"โสภณ องค์การณ์"
จบเร็วเกินคาด ม็อบคณะราษฎร มาหน้าทำเนียบรัฐบาลได้แค่แดดเดียว โดนปฏิบัติการสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรง เก็บฉากม้วนเดียวจบ เสียหายมาก ส่งผลกระทบต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชน สื่อและนักการเมือง และกลุ่มเคลื่อนไหวอื่นๆ
แต่ก็ไม่ปิดฉากสนิท เปิดฉากใหม่ที่สี่แยกราชประสงค์ บ้านเมืองต้องอยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉิน ซ้ำเติมสภาวะเศรษฐกิจตายซากให้ฟื้นยากกว่าเดิมอีก
จะมีนักลงทุน นักท่องเที่ยวจากไหนกล้าเข้ามาเมื่อมีสภาวะฉุกเฉินร้ายแรง!
การเริ่มชุมนุมใหม่ที่สี่แยกราชประสงค์บ่ายวันพฤหัส มีคนเข้าร่วมหนาตา ใกล้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จุดชุมนุมเก่าคนเสื้อแดงปี 2553 ทางหนีทีไล่เยอะ มาพร้อมข้อเรียกร้องให้ปล่อยตัวแกนนำหลัก
เรียกร้องเรื่องเดิมอีก ย้ำว่าลุงตู่ต้องออกไป! เป็นประเด็นหลักด้วย ดูแล้วหวาดเสียวไม่น้อย!
ถือว่าเป็นเงื่อนไขแรงสำหรับการชุมนุม จะส่งผลกระทบต่อย่านธุรกิจ และการสัญจร และอาจดึงกลุ่มคนเข้าร่วม โดยเฉพาะนักเรียน นักศึกษา
มีแกนนำรุ่นใหม่หรือไม่เมื่อ มีกฎหมายคุมเข้ม และจะต้องเสี่ยงกับข้อหาสารพัด และถูกจับกุมคุมขังด้วยคดีอาญาเพียบ
ลุงตู่ประกาศภาวะฉุกเฉินร้ายแรง เป็นมาตรการเหนือความคาดหมายเล็กน้อย เพราะปัจจุบันก็อยู่ภายไต้คำประกาศภาวะฉุกเฉินอยู่แล้ว แต่ครั้งนี้ฉุกเฉินร้ายแรง ต่อไปอาจมีสถานการณ์ฉุกเฉินที่สุด หรือที่สุดกว่า ว่ากันไปเรื่อยๆ
ใครฉุกเฉิน? ใครฉุกเฉินร้ายแรง? ฉุกเฉินนานแค่ไหน?
ใครเป็นที่ปรึกษากฎหมาย หาทางออกให้ลุงตู่ด้วยประกาศอย่างนี้ ต้องถือว่าเป็นสุดยอดเนติบริกรเช่นกัน เพราะไม่จำเป็นต้องมีมาตรการอื่นๆ ที่ทำให้เข้าเงื่อนไขต้องแอ่นแอ๊น ฉุกเฉินร้ายแรงแบบนี้ดีกว่าเยอะ ยืดต่ออายุไปได้เรื่อยๆ
ปิดฉากความเคลื่อนไหวของแกนคณะราษฎรเฉียบพลัน แกนนำรุ่นปัจจุบันซึ่งถูกคุมขังได้สะสมกี่คดีไว้เพียบ ล่าสุดจะมีข้อหาอะไร ร้ายแรงกว่าหรือไม่ ต้องรอดู
ที่สำคัญ โอกาสจะได้มีอิสรภาพ เห็นเดือนเห็นตะวันอีกครั้ง จะเป็นไปได้หรือไม่ ก็ยังไม่รู้ เพราะสถานการณ์ฉุกเฉินทำให้มีอำนาจพิเศษในการจับกุมคุมขัง
การชุมนุมที่สี่แยกราชประสงค์จะยืนระยะได้แค่ไหน แรงกดดันมากหรือไม่?
แกนนำม็อบคณะราษฎรจะรู้หรือไม่ว่าการเคลื่อนไหวเรียกร้องนั้น ตราบใดที่ยังมุ่งเน้นการโจมตีสถาบัน ไม่มีหนทางชนะ เป็นการสร้างเงื่อนไขให้ถูกเล่นงานด้วยข้อหาและคำประกาศควบคุมสถานการณ์ต่างๆ
คณะราษฎรจะไม่ได้เสียงสนับสนุนจากประชาชนเป็นวงกว้าง ถ้าประเด็นในการเรียกร้องไม่เกี่ยวกับการดิ้นรนหนักเพื่ออยู่รอดของประชาชนในภาวะเศรษฐกิจซบเซา ค้าขายลำบาก แร้นแค้น คนว่างงาน เงินหายาก ปัญหาเก่าไม่แก้ไข
ประเด็นที่อยากให้รัฐบาลลาออกก็ยาก ยิ่งกดดันเพื่อให้มีปฏิรูปสถาบันกษัตริย์นั้น ร้องเมื่อไหร่ก็แพ้ตั้งแต่ในมุ้ง แตะเรื่องนี้ครั้งใดในการชุมนุม มีแต่คดีใหม่ๆ เพิ่มโอกาสในการติดคุก ติดตะรางสำหรับแกนนำและผู้ปราศรัย
ยิ่งกล่าวจาบจ้วงโจมตีสถาบันด้วยถ้อยคำหยาบคาย ใช้คำพูดก้าวร้าว เป็นจุดผลักดันขับเคลื่อน ก็ไม่ต่างจากการใช้ปากเปิดประตูคุก ยิ่งทำให้มีคนออกมาต่อต้าน ไม่ยอมรับ เป็นการก่อภัยสำหรับตัวเอง หมู่คณะ ครอบครัวในระยะยาวด้วย
ถ้ามุ่งเน้นปัญหาเศรษฐกิจ การคอร์รัปชั่น กระบวนการยุติธรรมมีปัญหาความน่าเชื่อถือ รัฐบาลล้มเหลวในการแก้ปัญหาปากท้องของประชาชน การเล่นพรรคเล่นพวก หรือเรื่องอื่นๆ ในชีวิตประจำวัน จุดเปราะบางของรัฐบาล แตะตรงไหนก็ถูกจุด
ม็อบคณะราษฎรออกมาแต่ละครั้ง ลงเอยด้วยการช่วยให้รัฐบาลเข้มแข็ง ดูดีขึ้น ลุงตู่ที่อยู่ในสภาวะร่อแร่ ใกล้จนแต้ม ก็มีพลังและเสียงสนับสนุน คนเห็นใจมากกว่าเดิมจนแทบปิดประตูแพ้ ในศึกกับม็อบราษฎรที่ลุงตู่อ้างว่าไม่ใช่คู่ขัดแย้ง
การเคลื่อนไหววันที่ 14 ตุลา ถ้าคณะราษฎรเน้นปัญหาปากท้อง การทุจริต ฯลฯ จะไม่สร้างเงื่อนไขให้มีกลุ่มพลังอื่นๆ ออกมาเคลื่อนไหวหนุนรัฐบาล แต่การไม่ยอมเลิกโจมตีสถาบัน ได้เป็นเงื่อนไขของกลุ่มพลังอนุรักษ์นิยมให้ออกมาช่วยรัฐบาล
การยกย่องคณะราษฎรรุ่นแรกในปี 2475 นั้น ใช่ว่าจะได้รับความชื่นชมจากประชาชนที่รู้ประวัติศาสตร์ เพราะการรัฐประหารเปลี่ยนแปลงการปกครองในปีนั้น ได้เป็นต้นแบบของความชั่วร้ายของการรัฐประหาร มีมาตลอดเกือบ 20 ครั้ง
รัฐประหารสำเร็จก็มี ล้มเหลวก็มี แต่บ้านเมืองไม่ดีขึ้น การพัฒนาประชาธิปไตยล้มลุกคลุกคลาน เพราะการรัฐประหารเป็นข้ออ้างจัดการนักการเมือง ถ้ามีการทุจริต ประพฤติมิชอบ ทำให้เกิดสภาวะแลกเปลี่ยนการกุมอำนาจรัฐ
มีมากกว่า 1 ยุค ที่เกิดภาวะ “รัฐประหารแล้วรวย” ผู้นำ พวกพ้องร่ำรวย แม้จะจบไม่สวยก็ยังเสี่ยงทำ สำเร็จแล้วเกินคุ้ม และส่งผลทำให้การกุมอำนาจยืดเยื้อเมื่อไม่ต้องการลงจากหลังเสือ มีการสร้างฐานอำนาจเพื่ออยู่ยาว
การรัฐประหารปี 2475 จึงเป็นมรดกบาปให้แผ่นดิน โดยคณะราษฎรซึ่งไม่มีราษฎร มีแต่นักศึกษาหัวร้อน นักการทหารหัวร้อนจากฝรั่งเศส คิดล้มรัฐบาลกษัตริย์ หลังจากนั้น ชาวบ้านได้เห็นว่ามีแต่การชิงอำนาจ ความมั่งคั่ง หนีไปตายเมืองนอก
รัฐประหารสำหรับประเทศไทย จึงไม่มีครั้งสุดท้ายสะเด็ดน้ำเสียที ทุกครั้งที่ผ่านมา ก็ว่าเป็นครั้งสุดท้าย แต่ก็ยังมีสุดท้ายกว่าจนได้ เพราะมีเงื่อนไขใหม่
ไม่มีใครรับประกันว่าจะมีสุดท้ายของสุดท้าย! เสียโอกาส เสียของ ขาดพลังเพื่อจะได้มีการปฏิรูปประเทศ เสียดายจริงๆ!
ดูท่าจะไม่จบง่ายๆ ด้วย!