xs
xsm
sm
md
lg

“อัษฎางค์” แจงละเอียดยิบ พฤติกรรมกลุ่ม 3 นิ้วส่อต้องการล้มล้างการปกครอง ไม่ใช่แค่การปฏิรูป

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายอัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการ ออกมาโพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว แฉพฤติกรรมของกลุ่ม 3 นิ้วว่ามีเจตนาจะล้มล้างการปกครอง ไม่ใช่เป็นการปฏิรูปตามที่เขาหลอกลวง ท้าแกนนำเบื้องหน้า เบื้องหลังสาบานกล้ารับหรือไม่

จากกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยเมื่อวันที่ 10 พ.ย. ให้การกระทำของนายอานนท์ นำภา นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ และ น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง จัดชุมนุมปราศรัยเมื่อวันที่ 10 ส.ค. 2563 ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 วรรคหนึ่ง พร้อมสั่งให้ผู้ถูกร้องที่ 1-3 และกลุ่มองค์กรเครือข่าย เลิกการกระทำดังกล่าวทันที หลังนายณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ยื่นคำร้องเมื่อวันที่ 18 ส.ค. 2563 เพื่อขอให้ศาลวินิจฉัย

โดยศาลเห็นว่าการปราศรัยของบุคคลทั้งสามมีเจตนาเพื่อทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ นำไปสู่การสร้างความปั่นป่วนและกระด้างกระเดื่อง เป็นการใช้สิทธิเสรีภาพเกินความพอเหมาะพอควร โดยมีผลทำให้กระทบกระเทือนหรือเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของรัฐ ความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน และจะนำไปสู่การบ่อนทำลายการปกครองในที่สุด นอกจากนี้ ยังมีการดำเนินงานอย่างเป็นขบวนการเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์และเป้าหมาย และใช้ยุทธวิธีเปลี่ยนแปลงรูปแบบการชุมนุม ซึ่งมีลักษณะของการปลุกระดม ให้ข้อมูลที่เป็นเท็จ ก่อให้เกิดความวุ่นวายและความรุนแรงในสังคม

ล่าสุดวันนี้ (11 พ.ย.) นายอัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการ ได้ออกมาโพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว “เอ็ดดี้ อัษฎางค์ ยมนาค” อธิบายให้เห็นว่าสาเหตุใดพฤติกรรมของ 3 นิ้วจึงไม่ใช่การปฏิรูป แต่เป็นความพยายามที่จะล้มล้างการปกครอง โดยนายอัษฎางค์ได้ระบุข้อความไว้ดังนี้

“การล้มล้างการปกครอง มีความหมายเดียวกับการปฏิวัติ

“ปฏิวัติ”

ความหมายของคำว่า ปฏิวัติ คือ เปลี่ยนแปลงทั้งหมดอย่างฉับพลันทันใด การใช้กำลังเข้ายึดอำนาจและเปลี่ยนแปลงคณะรัฐบาลโดยฉับพลัน พร้อมทั้งเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองด้วย อริสโตเติลอธิบายการปฏิวัติทางการเมืองไว้สองประเภท ดังนี้
• การเปลี่ยนแปลงจากรัฐธรรมนูญฉบับหนึ่งเป็นอีกฉบับหนึ่งโดยสมบูรณ์ (ซึ่งก็หมายถึง การล้มล้างรัฐธรรมนูญ)
• การดัดแปรรัฐธรรมนูญที่มีอยู่เดิม

“ปฏิรูป”
ความหมายของคำว่า ปฏิรูป คือ ปรับปรุงให้เหมาะสม ปรับปรุงให้ดีขึ้น เปลี่ยนแปลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป การชุมนุม “ธรรมศาสตร์จะไม่ทน” เมื่อ 10 สิงหาคม 2563 ที่ธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต มีการประกาศของ “กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ฉบับที่ 1” ซึ่งระบุข้อเรียกร้อง 10 ข้อ ที่เป็นประเด็นสำคัญในข้อกฎหมาย ได้แก่
• ยกเลิกมาตรา 6
• ยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112

ทีนี้มาดูว่าทั้ง 2 มาตรากำหนดไว้ว่าอย่างไร
• มาตรา 6
องค์พระมหากษัตริย์ทรงดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้ ผู้ใดจะกล่าวหาหรือฟ้องร้องพระมหากษัตริย์ในทางใดๆ มิได้

• มาตรา 112
ความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ไทยอยู่ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 บัญญัติไว้ว่า “ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3 ปี ถึง 15 ปี”

ผมขออธิบายสั้นๆ ให้เข้าใจง่ายๆ มาตรา 6 กำหนดว่า “ห้ามละเมิด” เพราะพระมหากษัตริย์ทรงดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ

มาตรา 112 กำหนดโทษผู้ละเมิด (ซึ่งรวมไปถึงดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย) ต้องจำคุก

กฎหมายกำหนดชัดเจนว่า ห้ามละเมิดพระมหากษัตริย์ แต่ “กลุ่มแนวร่วม” เรียกร้องให้ “ยกเลิก” ซึ่งหมายความว่า ต้องการปล่อยให้มีการละเมิดพระมหากษัตริย์ได้โดยไม่ผิดกฎหมาย ซึ่งเท่ากับว่าเป็นการกระทำที่ “บ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์” อันอาจนำไปสู่การล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

พระมหากษัตริย์ทรงเป็นกลางทางการเมือง และทรงดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ดังนั้นเพื่อไม่ให้มีผู้ใดจะละเมิด กล่าวหาหรือฟ้องร้องพระมหากษัตริย์ในทางใดๆ จึงต้องมีกฎหมายเพื่อปกป้องพระมหากษัตริย์จากความขัดแย้งทางการเมืองและการกระทำในลักษณะหมิ่นประมาท อาฆาตมาดร้าย จึงเป็นที่มาของกฎหมายมาตรา 6 และมาตรา 112

ซึ่งหากมีผู้ใดหรือกลุ่มใดคิดยกเลิก มาตรา 6 และมาตรา 112 มันส่อพฤติกรรมว่า คนผู้นั้นหรือกลุ่มนั้นมีเป้าประสงค์ในทางการเมือง เพื่อล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์และการปกครองของไทยอย่างไม่ต้องสงสัย

เพราะประเทศไทยปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ที่แปลว่า พระมหากษัตริย์เป็นหนึ่งในสถาบันหลักของชาติ และเป็นหนึ่งเดียวกับประชาธิปไตย หากปล่อยให้มีใครละเมิดพระมหากษัตริย์ได้ ก็เท่ากับละเมิดประชาธิปไตยและรัฐธรรมนูญได้เช่นกัน

รัฐธรรมนูญกำหนดว่าอะไร

มาตรา 5 รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ บทบัญญัติใดของกฎหมาย กฎ หรือข้อบังคับ หรือการกระทําใด ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ บทบัญญัติหรือการกระทํานั้นเป็นอันใช้บังคับมิได้

หมายความว่า ห้ามขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ แต่ “กลุ่มแนวร่วม” ต้องการให้ยกเลิก ม.6 และ ม.112 ซึ่ง…มาตรา 6 กำหนดว่า “ห้ามละเมิด” เพราะพระมหากษัตริย์ทรงดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ เท่ากับว่า กลุ่มแนวร่วม

1. ต้องการให้มีการ “ละเมิด” พระมหากษัตริย์ได้

2. เป็นการกระทำที่ “ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ” ซึ่งกระทำไม่ได้ เพราะรัฐธรรมนูญห้ามเอาไว้ว่า ห้ามละเมิด และห้ามขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ

คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญแสดงให้เห็นว่า ศาล “รู้ทัน” กลุ่มแนวร่วม เพราะในคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญระบุว่า “ผู้ถูกร้องที่ 1-3 มี ‘เจตนาซ่อนเร้น’ เพื่อล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ไม่ใช่เป็นการปฏิรูป”

สิ่งที่ทำให้รู้ว่าไม่ใช่เป็นการปฏิรูป แต่เป็นความพยายามที่จะล้มล้างการปกครอง ได้แก่…ความพยายามที่จะให้มีการยกเลิกมาตรา 6 และมาตรา 112 เนื่องจากประเทศไทยปกครองด้วยระบอบ “ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” โดยมี “พระมหากษัตริย์” เป็นหนึ่งในสถาบันหลักของชาติ และเป็นหนึ่งเดียวกับประชาธิปไตย หากปล่อยให้มีใครละเมิดพระมหากษัตริย์ได้ ก็เท่ากับละเมิดประชาธิปไตยและรัฐธรรมนูญได้เช่นกัน ความพยายามในการละเมิดพระมหากษัตริย์ คือการบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นความพยายามในการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งก็เท่ากับความพยายามล้มล้างการปกครอง

ศาลรัฐธรรมนูญจึงมีคำวินิจฉัยว่า

“การใช้สิทธิและเสรีภาพของผู้ถูกร้องที่ 1-3 เป็นการแสดงความคิดเห็นอย่างไม่สุจริต เป็นการละเมิดกฎหมาย มีมูลเหตุจูงใจล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 มาตรา 49 วรรคหนึ่ง”

“….หากยังคงให้ผู้ถูกร้องที่ 1-3 และองค์กรเครือข่ายกระทำการดังกล่าวต่อไป อาจนำไปสู่การล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข”

“ด้วยเหตุข้างต้น จึงวินิจฉัยว่า การกระทำของผู้ถูกร้องที่ 1-3 เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 มาตรา 49 วรรคหนึ่ง และสั่งการให้ผู้ถูกร้องที่ 1-3 รวมถึงองค์กรเครือข่าย เลิกการกระทำดังกล่าวที่จะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคต ตามรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 มาตรา 49 วรรค 2”

หลังคำวินิจฉัยเสร็จสิ้น รุ้ง ปิยบุตร และแกนนำ ยังคงเคลื่อนไหว และกล่าวว่า ที่ศาลตัดสินว่า

“…ให้ผู้ถูกร้องที่ 1-3 รวมถึงองค์กรเครือข่ายเลิกการกระทำดังกล่าว”

องค์กรเครือข่ายที่ศาลอ้างถึงคือใคร กลุ่มใด เป็นความพยายามของผู้ถูกร้องหรือแกนนำ และผู้อยู่เบื้องหลังองค์กรเครือข่าย เพื่อจะปฏิเสธว่าไม่มีเครือข่ายอะไร เพื่อปกป้องให้เครือข่ายได้เดินหน้าเคลื่อนไหวต่อไป หากผู้ถูกร้องหรือแกนนำถูกดำเนินคดี

ทั้งที่ผู้ชุมนุม เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2563 ใช้คำเรียกตนเองว่า “กลุ่มแนวร่วม” ซึ่งหมายความว่า ไม่ได้เป็นการกระทำของคนเพียงคนเดียว หรือแค่แกนนำ 3 คน (อานนท์ รุ้ง และไมค์) แต่เป็นการกระทำร่วมกันของ “กลุ่มแนวร่วม” ซึ่งมีความหมายเดียวกับ “เครือข่าย” หลักฐานสำคัญก็คือ มีการอ่านประกาศของ “กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม” เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2563 ให้ยกเลิกมาตรา 6 และมาตรา 112

ในภาพประกอบด้านล่าง คือภาพที่เบื้องหน้าประกาศ ปฏิรูป แต่ข้อความด้านหลังเขียนชัดเจนว่า ต้องการ ปฏิวัติ

คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญแสดงให้เห็นว่า ศาล “รู้ทัน” กลุ่มแนวร่วม

เพราะในคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญระบุว่า “ผู้ถูกร้องที่ 1-3 มี ‘เจตนาซ่อนเร้น’ เพื่อล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ไม่ใช่เป็นการปฏิรูป” ซึ่งไม่ว่าแกนนำที่อยู่เบื้องหน้าหรือที่อยู่เบื้อหลังโดยแอบอยู่ใต้กระโปรงนักศึกษา และกลุ่มเครือข่ายแนวร่วม จะอ้างว่าตั้งใจเพียงแค่ ปฏิรูป แต่เชื่อได้สนิทใจว่าทั้งหมดทุกคนรู้ดีอยู่แก่ใจว่าตนเองต้องการปฏิวัติ ไม่ใช่แค่ ปฏิรูป

คนที่โกหกผู้อื่นและโกหกได้แม้กระทั่งโกหกตนเอง ยังมีความชอบธรรมอะไรมาอ้างว่าทำไปด้วยความหวังดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และราษฎร เพราะคำกล่าวอ้างนั้นย่อมมีแต่การโกหกทั้งสิ้น ออกมาสาบานสิ…ว่าไม่จริง

ถ้าจริงขอให้ตนเองและวงศ์ตระกูลฉิบหาย 7 ชั่วโคตร และขอให้การกระทำเพื่อล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์และการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ไม่มีวันสำเร็จทั้งชาตินี้และชาติต่อๆ ไป
ทักษิณ ธนาธร ปิยบุตร พิธา ช่อ เจี๊ยบ รุ้ง เพนกวิน อานนท์ ไมค์ ฯลฯ
กล้าสาบานไหม
กล้ารับคำท้าหรือไม่
การไม่กล้ารับคำท้า ก็คือยอมรับแต่โดยดีนั่นเอง”

อ่านโพสต์ต้นฉบับ




กำลังโหลดความคิดเห็น