ระหว่างนี้...นอกจากต้องคอยเงี่ยหูฟัง เสียงเคาะหม้อ เคาะไห เคาะกระทะ กะลา ฯลฯ ของบรรดา “ชาวหม่อง” ญาติพี่น้องประเภทบ้านเรือน-เคียงกัน ที่เห็นว่าถูก “กระสุนยาง-กระสุนจริง” เข้าไปมั่งแล้ว!!! จากเผด็จการทหารพม่า...คงต้องขออนุญาตคั่นบรรยากาศ เปลี่ยนบรรยากาศ ไปดูลักษณะอาการของผู้นำโลกรายใหม่ อย่าง “ผู้เฒ่าโจ” ประธานาธิบดีอเมริกันคนปัจจุบัน ที่ชักเริ่ม “ออกลาย” หรือชักจะหนักไปทาง “โจวิตถาร” อันน่าเกลียด น่ากลัว ไม่น้อยไปกว่า “ทรัมป์บ้า” ยิ่งเข้าไปทุกที...
คือถ้าใครมีโอกาสได้อ่าน...หรือคงต้องขอแนะนำให้ไปหาอ่าน ข้อเขียน บทความ ของเหยี่ยวข่าวสตรีชาวออสเตรเลีย คุณ “Caitlin Johnstone” ชิ้นล่าสุด ที่ได้เผยแพร่เอาไว้เมื่อวัน-สองวันที่ผ่านมานี้ นอกจากเป็นอะไรที่สุดแสนจะซู๊ดๆ ซ๊าดๆ แล้ว ยังน่าจะพอได้เห็น “ความจริง” หรือพอได้เห็นแนวโน้มความเป็นไปของโลกอีกไม่นานนับจากนี้ ว่าคงไม่มีอะไรเปลี่ยนไปจากเดิม หรือจากเท่าที่เคยเป็นมาโดยเด็ดขาด หรือยังเป็นโลกที่เต็มไปด้วยความไม่ถูกต้อง ไม่ยุติธรรม ไร้ศีล ไร้ธรรม อันจะนำไปสู่ความ “ฉิบหาย...กับ...ฉิบหาย” หรือ “เจ๊ง...กับ...เจ๊ง” ได้ไม่ยากส์ส์ส์ ด้วยเหตุเพราะ “ผู้นำโลกรายใหม่” อย่าง “ผู้เฒ่าโจ” ก็แทบไม่ได้ผิดแผกแตกต่างไปจาก “ทรัมป์บ้า” หรือเผลอๆ...อาจบ้ากว่า หรือ “กระหายสงคราม” ยิ่งกว่าเอาเลยก็ไม่แน่!!!
ข้อเขียน บทความที่ว่า ให้ชื่อเรื่องเอาไว้ว่า... “Biden’s Iran policy is just Trump’s Iran policy with a rainbow flag emoji.” หรือนโยบายต่างประเทศต่ออิหร่าน ของ “ผู้เฒ่าโจ” ก็แทบไม่ได้ต่างอะไรไปจากนโยบายของ “ทรัมป์บ้า” นั่นแหละ เพียงแต่อาจเปลี่ยนสีของผืนธงให้คล้ายๆ กับ “ธงสายรุ้ง” ของบรรดาพวกแปลงเพศ ข้ามเพศ อะไรประมาณนั้น โดยไม่ต้องเสียเวลาไปหาข้อพิสูจน์หลักฐานยืนยัน จากที่ไหนต่อที่ไหน เพียงแค่ได้ฟังคำพูด คำตอบ คำให้สัมภาษณ์ของประธานาธิบดีอเมริกันรายใหม่ ต่อรายการโทรทัศน์ “CBS” เมื่อไม่กี่วันมานี้ ก็น่าจะสรุปได้ไม่ยากว่า อเมริกายุค “ทรัมป์บ้า” กับยุค “โจ ไบเดน” ก็คืออเมริกาที่เปลี่ยนการดื่ม “เป๊ปซี่” หันมาดื่ม “โคคา-โคล่า” หรือยังคงเมามันซ์ซ์ซ์กับรสชาติของ “น้ำดำ” ไปด้วยกันทั้งคู่นั่นแล...
โดยเฉพาะการประกาศยืนยัน นั่งยัน และนอนยันไว้ชัดเจน...ว่ารัฐบาลอเมริกันยุคใหม่ยังคงไม่คิด “ยกเลิกการแซงชั่น” อิหร่านโดยเด็ดขาด!!! จนกว่าอิหร่านจะหยุดการ “เสริมสมรรถนะยูเรเนียม” แล้วหันมาศิโรราบ กราบเท้า ขอให้อเมริกากลับเข้าสู่ “ข้อตกลงนิวเคลียร์” ที่รัฐบาล “โอมาบ้า” (โอบามา) อันมี “ผู้เฒ่าโจ” นี่แหละ เป็นรองประธานาธิบดี เคยทำข้อตกลงเอาไว้อิหร่านและบรรดาสมาชิกประชาคมโลกอีก 5 ประเทศก่อนหน้านี้ (จีน-รัสเซีย-อังกฤษ-เยอรมนี-ฝรั่งเศส) หรือที่เรียกกันสั้นๆ ย่อๆ ว่า “ข้อตกลง JCPOA” (Joint Comprehensive Plan of Action) ทั้งๆ ที่ข้อตกลงดังกล่าว ไม่ได้คิดจะห้ามการเสริมสมรรถนะยูเรเนียมของอิหร่านไว้เลยแม้แต่น้อย เพียงแต่ขออย่าให้เกินกว่า 3.67 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นเอง และได้กลายเป็นเงื่อนไข ข้ออ้าง ให้รัฐบาล “ทรัมป์บ้า” หยิบมาเป็นเหตุผล ในการสะบัดตูดลุกหนี ไปจากข้อตกลงดังกล่าว กันในท้ายที่สุด...
หรือสรุปง่ายๆ ว่า...การอาศัย “การแซงชั่น” ระดับรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ เป็นเครื่องมือในการกดดันและบีบบังคับอิหร่านตามแนวทางของ “ทรัมป์บ้า” นั้น กลับเป็นสิ่งที่ “ผู้เฒ่าโจ” เห็นดี-เห็นงาม และ “เห็นควรด้วย” อย่างมิคิดจะผันแปรไปเป็นอื่น คล้ายกับการที่ใครคนใดคนหนึ่ง เห็นผู้อื่นถูก “รุมกระทืบ” ต่อหน้าต่อตา แทนที่จะลดๆความรู้สึกเปรี้ยวมือ เปรี้ยวเท้า ลงไปมั่งการยืนหยัด ยืนยัน ว่ายังไม่คิดยกเลิก “การแซงชั่นอิหร่าน” โดยเด็ดขาด ก็จึงไม่ต่างอะไรไปจากผู้ที่ยังคงมันซ์ซ์ซ์มือ มันซ์ซ์ซ์ตีน หรือผู้ที่พยายามตาม “ตามไปกระทืบต่อ” นั่นเอง ทั้งๆ ที่ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการแซงชั่นดังกล่าว อย่างชนิดหนักหนาสาหัสที่สุด ก็คือบรรดาชาวอิหร่านผู้ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ หรือบรรดา “ผู้บริสุทธิ์” ทั้งหลายนั่นเอง ที่ต้องตกเป็นเหยื่อความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างประเทศ หรือถูก “ล่วงละเมิดสิทธิมนุษยชน” อย่างเห็นได้โดยชัดเจน...
และก็คงไม่ใช่แต่เฉพาะกรณี “นิวเคลียร์อิหร่าน” เท่านั้น...ถ้าว่ากันตามข่าวคราวที่สื่ออิสราเอล ไม่ว่า “Arutz Sheva” หรือ “The Jerusalem Post” ฯลฯ รายงานเอาไว้ตรงกัน คือประมาณว่า...หลังนายกรัฐมนตรีอิสราเอล “นายเบนจามิน เนทันยาฮู” ได้มีโอกาสพบปะ แลกเปลี่ยนกับรัฐมนตรีต่างประเทศอเมริกันรายใหม่ “นายแอนโทนี บลิงเคน” (Antony Blinken) ผู้นำอิสราเอลรายนี้ ก็พร้อมที่จะออกมายืนยัน นั่งยัน และนอนยัน เมื่อช่วงวันอังคาร (9 ก.พ.) ที่ผ่านมา ว่าไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามอาณาบริเวณพื้นที่ที่เรียกขานกันในนาม “ที่ราบสูงโกลัน” (Golan Heights) หรือที่ถูกนำมาเปลี่ยนชื่อเสียงเรียงนาม ให้กลายไปเป็น “ที่ราบสูงทรัมป์” (Trump Heights) ในยุค “ทรัมป์บ้า” อันเป็นดินแดนที่ประชาคมระหว่างประเทศและสหประชาชาติปฏิเสธว่าไม่ใช่เป็นของอิสราเอลนั้น ย่อมต้องถือเป็น “ส่วนหนึ่ง” ของอิสราเอลวันยังค่ำ หรือ “ไม่ว่าจะมีข้อตกลง...หรือไม่มีข้อตกลง เราจะไม่ยอมลงจากที่ราบสูงโกลัน เพราะมันคือส่วนหนึ่งของอำนาจอธิปไตยอิสราเอล” อันเป็นสิ่งสอดคล้องต้องกัน กับรัฐมนตรีต่างประเทศอเมริการายใหม่ ที่ให้สัมภาษณ์โทรทัศน์ “CNN” ไปเมื่อช่วงวันจันทร์ (8 ก.พ.) ประมาณว่า “อเมริกายอมรับว่า...การครอบครองที่ราบสูงโกลัน มีความสำคัญอย่างมากต่อความมั่นคงของอิสราเอล”...
หรือสรุปง่ายๆ ว่า...สุดท้ายรัฐบาล “ผู้เฒ่าโจ” ก็ยังคงแสดงออกถึงความเป็น “รัฐบาลอเมริกันเชื้อสายอิสราเอล” อย่างไม่คิดผันแปรเป็นอื่นอีกนั่นเอง ยิ่งบรรดาวุฒิสมาชิกส่วนใหญ่เทคะแนนเสียงอย่างเป็นเอกฉันท์ รับรองการย้ายสถานทูตอเมริกันไปอยู่ในกรุงเยรูซาเล็ม หรือเท่ากับรับรองให้พื้นที่แห่งนี้ถือเป็น “เมืองหลวง” ของอิสราเอล โดยแทบไม่ได้สนใจบรรดา “ชาวปาเลสไตน์” เอาเลยแม้แต่น้อย ยิ่งสะท้อนให้เห็นถึงอำนาจ อิทธิพล และบารมีของ “Deep State” อย่างชัดเจนโดยมิพึงต้องสงสัยใดๆอีกต่อไป และอาจด้วยเหตุนี้หรือไม่ อย่างไร ก็แล้วแต่จะคิด จึงทำให้บรรดามหาอำนาจคู่แข่ง หรือคู่กัด ของอเมริกา เลยไม่ได้คิดจะ “การ์ดตก” หรือเริ่มหันมา “สวมหมวกกันน็อก” กันมั่งแล้ว!!!
อิหร่านนั้น...เริ่มอวดโชว์อาวุธใหม่ๆ กันอย่างเป็นระบบและเป็นกิจการ ล่าสุดก็คือการติดตั้งขีปนาวุธไว้ในเรือตรวจการณ์ (Speedboats) จำนวนถึง 340 ลำด้วยกัน เพื่อปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนในอ่าวเปอร์เซีย ทะเลโอมาน ทะเลสาบแคสเปียน รวมทั้งการออกมาขู่คำรามของหัวหน้าคณะเสนาธิการกองทัพบกอิหร่าน “พลตรีMohammad Hossein Bagheri” ประมาณว่า “อิหร่านพร้อมแล้ว...สำหรับการชี้วัดตัดสินและการเผชิญหน้ากับความก้าวร้าวและภัยคุกคามใดๆ ก็ตามในภูมิภาคและนอกเหนือไปจากนั้น ด้วยขีดความสามารถทางยุทธศาสตร์ ภูมิรัฐศาสตร์ รวมทั้งความก้าวหน้าทางทหาร ที่จะทำให้โลกต้องตกตะลึงไปตามๆ กัน...” ขณะที่คุณน้ารัสเซียซึ่งเคยเปิดเผยโฉมหน้าของ “จรวดความเร็วเหนือเสียง” อันมิอาจมีประเทศใดก็ตามสามารถต่อต้านได้เลย ก็ได้เริ่มเปิดตัว “เครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์” ที่สามารถเปลี่ยนแนวคิดทางยุทธศาสตร์ขององค์กรความร่วมมือทางทหารอย่าง “นาโต” ได้ไม่ยาก...
ขณะที่คุณพี่จีนซึ่งกำลัง “ซ้อมรบ” อย่างต่อเนื่องใกล้ช่องแคบไต้หวัน เห็นว่า...เมื่อวัน-สองวันที่ผ่านมา ขณะเดินทางไปเยือนหน่วยรบทางอากาศ ผู้นำจีนประธานาธิบดี “สี จิ้นผิง” ถึงกับต้องออกแรงกระตุ้นเตือน ให้กองทัพปลดแอกประชาชนจีน “ยกระดับการเตรียมพร้อม” โดยเฉพาะในช่วงวันหยุดเทศกาล หรือช่วงวันตรุษจีน ระหว่าง12-17 ก.พ.เอาไว้ให้จงหนัก เพราะขณะที่กำลังซ้อมไป-ซ้อมมา กองเรือบรรทุกเครื่องบินอเมริกันถึง 3 ลำด้วยกัน คือทั้ง USS Theodore Roosevelt, USS Nimitz รวมทั้ง USS John S. McCain ต่างกระเหี้ยนกระหือรือ ทำท่าว่าพยายามแล่นเฉียดไป-เฉียดมา อยู่แถวๆ นี้ อีกด้วยเช่นกัน อันสะท้อนให้เห็นถึง “ความบ้า” ในอีกรูปแบบหนึ่ง ที่เหยี่ยวข่าวชาวออสเตรเลีย อย่าง “Caitlin Johnstone” เธอเรียกว่า “บ้าสงคราม” (warmongering) ซึ่งมีอยู่อย่างเต็มพิกัด ในหมู่ทีมงานด้านต่างประเทศของ “ผู้เฒ่าโจ” นั่นเอง...