xs
xsm
sm
md
lg

ใครจะอยู่ได้ ใครจะไป...?

เผยแพร่:   โดย: โสภณ องค์การณ์



ถ้าเล่นเป็น อยู่เป็น ก็อยู่ต่อตีกินได้ยาว ...นั่นเป็นปณิธานของคณะ 3 ลุง

“เฉไฉ ไขสือ ดื้อแพ่ง ไม่แจงประเด็นร้อน อ้อนชาวบ้าน อยู่นานเกินความจำเป็น” นี่เป็นสภาวะที่นักรัฐประหารไม่ยอมปล่อยวางอำนาจใช้เป็นยุทธศาสตร์และข้ออ้างถึงความจำเป็นที่ต้องอยู่ต่อไป บ้านเมืองจะเป็นอย่างไร ใครจะว่าก็ช่าง

ยิ่งกลุ่มเยาวชน คนปลดแอกออกมาชุมนุมด้วยประเด็นที่ไม่เกี่ยวโยงกับความทุกข์ร้อนของคนทั้งแผ่นดิน มุ่งแต่จะล่วงเกินสถาบันกษัตริย์ด้วยแล้ว เท่ากับเป็นการเสริมฐานให้คณะ 3 ลุงได้หาเหตุอยู่ได้ มีความนิยมแบบภาวะจำยอมเป็นฐานอุ้ม

“ระหว่างผีตัวเก่าที่ชาวบ้านคุ้นหน้าอยู่แล้ว กับผีตัวใหม่ที่ยังไม่รู้ว่าเป็นอย่างไร ชาวบ้านย่อมจะยังเลือกผีตัวเก่า ตราบใดที่ยังมีเศษเนื้อข้างเขียงและลูกเล่นแหกตาได้ผล อย่างเช่น ชิมๆ ช็อปๆ ใช้ๆ ผลัดเปลี่ยนถ้อยคำจูงใจให้ชาวบ้านเคลิบเคลิ้ม

ลีลาลูกเล่น ออดอ้อน ปั่นหัว ปลอบประโลม ดุมั่ง ทำเสียงเข้มบ้าง ทวงบุญคุณบ้าง อ้างภารกิจจำเป็น เหนื่อยยากแค่ไหนก็ไม่ท้อ จะดันทุรังอยู่ต่อไป

เล่ห์กระเท่ห์แบบนี้ ได้ผลสำหรับชุมชนบ้องตื้น แต่คนรู้ทัน และภาคธุรกิจได้แต่เฝ้ามองด้วยความอิดหนาระอาใจ นักธุรกิจเอกชนทนไม่ได้ ก็ต้องทน ดีกว่าจะส่งเสียงเอะอะ ทำให้คนมีอำนาจหมั่นไส้ เสี่ยงจะมีภัยมาเยือนกิจการของตัวเอง

อย่างมากได้แค่ส่งเสียงเรียกร้องนั่นนี่โน่น รู้ทั้งรู้ว่าไม่มีใครจะช่วยได้ เพราะผู้กุมอำนาจไม่มีศักยภาพ ขีดความสามารถในการระดมคนเก่งมาทำงาน เพราะติดปัญหาโควตา ผลประโยชน์ของพรรคการเมือง และพวกพ้องที่ต้องอยู่เพื่อรวย

มีอย่างที่ไหน เป็นคณะที่คนดีก็ไม่อยากมาอยู่ร่วม คนไม่ดีก็ไม่อยากเข้ามา อ้างสาเหตุต่างๆ เลี่ยงสุดๆ เพราะกลัวว่าจะต้องมาทำความชั่วร้ายมากกว่าเดิม

ดังนั้น วิกฤตศรัทธา ความน่าเชื่อถือ และภาพลักษณ์ ก็เพียงแหกตาชุมชนบ้องตื้น ที่พร่ำคาถามหามนตราว่า “ถ้าไม่เอาลุง แล้วจะเอาใคร” เป็นความคิดรูปแบบ “Defeatist Attitude” คือไม่คิดสู้อะไรกับใคร ขอยอมแพ้ไว้ก่อน

ทำให้คณะ 3 ลุงเป็น “บุคคลซึ่งประเทศนี้จะขาดเสียมิได้” นั่นเลย!

ชาวบ้านก็ลืมว่าคณะ 3 ลุงยังไม่มีแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ตายซาก เป็นแผนน่าเชื่อถือ จริงจัง ได้ผล เป็นประโยชน์ต่อประชาชนส่วนใหญ่ เหมาะกับสถานการณ์และความแข็งแกร่งทางด้านการเงิน การคลัง ภาครัฐ และสภาวะกดดันอย่างปัจจุบัน

เยาวชนละอ่อนการเมือง และกลุ่มประชาชนปลดแอกประกาศชุมนุม ไม่พูดเรื่องปัญหาปากท้อง วิกฤตเศรษฐกิจ ความล้มเหลวในการฟื้นฟูประเทศ การทุจริตคอร์รัปชัน ระบบฟอนเฟะด้านเล่นพรรคเล่นพวก สร้างเครือข่าย deep state เลย

และกระบวนการยุติธรรมที่ไร้ความน่าเชื่อถือ ทำให้เป็นรัฐล้มเหลว หรือ failed state อย่างที่ฟ้องให้เห็นด้วยคดีดังๆ ด้วยแล้ว คณะ 3 ลุงก็อยู่ต่อสบายๆ

เรื่องฉาว อคส.สั่งจ่ายเงิน 2 พันล้านบาทในโครงการถุงมือ ทุกวันนี้ไม่มีใครรู้ว่าเงินไปอยู่ไหน กลับไม่มีเสียงใครเอ่ยถึงสักแอะ เสนาบดีกระทรวงพาณิชย์ก็เงียบ ยิ่งกว่าไอ้เข้กบดาน ลุงหัวหน้ารัฐบาลไม่ยอมให้คำตอบกระจ่าง ชาวบ้านมึนตึ้บ

ชะรอยจะเป็นค่าโง่บัดซบอีกก้อนใช้ชาวบ้านจ่ายอีกละมั้ง? ไม่ว่าปัญหาเก่า ปัญหาใหม่ที่พวก 3 ลุงเกิดในยุค 3 ลุง ก็ไม่ได้รับการแก้ไขอย่างเป็นรูปแบบ ชีวิตชาวบ้านไม่ดีขึ้น มีแต่หนี้ พวกเครือข่ายนักรัฐประหารมีแต่รวยเอาๆ ทุกวัน

ชาวบ้านถึงได้ถามว่าพวกลุงจะอยู่ต่อไปทำไม เมื่อบ้านเมืองไม่ดีขึ้น?

การลอยตัวเหนือปัญหาและความขัดแย้ง ทำให้คณะ 3 ลุงบริหารบ้านเมืองแบบ “พลัง 3 ง่าม” พวกเสื้อแดง แปรพักตร์ เปลี่ยนแนวคิด จากแดงล้มเจ้ามาเป็นแดงหนุนสถาบัน คณะ 3 ลุงยิ่งมองว่าสภาวะเช่นนี้เป็นเหมือนสวรรค์ทรงโปรด

ความยโสโอหังที่เคยโฉ่งฉ่าง ต้องแปรสภาพเป็นแบบนิ่มๆ หลบในลงลึก เสริมฐานเพื่อโอกาสตีกิน เพราะจะไม่มีพลังอะไรที่แข็งแกร่งพอที่จะท้าทายอำนาจได้ เมื่อพลังเยาวชนได้ถูกปรับเปลี่ยนสภาพละลายจนไร้พิษสงต่อความมั่นคงของพวกลุง

ผู้ใหญ่ที่มองสภาพออก ก็ไม่อยากขัดใจเด็ก อยากให้คำแนะนำยุทธวิธี ก็ได้ยินเด็กเถียงแย้งว่ามันคนละยุคกัน ยุคพวกลุงๆ ป้าๆ ชุมนุมเดินขบวนเป็นเดือนๆ จะมาใช้ในยุคโซเชียลมีเดียนำหน้าไม่ได้อีกแล้ว เพราะยุคนี้ต้นทุนต่ำ ไม่เปลืองแรง

แถมมีม็อตโต้ “กินข้าวทีละคำ” เป็นยุทธศาสตร์ ทำให้พวกลุงๆ ป้าๆ มองแล้วได้แต่สะท้อนใจ ลูกหลานไม่รู้หรือว่า “กินข้าวทีละคำ” นั้น น่าจะเป็น “ข้าววิตามิน” หรือ “ข้าวแดง” กับแกงเทโพผักบุ้งใส่วิญญาณหมูมากกว่า อย่างที่บางคนได้ชิมแล้ว

การชุมนุมวันที่ 14 ตุลา มีคนเชื่อว่าถ้าได้เท่าเดิมวันที่ 19 ก็บุญโขแล้ว เพราะถ้ายังเอาประเด็นห่างไกลปัญหาชีวิตชาวบ้าน แถมมีเรื่องหมิ่นเหม่ล่วงเกินสถาบันด้วยแล้ว ชาวบ้านส่วนหนึ่งไม่อยากเสี่ยงจะต้องไป “กินข้าววิตามิน” ทีละคำในคุก

น่าเสียดาย การชุมนุมแต่ละครั้ง เรียกคนมาเพิ่มให้เบิ้มๆ ไม่ได้ เพราะชาวบ้านนอกจากจะไม่ได้อะไรแล้ว ยังเสี่ยงกับการมีคดี เสียค่าใช้จ่ายเอง ปัญหาบ้านเมืองมากมายคนรุ่นใหม่ไม่ใส่ใจ ถูกมองว่ามุ่งเอาแต่เรื่องที่พวกตัวเองทำแล้วได้หน้าตา

การเมืองแบบนี้ทำให้พวกลุงและเครือข่ายชอบมาก ยิ่งจะมีงบใช้จ่ายสบายๆ ถ้าไม่พอก็กู้มาอีก ก็ยิ่งทำให้บ้านเมืองจมปลักในวังวนปัญหาเรื้อรัง โครงสร้างประเทศอ่อนแอเสื่อมโทรม คนดี คนเก่งใจซื่อมือสะอาดไร้โอกาสได้เข้ามาทำงาน

ถ้าคณะ 3 ลุงได้อยู่ต่อ คงอยู่ได้ บ้านเมือง ชาวบ้านรอดหรือไม่ เป็นอีกเรื่อง!


กำลังโหลดความคิดเห็น