จบไปแล้วครับสำหรับมหกรรมการเมืองของ “4 ละอ่อน” กลางเมือง มีทั้งความผิดหวังและสมหวังของแต่ละฝ่ายที่คาดหวังไว้แต่แรกว่า “การชุมนุมใหญ่ 19 กันยา” ระดับ “เบิ้มๆ” ทำให้ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองออกอาการขวัญผวาเหมือนอุจจาระพุ่งขึ้นศีรษะ
ต้องประกาศระดมเจ้าหน้าที่ตำรวจจากต่างจังหวัดเข้ามาเสริม รวมกันแล้วเป็นหมื่นนาย ตั้งรับมือเต็มที่ คาดการณ์ว่าม็อบ “4 ละอ่อน” จะมาอย่างต่ำ 5 หมื่นคน
บรรยากาศเขม็งเกลียว เหมือนอุปรากรจีนโหมโรงด้วยเพลงกระหึ่ม การแสดงครั้งนี้ยิ่งใหญ่แน่ จะสร้างความสั่นสะเทือนฐานความมั่นคงของคณะ 3 ลุง จะเป็นพลังของนักศึกษาประชาชนปลดแอก จะสร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในบ้านเมืองนั่นเลย
เมื่อการแสดงเริ่ม ชาวบ้านผู้ชมชักสงสัย มีอะไรพิสดาร เพราะพลังนักเรียนขาสั้น คอซอง ที่เป็นพลังบริสุทธิ์ก่อนหน้านี้ ไม่มามากอย่างที่คิด ที่เห็นเกลื่อนตาคือคนกลุ่มเสื้อแดงจากต่างจังหวัดและปริมณฑล คนวัยกลางคน สูงอายุ แทบจะกลบกลืนคนวัยรุ่นที่มา
ความหลากหลายของแกนนำ ที่จะขับเคลื่อนอย่างมีพลัง ไม่มีให้เห็น มีแต่ “4 ละอ่อนห้าว” แค่นั้น และเครือข่ายของแกนนำคนเสื้อแดง มีประสบการณ์การชุมนุมและติดคุกมาแล้ว นักการเมืองค่ายท่านเหลี่ยมไม่กล้าโผล่หน้ามาเยือน มีแต่ 3 แกนนำก้าวห้าว
ผ่านไปกว่าครึ่งค่อนวัน ชาวบ้านเริ่มรู้ว่าไม่ใช่เป็นการชุมนุมเพื่อผลประโยชน์ มุ่งต่อรองกับรัฐบาลเพื่อดับทุกข์ร้อนของประชาชนจากพิษเศรษฐกิจ การทุจริต คอร์รัปชัน ความล้มเหลวในการบริหารบ้านเมือง กระบวนการยุติธรรมที่ไร้ความน่าเชื่อถือ ฯลฯ
ไม่พูดถึงวิกฤตศรัทธา ความน่าเชื่อถือของคณะรัฐบาล 3 ลุง ซึ่งมีจุดอ่อนสารพัดที่จะเป็นเป้าให้การชุมนุมเล่นงานเอาได้ และจะได้คนสนับสนุนมาชุมนุมอย่างมากมาย
ประเด็นที่ยกมารณรงค์ ไม่มีอะไรเกี่ยวกับชีวิต ความเป็นอยู่ของประชาชน ความยากลำบากในการดำรงอยู่ท่ามกลางวิกฤตสารพัด ชาวบ้านระดับล่าง รวมทั้งผู้มาชุมนุม อยู่ในสภาพเลือดตาแทบกระเด็น จากนี้ไปไม่รู้ว่าชีวิตจะหวังลืมตาอ้าปากได้อย่างไร
หวังให้ขบวนการเคลื่อนไหวของ “4 ละอ่อน” สร้างความเปลี่ยนแปลงยิ่งเป็นไปไม่ได้ จากนี้ไปเจ้าหน้าที่ต้องวุ่นอยู่กับการตั้งข้อหา ควานหาผู้ต้องหาที่ปรากฏตัวในการบันทึกภาพทุกระยะ จะใช้เรื่องนี้ไปรณรงค์ว่ารัฐบาลคุกคามประชาชน ไม่น่าจะได้ผล
นี่จึงเป็นเพียงต้องการสนองความอยากของ “4 ละอ่อน” กับขบวนการจาบจ้วงสถาบันกษัตริย์ ยกระดับการล่วงละเมิดถ้อยคำหมิ่นและพฤติกรรม ให้คนดูว่ากล้ากระทำมากกว่าที่ได้เคยทำมา ได้ใจคนส่วนหนึ่ง แต่เสียการสนับสนุนมวลชน เว้นแต่คนเสื้อแดง
เป็นการสะสมคดีอาญาสำหรับแกนนำ “4 ละอ่อน” และพวก ที่ต้องใช้เวลาจากนี้ไปสะสาง อนาคตของพวกนี้ ถ้าไม่ต้องถูกจำคุกเพราะคดีมากมาย ยังมีอิสรภาพ อาจต้องไปอยู่ฝรั่งเศสกับ “เจียม” และ “ปวิน” ที่ญี่ปุ่น โน่น เพราะจะเคลื่อนไหวต่อไปลำบาก
เด็กขาสั้นคอซอง และกลุ่มที่ได้ชุมนุมบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยด้วยเงื่อนไข 3 ประการก่อนหน้านี้ และไม่ได้เข้าร่วมครั้งนี้ คงถอนหายใจโล่งอก ที่ไม่ได้ตัดสินใจพลาด เพราะขบวนการ “4 ละอ่อน” ได้ถูกไฮแจ็ค ยึด และสวมรอยโดยแกนกลุ่มเสื้อแดงไปหมด
แกนนำ “4 ละอ่อน” คงไม่ว่าอะไร อย่างน้อยก็มีคนร่วมความคิดมาชุมนุมด้วย แม้ตัวเลขจะห่างจาก 5 หมื่นอยู่กว่าครึ่งค่อน ที่เห็นอยู่ฝ่ายประเมินว่าคงมีไม่เกิน 2.5 หมื่น หรืออาจน้อยกว่ากลุ่มเด็กที่จัดชุมนุมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ด้วยซ้ำ
จุดประสงค์ของ “4 ละอ่อน” คือเรื่องก้าวรุกสถานะของสถาบันกษัตริย์ แค่นั้น ไม่ห่วงใยประชาชนส่วนใหญ่ และคงมองว่าใครเดือดร้อนเรื่องอะไรก็ไปเรียกร้องดิ้นรนเอาเอง “4 ละอ่อน” มีเป้าหมายแค่นี้ ทั้งๆ ที่คาดการณ์ได้ว่าจุดลงเอยไม่สวยมากๆ
ไม่ว่าถ้อยคำจาบจ้วงรุนแรง การปักหมุดกลางสนามหลวง การยื่นข้อเรียกร้อง ซึ่งเป็น “บิ๊กเซอร์ไพรส์” ตามคำประกาศของผู้นำเบิ้มๆ ล้วนเป็นการเพิ่มคดีอาญาทั้งนั้น
การชุมนุมครั้งนี้ ประชาชนทั่วไปไม่ได้อะไรเลย อุปรากรโหมโรงใหญ่โตโอ่อ่า ผลสุดท้ายถูกมองว่าสู้ตลกคาเฟ่ก็ไม่ไหว เพราะสิ่งที่รณรงค์มาตลอดมันเวิ้งว้างไม่เห็นเป้าหมาย ความหวังว่ารอบใหญ่เดือนตุลามีคนมาอีกนั้น คงต้องฝันลมๆ แล้งๆ
ประชาชนที่หวังความเปลี่ยนแปลงคงไม่ต้องผิดหวัง เพราะ “4 ละอ่อน” ต้องการแค่นี้เอง ไม่มองภาพใหญ่ที่มีวิกฤตของประเทศ และมีคณะ 3 ลุงเป็นปัญหาหลักที่จะยังอยู่ต่อ จัดการโดยขาดคนดีมีฝีมือเข้าร่วมเพราะวิกฤตศรัทธา ความน่าเชื่อถือรุนแรง
จะว่าเป็นการ “เสียของ” ก็ไม่ถูกต้องนัก เพราะแกนนำเป็น “ของเสีย” มีคดีต่างๆ เป็นชะนักปักหลังด้วย มีความคิดและเป้าหมายไม่สามารถโดนใจประชาชนส่วนใหญ่ ไม่คิดมากถึงขั้นจัดลำดับความสำคัญของวิกฤตเพื่อจัดการ ไร้แผนยุทธศาสตร์รอบคอบ
เดินหน้าอย่างนี้ เอาจุดอ่อนของกลุ่มตัวเองไปปะทะกับจุดแข็ง แล้วจะเหลืออะไร แทนที่จะรวมพลัง เอาประเด็นเร่งด่วนก่อน เล่นงานจุดอ่อนรัฐบาล ซึ่งฐานเปราะง่อนแง่นอยู่แล้ว ก็ไม่ทำ ไปเล่นเรื่องที่คณะ 3 ลุงไม่เดือดร้อน กลับใช้เป็นข้ออ้างปกป้องสถาบัน
ยิ่งพวก 3 ลุงจัดมหกรรมต้อนรับแบบ overdramatize และ overreact จนดูเว่อร์ ก็ยิ่งสร้างภาพความเป็นตัวร้ายของ “4 ละอ่อน” ให้เสียกระบวนท่าการนำครั้งต่อไป ซึ่งมีอีกได้ยาก เว้นแต่จะเป็นตัวเชิดให้พวกฮาร์ดคอร์ที่มีความต้องการล้มสถาบันฝังหัวรุนแรง
เมื่อเป็นเช่นนี้ ผลกระทบย่อมมีส่วนต่อกลุ่มเด็กเรียกร้อง 3 ประเด็น จึงต้องปรับยุทธวิธีใหม่ให้ถูกจุด ต้องใช้เวลาที่จะละลายความผิดหวังของประชาชนทั่วไปที่ไม่ใช่กลุ่มเสื้อแดง ให้สนับสนุน แต่ต้องมีพลัง ความเป็นผู้นำมากกว่านี้ เมื่อเทียบกับภารกิจยิ่งใหญ่
คนเจนโลกมองว่ามหกรรมที่เพิ่งจบเป็นแค่ “4 ละอ่อนต่อนแต่น เล่นง่าว” เท่านั้น!
