อาจารย์รัฐศาสตร์ จุฬาฯ เตือนนักข่าวสื่อออนไลน์ค่ายดังโควตคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญสั้นๆ ชี้การสื่อสารโดยยกข้อความสั้นที่ตัดออกจากบริบทอาจทำให้คนรับเข้าใจคลาดเคลื่อน
วันนี้ (11 พ.ย.) จากกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยเมื่อวันที่ 10 พ.ย. ให้การกระทำของนายอานนท์ นำภา นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ และ น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง จัดชุมนุมปราศรัยเมื่อวันที่ 10 ส.ค. 2563 ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 วรรคหนึ่ง พร้อมสั่งให้ผู้ถูกร้องที่ 1-3 และกลุ่มองค์กรเครือข่ายเลิกการกระทำดังกล่าวทันที หลังนายณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ยื่นคำร้องเมื่อ 18 ส.ค. 2563 เพื่อขอให้ศาลวินิจฉัย
โดยศาลเห็นว่าการปราศรัยของบุคคลทั้งสาม มีเจตนาเพื่อทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ นำไปสู่การสร้างความปั่นป่วนและกระด้างกระเดื่อง เป็นการใช้สิทธิเสรีภาพเกินความพอเหมาะพอควร โดยมีผลทำให้กระทบกระเทือนหรือเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของรัฐ ความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน และจะนำไปสู่การบ่อนทำลายการปกครองในที่สุด นอกจากนี้ ยังมีการดำเนินงานอย่างเป็นขบวนการเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์และเป้าหมาย และใช้ยุทธวิธีเปลี่ยนแปลงรูปแบบการชุมนุม ซึ่งมีลักษณะของการปลุกระดม ให้ข้อมูลที่เป็นเท็จ ก่อให้เกิดความวุ่นวายและความรุนแรงในสังคม
ล่าสุดเฟซบุ๊ก Chaiyan Chaiyaporn ของ ศ.ดร.ไชยันต์ ไชยพร อาจารย์ประจำภาควิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความกรณีที่ผู้สื่อข่าวเว็บไซต์ข่าวออนไลน์สำนักหนึ่ง (เวิร์คพอยต์ทูเดย์) โพสต์ข้อความในทวิตเตอร์ ระบุว่า "เห็นได้ว่าประวัติศาสตร์การปกครองของไทยนี้ อำนาจการปกครองเป็นของพระมหากษัตริย์มาโดยตลอด" และอ้างว่าเป็นคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ
ศ.ดร.ไชยันต์ระบุว่า การสื่อสารโดยยกข้อความสั้นที่ตัดออกจากบริบท อาจทำให้คนรับเข้าใจคลาดเคลื่อน เช่น จั่วหัวว่า “เห็นได้ว่าประวัติศาสตร์การปกครองของไทยนี้ อำนาจการปกครองเป็นของพระมหากษัตริย์มาโดยตลอด” จริงๆ แล้ว ข้อความนี้อยู่ในบริบทข้อความคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญวันที่ 10 พ.ย. 2564 ดังนี้ครับ
“โดยบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญปี 2475 เห็นได้ว่า ประวัติศาสตร์การปกครองของไทย อำนาจการปกครองเป็นของพระมหากษัตริย์มาโดยตลอด นับตั้งแต่ยุคสุโขทัย อยุธยา ตลอดจนกรุงรัตนโกสินทร์ พระมหากษัตริย์มีพระราชภารกิจสำคัญยิ่งเพื่อรักษาความอยู่รอดของบ้านเมืองและประชาชน โดยดำรงตำแหน่งจอมทัพไทย นำกองทัพต่อสู้ปกป้อง และขยายราชอาณาจักรตลอดเวลา ในยุคที่ผ่านมาถือหลักปกครองตามหลักศาสนา และทศพิธราชธรรมปกครอง พระมหากษัตริย์จึงเป็นที่เคารพศรัทธา ศูนย์รวมจิตใจของปวงชนชาวไทยมาโดยตลอดหลายร้อยปี”
และเขียนต่อด้วยว่า “แม้เปลี่ยนแปลงการปกครองในปี 2475 คณะราษฎรผู้ก่อการ และประชาชนชาวไทยเห็นพ้องต้องกันอันเชิญพระมหากษัตริย์เป็นสถาบันหลักคงอยู่กับระบอบประชาธิปไตย โดยเรียกว่าระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และราชอาณาจักรคงไว้ซึ่งระบอบนี้ต่อเนื่อง ทำนองเดียวกับประเทศต่าง ๆ ที่มีความเป็นมาของชาติแตกต่างกัน แต่ที่เหมือนกันคือเอกลักษณ์ หรือสัญลักษณ์ และทรัพย์สมบัติชาติ จะมีกฎหมายห้ามทำให้มีมลทิน หรือชำรุด”
ดังนั้น จะเห็นได้ว่าเขาแยกระหว่างก่อนและหลังปี 2475 หลัง พ.ศ. 2475 พระมหากษัตริย์ไทยจึงไม่มีอำนาจการปกครองเหมือนอย่างก่อนหน้า พ.ศ. 2475 ครับ"
อ่านโพสต์ต้นฉบับ