจกระทบกระเทือนต่อความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรตามประมวลกฎหมายอาญา มิใช่เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น การพูด การเขียน การพิมพ์ การโฆษณา และการสื่อความหมายโดยวิธีอื่นตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 3
กรณีมีเหตุระงับการดำเนินการให้แพร่หลาย ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ดังกล่าว ที่ศาลชั้นต้นออกคำสั่งยกคำรองมานั้น ศาลอุทธรณ์ไม่เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของผู้ร้องผู้นี้ ฟังขึ้น สุดท้ายจึงพิพากษากลับให้ระงับการทำให้แพร่หลาย ซึ่งข้อมูล 3 URL ดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลตามคำพิพากษาดังกล่าว อาจจะมีผลต่อคดีม.112 ที่ นายธนาธร ถูกกล่าวหา โดยเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2564 นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความ ในคดีของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า เปิดเผยว่า นายธนาธรได้รับหมายเรียกจากเจ้าหน้าที่ตำรวจเพิ่มอีก 2 หมาย ในข้อกล่าวหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 หมิ่นประมาท ดูหมิ่นหรืออาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14(3) ว่าด้วยการนําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรหรือความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา
โดยคาดว่า เป็นคดีเกี่ยวเนื่องจากการที่ธนาธรออกไลฟ์สดวิจารณ์แผนการบริหารจัดการวัคซีนของรัฐบาลเมื่อวันที่ 18 มกราคม 2564 หรือเมื่อ 7 เดือนที่แล้ว
ขณะเดียวกัน THE TRUTH ยังโพสต์ประเด็น แม่กวิ้น ชูเด็กๆ โดนคดีล้มล้างฯ เพราะทำความดี ขณะที่ลูกหมิ่นสถาบันฯซ้ำซากถึง 22 คดี
เนื้อหาระบุว่า จากกรณีวันนี้ (18 พ.ย. 64) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดไต่สวนคำร้องเพิกถอนคำสั่งประกันคดีดำ อ.287/2564 ที่พนักงานอัยการคดีอาญา 7 ยื่นคำร้องขอเพิกถอนการประกันตัว น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ รุ้ง, นายไชยอมร แก้ววิบูลพันธุ์ หรือ แอมมี่ เดอะบอตทอมบลูส์ และ นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือ ไมค์ ในคดีที่พนักงานอัยการยื่นฟ้องจำเลยที่ร่วมกับพวก 22 คน ดูหมิ่นสถาบัน และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง จากการชุมนุมปักหมุดที่สนามหลวง เมื่อวันที่ 19-20 ก.ย. 2563 เนื่องจากจำเลยได้ผิดเงื่อนไขการปล่อยชั่วคราวของศาล
ขณะเดียวกัน นางสุรีย์รัตน์ ชิวารักษ์ มารดาของ นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน แกนนำกลุ่มราษฎร กล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า การเคลื่อนไหวของกลุ่มคณะราษฎร เข้าข่ายล้มล้างการปกครองฯ ว่า
เรารู้สึกสะเทือนใจ เพราะว่าการที่เด็กๆ ออกมาทำความดี กลับถูกมองว่า เป็นกบฏ เชื่อว่า แม่ๆ ทุกคน รู้สึกสะเทือนใจเหมือนกัน ว่านี่หรือคือประเทศไทย นี่หรือคือความยุติธรรม นี่หรือประเทศไทยที่บอกว่าประชาธิปไตยเสรี สิ่งที่เด็กๆ ทำไป สิ่งที่เขาสูญเสีย สิ่งที่เขาแลกมาเพื่อพยายามแสดงให้โลกเห็นให้ประชาชนเห็นว่า เจตนารมณ์ที่ดีของเขาคืออะไร
แต่ถูกผู้ใหญ่ไปตีความผิด ถูกผู้ใหญ่รังแก และไปตัดอนาคตของเขา ทุกวันนี้เราก็เศร้าใจคิดถึงลูกสงสารลูก แต่เราก็ยังมีกำลังใจ เพราะคิดว่ายังมีคนไทยอีกหลายๆ คน และคนทั่วโลกได้ตระหนักแล้วว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศไทยคืออะไร ระบบตุลาการของประเทศไทยเป็นเช่นไร
ทั้งนี้ สังคมนี้กำลังทำอะไรกับเด็กๆ ที่เป็นเยาวชนของชาติ เด็กๆ ที่อยู่ในคุกนั้น ถ้าคุณไปสืบประวัติดูจะรู้ว่าเขาเป็นเด็กที่มีคุณภาพ เรียนดี และมีความสามารถหลายๆ ด้าน ตนพูดเสมอว่า คนเราเห็นต่างกันได้ การสอนเด็กไม่ควรสอนแบบเก่าๆ และว่า ฉันเป็นผู้ใหญ่เธอต้องฟังฉันเท่านั้น เธอไม่มีสิทธิเถียงมันเป็นวิธีการที่ล้าหลังมาก ตนจะไม่สอนลูกแบบนั้น
ถ้าผู้ใหญ่ในประเทศนี้ในอดีตคุณอาจจะเคยถูกสอนแบบนั้น คุณก็เลยมาปฏิบัติกับเด็กเช่นนั้น แต่เราคิดว่าอะไรที่มันไม่ดี ควรจะหยุด แล้วมาเริ่มต้นใหม่ มาคุยกับเด็ก แล้วประนีประนอม เพราะสิ่งที่คุณทำลาย ไม่ใช่เพียงอนาคตของเด็ก แต่คุณทำร้ายครอบครัวทำร้ายจิตใจครอบครัว
ทั้งนี้ ตนไม่ได้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย จึงทำได้เพียงให้กำลังใจ พยายามให้เขาไม่เครียด ให้เขาเห็นเราก็ไม่เครียดกับเรื่องที่เกิดขึ้น
อย่างไรตาม เมื่อวันที่ 12 พ.ย. 2564 ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ พนักงานสอบสวน สน.บางโพ เดินทางเข้าแจ้งข้อกล่าวหาตามมาตรา 112 เพิ่มเติมแก่ เพนกวิน พริษฐ์ ชิวารักษ์ ในคดีการชุมนุมของกลุ่มราษฎร ที่หน้ารัฐสภาเกียกกาย เพื่อติดตามการลงมติรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนที่ยื่นต่อสภา เมื่อวันที่ 17 พ.ย. 2563
โดยคดีนี้ นายพริษฐ์ เคยเดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหาแล้วในวันที่ 18 ธ.ค. 2563 และถูกกล่าวหาใน 3 ข้อหา ได้แก่ ไม่แจ้งการชุมนุม ตาม พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะฯ, ยุยงปลุกปั่น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 และ มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คน ขึ้นไป ใช้กําลังประทุษร้าย ให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมืองฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 215
โดยทางด้าน พ.ต.ท.ชาญชาตรี สีดาคำ รองผู้กำกับสอบสวน สน.บางโพ ได้เข้าแจ้งข้อหาเพิ่มเติมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 แก่ เพนกวิน พริษฐ์ ชิวารักษ์ โดยมีทนายความเดินทางไปร่วมการสอบสวน คดีนี้ระบุว่า มีประชาชนชื่อ นายประดิษฐ์ ต้นจาน เข้าแจ้งความร้องทุกข์เอาไว้เพิ่มเติม ซึ่งการถูกแจ้งข้อหามาตรา 112 เพิ่มเติมในคดีนี้ของพริษฐ์ ทำให้เขาถูกกล่าวหาด้วยข้อหานี้เป็นคดีที่ 22 แล้ว
แน่นอน, เรื่องแม่เพนกวิน เป็นเรื่องที่ผู้อ่านจะต้องใช้วิจารณญาณเอาเอง ว่า จริงหรือไม่
แต่ประเด็นที่น่าจับตามองอย่างมาก ก็คือ กรณีของนายธนาธร ซึ่งต้องลุ้นหนักในคดี ม.112 หลังศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ศาลชั้นต้น ที่ยกคำร้องกระทรวงดีอีเอส กรณีร้องให้ศาลสั่งลบคลิปไลฟ์สดวัคซีน ตามคำค้านนายธนาธร
ทั้งนี้ ศาลอุทธรณ์ พิจารณาแต่เฉพาะคำร้องที่เป็นความผิดนำเข้าสู่คอมพิวเตอร์เท่านั้น
โดยเฉพาะที่ศาลเห็นว่า “...การกล่าวถึงพระมหากษัตริย์เกี่ยวกับการถือหุ้นของบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ ซึ่งบริษัท แอสตร้าเซนเนก้าว่าจ้างให้ผลิต มีลักษณะมุ่งกล่าวให้ผู้ใช้บริการในการนำเข้าสู่อินเทอร์เน็ตเข้าใจว่า พระมหากษัตริย์มีส่วนเกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการวัคซีนที่เป็นปัญหาด้วย
นอกจากนี้ ตามวัตถุพยานมีข้อความหัวเรื่องว่า “วัคซีนพระราชทาน ใครได้ใครเสีย” ทำนองว่า พระมหากษัตริย์อาจได้รับประโยชน์จากวัคซีน...”
อาจเป็นประโยชน์อย่างมากของฝ่ายโจทก์ที่จะนำไปสู่คดี ม.112 และตรงข้าม นายธนาธร ก็จะต้องต่อสู้อย่างหนักที่จะเอาตัวรอดได้อย่างไร นี่คือ ประเด็น นับว่าน่าติดตามอย่างยิ่ง
