xs
xsm
sm
md
lg

“ปิยบุตร” ถูกแจ้งจับข้อหาหนัก “ผิดจริง” โทษประหาร “นักวิชาการ” แฉ “ศักดิ์ เจียม” ต้นตอพา “3 นิ้ว-ส.ส.” มั่ว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภาพ “ปิยบุตร” โดนเอาผิด “เทพมนตรี” หอบหลักฐานแจ้งจับ ขอบคุณภาพจากเพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH
กลัวมั้ย!? “ปิยบุตร” โดนเอาผิด “เทพมนตรี” หอบหลักฐานแจ้งจับ โทษสูงสุดประหารชีวิต “อดีตรองอธิการ มธ.” แฉ “ศักดิ์เจียม” บิดเบือนคำวินิจฉัยศาลฯ “ส.ส.- สามนิ้ว” งับเป็นขบวน “กูรู” เผยผู้สนับสนุนล้มล้างฯ เตรียมถูกหมายจับ

น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (17 พ.ย. 64) เพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH โพสต์ประเด็น “ปิยบุตร” โดนแจ้งความข้อหาหนัก โพสต์หมิ่นเหม่ต่อสถาบัน เข้าข่ายประทุษร้าย โทษถึงประหารชีวิต!?

โดยระบุว่า จากกรณีเมื่อวันที่ 13 พ.ย. 2564 นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการอิสระด้านประวัติศาสตร์และนักเทววิทยา ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก Thepmontri Limpaphayorm ว่า วันพุธที่ 17 พฤศจิกายน นัดเจ้าหน้าที่ตำรวจ สถานีตำรวจนครบาลดุสิต เรื่องสำคัญมาก พร้อมทิ้งท้ายว่า “สัปดาห์หน้าปิยบุตร โดนคดีครับ สั้นๆ กระชับๆ”

และล่าสุด นายเทพมนตรี โพสต์ข้อความ ภายหลังแจ้งความเอาผิดกับนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ระบุว่า

“บันทึกการไปโรงพัก แจ้งความอาจารย์ปิยบุตร

วันนี้ เวลา 11.00 น. ได้ไปแจ้งความดำเนินคดีกับอาจารย์ปิยบุตร แสงกนกกุล ที่สถานีตำรวจนครบาลดุสิต อันที่จริงเคยแจ้งมาแล้วครั้งหนึ่ง ครั้งนี้นำเอกสารและหลักฐานไปมอบให้พนักงานสอบสวน

ทั้งนี้ เมื่อได้อ่านบทบัญญัติมาตรา 50 ในรัฐธรรมนูญซึ่งระบุว่า บุคคลมีหน้าที่ ดังต่อไปนี้

(1) พิทักษ์รักษาไว้ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบ ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

บุคคลอย่างเราๆ จึงมีสิทธิกล่าวโทษผู้ที่ไม่รู้จักหน้าที่ความเป็นคนไทยที่ตราไว้ในบทบัญัติของรัฐธรรมนูญ

ผมได้รวบรวมหลักฐานอันเป็นหลักฐานชั้นต้นของอาจารย์ปิยบุตรที่เขียนขึ้นในทวิตเตอร์ ใน Facebook และในบล็อกคณะก้าวหน้า แม้ผมไม่ใช่นักกฎหมายเพราะเรียนมาทางประวัติศาสตร์ แต่ก็มีผู้รู้ทางกฎหมายได้เสนอแนวทางมาบ้าง

ผมอ้างข้อบทในรัฐธรรมนูญที่ มาตรา 3-4 ที่ว่าด้วยสิทธิเสรีภาพ ยกเว้นการละเมิดเรื่องความมั่นคง เมื่อเข้าไปดู ป.อาญา มาตรา 108 และ 112 มันน่าจะเข้าข่าย

มาตรา ๑๐๘ ผู้ใดกระทำการประทุษร้ายต่อพระองค์ หรือเสรีภาพของพระมหากษัตริย์ ต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิตผู้ใดพยายามกระทำการเช่นว่านั้น ต้องระวางโทษเช่นเดียวกัน ถ้าการกระทำนั้นมีลักษณะอันน่าจะเป็นอันตรายแก่พระชนม์ ผู้กระทำต้องระวางโทษประหารชีวิต ผู้ใดกระทำการใดอันเป็นการตระเตรียมเพื่อประทุษร้ายต่อพระองค์ หรือเสรีภาพของพระมหากษัตริย์ หรือรู้ว่ามีผู้จะกระทำการประทุษร้ายต่อพระองค์ หรือเสรีภาพของพระมหากษัตริย์ กระทำการใดอันเป็นการช่วยปกปิดไว้ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สิบหกปีถึงยี่สิบปี (เสรีภาพตามมาตรา ๔ แห่งบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ ได้รับความคุ้มครองและเสมอภาพกัน)

มาตรา ๑๑๒ ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี

ดังนั้น ครั้งนี้อาจเป็นครั้งแรกของอาจารย์ปิยบุตร ที่จะโดนคดีจริงๆ เสียที หวังว่า การกระทำของเขาจะได้รับการสนอง

ผมขอไม่บอกอะไรมาก เพราะสั้นๆ กระชับๆ ครับ”

ขณะเดียวกัน THE TRUTH ยังโพสต์ประเด็น อดีตรองอธิการ มธ. เปิดเบื้องหลัง เจอตัวแล้วคนแรกที่บิดเบือน คำวินิจฉัยศาลฯ ยัดเยียดความโง่ให้ก๊วนสามนิ้ว

เนื้อหาระบุว่า สืบเนื่องจากกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยออกมาว่า การปราศรัยเมื่อวันที่ 10 ส.ค. 63 ที่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์รังสิต เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง จนทำให้กลายเป็นประเด็นใหญ่ที่สังคมจับตา แต่ทางด้านของกลุ่มหนุนม็อบก็ได้นำคำวินิจฉัยดังกล่าวไปขยายในมุมมองที่บิดเบือน ต่างออกไปจากความเป็นจริง

ภาพ รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร ขอบคุณภาพจากเพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH
ล่าสุด ในวันที่ 17 พ.ย. 64 รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว “Harirak Sutabutr” มีเนื้อหาดังต่อไปนี้

“อ.สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล โพสต์ใน fb ว่า ในคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญคดีล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ศาลรัฐธมมนูญมั่ว บอกว่าข้อความที่ว่า “อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” นั้น มีมาตั้งแต่รัฐธรรมนูญฉบับ 2475 แต่ความจริงแล้วข้อความนี้ เพิ่งมีขึ้นในรัฐธรรมนูญหลังการรัฐประหาร 2490

ความจริงเห็นโพสต์นี้ของ อ.สมศักดิ์ หลายวันแล้ว ใจคิดว่าศาลรัฐธรรมนูญ ไม่น่าจะผิดพลาดเช่นนี้ได้ แต่ไม่ได้อยากจะโต้แย้งอะไร แต่พอเห็นแถลงการณ์ของ 23 องค์กรนักศึกษาค้านคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ เหตุผลข้อหนึ่ง ได้นำเอาสิ่งที่ อ.สมศักดิ์โพสต์มาอ้างคือ

“ประการที่สาม ถ้อยวลีของคำว่า ‘ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข’ ในประเทศไทยนั้น ถูกปรากฏขึ้นเป็นครั้งแรกในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2492 อันเป็นผลพวงมาจากการรัฐประหารปี พ.ศ. 2490 ดังนั้นเหตุผลการวินิจฉัยของศาลที่อ้างว่า รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2475 ได้บัญญัติให้เรียกระบอบการปกครองว่า ‘เป็นระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข จึงไม่อาจเชื่อถือได้”

วันต่อมา ยังได้เห็น นายรังสิมันต์ โรม นำเหตุผลเดียวกันนี้ไปอ้างในการสนทนากับ นายไพบูลย์ นิติตะวัน ในรายการของ จอมขวัญ เพื่อจะบอกว่า ศาลรัฐธรรมนูญแค่นี้ยังอ้างผิด แล้วคำวินิจฉัยจะน่าเชื่อถือได้อย่างไร

เมื่อเห็นการทำงานกันเป็นขบวนการเชื่อมโยงกันเช่นนี้จึงอดไม่ได้ที่จะต้องไปอ่านคำวินิจฉัยกลางของศาลรัฐธรรมนูญฉบับเต็มดู ซึ่งก็มีข้อความที่เกี่ยวข้องกับเรื่องรัฐธรรมนูญ 2475 อยู่ 2 จุด

จุดที่ 1 มีดังนี้
“ประเด็นที่ต้องวินิจฉัยมีว่าการกระทำของผู้ถูกร้องทั้ง 3 เป็นการใช้สิทธิ์หรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 วรรคหนึ่งหรือไม่ พิจารณาเห็นว่าหลักการตามรัฐธรรมนูญรากฐานระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข คุณค่าทางรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นแก่นของการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขประกอบด้วยคุณค่าสำคัญ ได้แก่

การคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของปวงชนชาวไทยตามรัฐธรรมนูญหมวด 3 ทั้งนี้ การคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชนมีการบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญครั้งแรกในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยามพุทธศักราช 2475 มีการบัญญัติเรื่อยมาในรัฐธรรมนูญทุกฉบับ”

ภาพ อ.สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ขอบคุณภาพจากเพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH
จุดที่ 2 มีดังนี้
“โดยหลักการตามมาตรา 49 วรรคหนึ่งบัญญัติเป็นครั้งแรกในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยามพุทธศักราช 2475 แก้ไขเพิ่มเติมพุทธศักราช 2495มาตรา 35 และบัญญัติในทำนองเดียวกันในรัฐธรรมนูญทุกฉบับเป็นการวางหลักการเพื่อปกป้องการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข จากภัยคุกคามอันเกิดจากการกระทำซึ่งเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญในลักษณะมุ่งหมายให้กับกลาย และคุณค่าของรัฐธรรมนูญที่รองรับการดำรงอยู่ของระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขมีให้ล้มเลิกหรือสูญเสียไป”

ถ้าอ่านให้ดีจะเห็นว่า
จุดที่ 1 ศาลหมายถึง การคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของปวงชนชาวไทยมีบัญญัติไว้ครั้งแรกในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยามพุทธศักราช 2475 มิได้บอกว่า ข้อความว่า การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขมีบัญญัติไว้ครั้งแรกในรัฐธรรมนูญฉบับ 2475

จุดที่ 2 ศาลบอกว่า หลักการตามมาตรา 49 วรรค 1 ซึ่งเป็นหลักการเกี่ยวกับการคุ้มครองการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขบัญญัติไว้เป็นครั้งแรกในรัฐธรรมนูญแห่งราชอานาจักรสยาม พุทธศักราช 2475 แก้ไขเพิ่มเติมพุทธศักราช 2495

ซึ่งหมายถึงฉบับแก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งตามข้อเท็จจริง ข้อความว่า การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ได้มีการใช้เป็นครั้งแรกในรัฐธรรมนูญฉบับ 2492 ร่างโดยกลุ่มอนุรักษนิยม หลังจากพลโท ผิน ชุณหะวัณ ทำรัฐประหารในปี 2490 ต่อมาในปี 2494 จอมพล ป. พิบูลสงคราม ทำรัฐประหารรัฐบาลตัวเอง จึงได้นำรัฐธรรมนูญฉบับ 2475 กลับมาใช้ ต่อมามีการแก้ไขเพิ่มเติมในปี 2495 มิได้หมายถึงว่า มีข้อความว่า
”อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” ในรัฐธรรมนูญฉบับ 2475 แต่อย่างใด

ดังนั้น สรุปได้ว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้ผิดพลาด แต่ อ.สมศักดิ์ อาจอ่านและตีความผิดพลาด หลังจากนั้น การที่บรรดาสาวกนำการตีความนั้นมาใช้ในการโจมตีศาลรัฐธรรมนูญ จึงผิดพลาดเช่นเดียวกัน
นี่คือ การทำงานที่สอดรับกันเป็นขบวนการ เมื่อหัวขบวนผิดพลาด หางขบวนจึงผิดพลาดเช่นเดียวกัน

ภาพ “กูรู” เผยผู้สนับสนุนล้มล้างฯ จะถูกหมายจับ ขอบคุณภาพจากเพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน THE TRUTH โพสต์ประเด็น อดีต ตลก.ศาลปกครองฯ เผยอาจารย์อยู่เบื้องหลังสามนิ้ว เตรียมถูกออกหมายจับ

โดยระบุว่า วันนี้ นายไพศาล พืชมงคล อดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ได้แชร์ข้อความมาจากเฟซบุ๊กWuth Meechouay พร้อมเขียนข้อความว่า

“ท่านอดีตอธิบดีผู้พิพากษาศาลปกครองภาค 5 และอดีตตุลาการศาลปกครองสูงสุด แม้ว่าท่านจะเกษียณมาแล้ว แต่ความเห็นทางกฎหมายเรื่องนี้ คมกริบ

และยังแสดงความรับผิดชอบต่อบ้านเมือง ดีกว่านักการเมือง ที่ไม่รับผิดชอบต่อหน้าที่ ที่ถึงวันนี้ก็ยังไม่ทำอะไรเลย!!! นั่นเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ มีความผิดทางอาญาสถานหนักเหมือนกันนะครับ”

สำหรับผู้ใช้เฟซบุ๊ก Wuth Meechouay ทีมข่าวเดอะทรูธ เข้าไปตรวจสอบก็พบว่า มีตัวตนอยู่จริง และได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับคดีความของกลุ่มผู้กระทำผิดจากการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญไว้หลายข้อความด้วยกัน ตามวัน เวลา ดังนี้

13 พฤศจิกายน เวลา 18:59 น.
ไม่เห็นโลงศพไม่หลังน้ำตา
“วันนี้ยังซู่ซ่าด่าทอศาล
อีกไม่นานได้รับหมายจะหงายหลัง
บอกอะไรสอนอย่างไรไม่ยอมฟัง
จะต้องหลั่งน้ำตาเมื่อเห็นโลง”
#ข้อหาดูหมิ่นศาล เป็นอย่างน้อย

13 พฤศจิกายน เวลา 13:21 น.
พวกสามกีบ เป็นพวกนอกกฎหมาย
ตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ
ดังนั้นต่อไปนี้ใครให้การสนับสนุน
ช่วยเหลือในทุกเรื่อง จะผิดด้วย ไม่เชื่อลองดู

ภาพ โพสต์ กูรู ขอบคุณภาพจากเพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH
วันนี้ (17 พ.ย. 64) เฟซบุ๊ก Wuth Meechouay โพสต์ข้อความ อีกสองครั้งติดๆ กันว่า

“ขอเอาใจช่วยเจ้าหน้าที่ให้ดำเนินการเพื่อให้ศาลออกหมายจับ อาจม ตัวบงการ ส.ส.ตัวแสบ และเครือข่าย ตามคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ”

“คณะบุคคลที่เปิดบัญชีรับบริจาคเงินช่วยเหลือพวกสามกีบ และเครือข่ายจะมีความผิดฐานสนับสนุน
ผู้ต้องหา หรือ จำเลยในคดี ม.112 หรือไม่”

อย่างไรก็ตาม ทีมข่าวเดอะทรูธ ได้ตรวจสอบก็พบว่า ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Wuth Meechouay ก็คือ นายวุฒิ มีช่วย อดีตอธิบดีศาลปกครองกลาง และอดีตตุลาการศาลปกครองสูงสุด...

แน่นอน, ประเด็นที่หลายคนสนใจ คงหนีไม่พ้น กรณี “เทพมนตรี” แจ้งความดำเนินคดีนายปิยบุตร โดยอ้างหลักฐานมากมายที่มอบให้กับตำรวจ โดยเฉพาะที่โพสต์ทวิตเตอร์ เฟซบุ๊ก ซึ่งหลายคนก็ยังสงสัยว่า ข้อเขียนบางชิ้น หมิ่นเหม่ต่อการหมิ่นสถาบันฯอย่างมาก แต่ทำไมรอดมาได้

และเป็นที่รู้กันว่า ด้วยความที่ “ปิยบุตร” เป็นอาจารย์สอนกฎหมาย เป็นนักกฎหมาย จึงสามารถหลบเลี่ยงด้อยคำ ข้อความ โดยอาศัยวาทกรรม และอ้างงานวิชาการ ทำให้ไม่มีใคร แจ้งความเอาผิดได้ เพราะเชื่อว่า ในที่สุดเขาก็เอาตัวรอด

แต่หลังจากศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัยออกมาอย่างชัดเจนแล้วว่า การใช้สิทธิเสรีภาพในการเรียกร้อง “ปฏิรูปสถาบันฯ” เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง “ระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” ให้หยุดกระทำ และหยุดการสนับสนุน ทั้งยังผูกพันกับทุกองค์กร

ผลของคำวินิจฉัยดังกล่าว จะมีส่วนในการเป็นหลักฐานเอาผิดการกระทำของ “ปิยบุตร” ตามที่ “เทพมนตรี” ความเอาไว้หรือไม่

นี่คือ ประเด็นที่น่าจับตามอง และจะเป็นบทพิสูจน์ว่า ถ้าเก่งกฎหมายซะอย่าง ก็ไม่มีทางที่จะถูกดำเนินคดี หรือไม่ ต่อให้เจตนาทำผิดชัดเจน แต่พอเลี่ยงบาลี ก็กลายเป็นว่า ไม่ชัดเจน ไม่ผิด ความยุติธรรม ความเสมอภาค กับคนไทยทั่วไป อยู่ที่ไหน?

อย่าลืม “ปิยบุตร” เองก็เรียกร้องเรื่องนี้ แต่ตัวเองเอาตัวรอดอยู่คนเดียว หรือไม่จริง


กำลังโหลดความคิดเห็น