xs
xsm
sm
md
lg

โทรศัพท์การทูตสายแรก สหรัฐฯ กับจีน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: อ.สุดาทิพย์ จารุจินดา อินทร


แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ คนใหม่
นักวิเคราะห์บางคนอาจมองว่า นโยบายของปธน.ไบเดนต่อจีน จะเป็นแบบ Trump+...คือจะใช้นโยบายแข็งกร้าวต่อจีน ดังที่ทรัมป์ได้ใช้มาตลอด 4 ปี แต่จะยิ่งแข็งกร้าวกว่าสมัยทรัมป์ด้วยซ้ำ คือ จะบวกด้วยความแข็งกร้าวที่อาจหนักกว่าสมัยทรัมป์เสียอีก

ซึ่งในสมัยทรัมป์ เขาได้โหมโรงตั้งแต่ยังหาเสียงก่อนมาเป็นตัวแทนของพรรครีพับลิกันด้วยซ้ำ โดยเหมาว่า คนขาวระดับล่างของสหรัฐฯ ที่ได้ค่าจ้างไม่พอกับค่าใช้จ่าย ก็เพราะโรงงานในอเมริกาถูกย้ายไปตั้งที่จีนส่วนใหญ่ ซึ่งมีค่าจ้าง ค่าแรงที่ถูกแสนถูกกว่าอเมริกา จนจีนกลายเป็นโรงงานผลิตของโลก และทรัมป์ใช้ความสามารถพิเศษของเขาในการพูดจี้ถึงใจเหล่าคนงานผิวขาวของอเมริกาว่า จีนคือผู้ปล้นตำแหน่งงานในอเมริกาไปจนหมด ดังนั้น จีนคือผู้ร้ายที่จองล้างจองผลาญอเมริกา

ทรัมป์มองจีนเป็น “ศัตรู” ในแทบทุกด้าน ทั้งด้าน trade+tech (การค้า การลงทุน และด้านเทคโนโลยี-เช่น 5G) รวมถึงด้าน Cyber ที่ทรัมป์กล่าวหาว่าจีนเจาะระบบข้อมูลข่าวสารของสหรัฐฯ ด้วย

แม้แต่โครงการ Belt and Road Initiative ของปธน.สี ก็โดนทรัมป์กล่าวหาว่า เป็นการสร้างกับดักหนี้ให้แก่ประเทศต่างๆ ที่ยอมให้จีนสร้างเส้นทางเชื่อมโลกผ่านดินแดนของตน

ทรัมป์จะจิกตีจีนเพื่อสร้างให้จีนเป็น “แพะ” สำหรับปัญหาหนักๆ ต่างๆ ที่เกิดขึ้นที่สหรัฐฯ ทั้งๆ ที่เป็นปัญหาที่สหรัฐฯ ได้สร้างขึ้นมาเอง เช่น ระบบทุนนิยมที่ทอดทิ้งคนงานตัวเล็กตัวน้อยที่ไม่ได้รับการเหลียวแล และความเหลื่อมล้ำที่พอกพูนทวีคูณขึ้นตลอดเวลา แม้ยิ่งเผชิญกับวิกฤตการเงินใหญ่ๆ เช่น แฮมเบอร์เกอร์ ไครซิสปี 2008-2009 คนร่ำรวยของอเมริกากลับร่ำรวยขึ้นหลายเท่าหลังวิกฤต เพราะสามารถช้อนซื้อสินทรัพย์ที่ขายทอดตลาดด้วยราคาถูกเหมือนได้เปล่า...ซึ่งในช่วงวิกฤตโควิด-19 ก็เช่นเดียวกัน...จนเกิดการฟื้นตัวแบบตัว K ที่เหล่าบริษัทเทคโนโลยีของสหรัฐฯ กลับร่ำรวยขึ้นจากการทำงานที่บ้าน (ซึ่งคนจนไม่สามารถทำงานที่บ้านได้) สร้างเศรษฐกิจใหม่จากเหล่าเจ้าของบริษัทเทคโนโลยีเต็มไปหมด

ปธน.โจ ไบเดน ได้ประกาศนโยบายต่างประเทศที่ไม่ได้มองว่าจีนเป็น “ศัตรู” แต่ใช้คำว่า “Serious Competitor” หรือคู่แข่งคนสำคัญ ซึ่งก็นับว่าเป็นการลดระดับจากความแข็งกร้าวที่ทรัมป์เคยใช้

และตั้งแต่โจ ไบเดน ได้เริ่มหาเสียงก่อนมาเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครต เขาก็ไม่เคยใช้คำว่า “ศัตรู” สำหรับจีนเลย

แต่สำหรับทรัมป์แล้ว เขาได้พูดดักหน้าไว้ก่อนเลยว่า ถ้าโจ ไบเดน มาเป็นปธน.แล้วละก้อ ชาวอเมริกันจะตกเป็นเบี้ยล่างของจีน อาจเป็นคอมมิวนิสต์เหมือนจีน...ถึงกับขู่ปนโกหกว่า...ชาวอเมริกันจะถูกบังคับให้ต้องเรียนภาษาจีนด้วยซ้ำ เพื่อจะพูดจากับประเทศจีนที่เข้าครอบอเมริกา!!

ทำเอาไบเดนเกร็งๆ ตอนหาเสียง เพราะทรัมป์ได้ใช้วาทกรรมวาดภาพไบเดนว่า เกรงกลัวจีนและไม่กล้าสู้กับจีน ไม่เหมือนทรัมป์เองที่กล้าหาญยืนขึ้นสู้กับจีน เพื่อปกป้องคนงานสหรัฐฯ

และตอนหาเสียง ไบเดนก็จำต้องตกกระไดพลอยโจนในการโจมตีจีน...ตามกระแสที่ทรัมป์ได้วาดภาพจีนเป็นอสุรกาย เสียจนแม้แต่ทัศนคติของคนอเมริกันที่มีต่อจีน ก็เปลี่ยนจากเป็นมิตร...กลายเป็นเกลียดกลัวจีนในระดับที่สูงขึ้นๆ มาตลอด 4 ปีที่ผ่านมา...เสียจนคนจีนถูกทำร้ายกลางถนนโดยคนอเมริกันผิวขาว ทั้งๆ ที่ไม่รู้จักกันเลย...และเหตุการณ์นี้ก็เกิดขึ้นกับคนไทย ที่ดูหน้าตาเป็นจีนก็โดนทำร้ายกลางถนนด้วย!!

ความจริงโจ ไบเดนเคยใกล้ชิดในความสัมพันธ์กับปธน.สี เมื่อครั้งเขาเป็นรองปธน.ของโอบามา และเขาเคยพูดช่วงต้นของการหาเสียงว่า อเมริกาและจีนจะทำงานร่วมกันได้หลายเรื่อง (ในฐานะประเทศเศรษฐกิจใหญ่สุดของโลก) เช่น เรื่องโควิด, โลกร้อน เพื่อผลประโยชน์ของทั้งโลกนั่นเอง

และโทรศัพท์สายแรกที่รมต.ต่างประเทศคนใหม่ของสหรัฐฯ นายแอนโทนี บลิงเคน ได้โทร.ถึงนายหยาง เจียฉี (เมื่อวันที่ 6 ก.พ.) ซึ่งเป็นผู้ดูแลนโยบายต่างประเทศคนสำคัญของ ปธน.สี จิ้นผิง (โดยเป็นกรรมการกรมการเมือง...) เป็นไปด้วยบรรยากาศที่พยายามสร้างมิตร

โดยรมต.บลิงเคน ได้ถือโอกาสอวยพรฝ่ายจีนในโอกาสขึ้นปีใหม่ตรุษจีน และย้ำถึงการเคารพหลักการจีนเดียว รวมทั้งตั้งความหวังที่จะทำงานร่วมกันเพื่อโลกของเรา ในเรื่องโควิดและโลกร้อน

แน่นอนที่ รมต.บลิงเคนจะย้ำว่า สหรัฐฯ ยืนยันถึงภารกิจและคุณค่าในด้านเสริมสร้างประชาธิปไตย, สิทธิมนุษยชน ซึ่งสหรัฐฯ ก็แสดงความเป็นห่วงเรื่องอุยกูร์ (ที่มณฑลซินเจียง), ฮ่องกง รวมทั้งทิเบต

แต่ทั้งคู่ดูจะ Agree to Disagree คือ เห็นด้วยกันว่า มีประเด็นและคุณค่าที่เห็นต่างกัน ซึ่งก็ต้องเคารพในความแตกต่างกันด้วย

และยังมีประเด็นที่ รมต.บลิงเคน เรียกร้องให้จีนหันมาร่วมกับประชาคมโลก (ซึ่งรวมถึงสหรัฐฯ) ที่ไม่ต้องการให้เกิดความรุนแรงในพม่า เพื่อไม่ให้ประชาคมโลกตำหนิจีนว่า มีส่วนส่งเสริมทหารพม่าในการล้มล้างประชาธิปไตยในพม่า

ด้วยท่าทีที่อ่อนน้อมของรมต.บลิงเคน ก็น่าจะแตกต่างกับรมต.ห้าวปอมเปโอ ที่มีแต่แข็งกร้าวและโจมตีจีนอย่างเอาเป็นเอาตาย จนพูดกันไม่รู้เรื่องเลยนั่นเอง

หยาง เจียฉี เจ้าหน้าที่อาวุโสด้านการต่างประเทศของจีน


กำลังโหลดความคิดเห็น