“แรมโบ้อีสาน” พ.ศ.นี้ ขึ้นหม้อฉุดไม่อยู่ บุกถิ่น “แม้ว” ขอคืนหมู่บ้าน “เสื้อแดง” สู่ “เรารักประเทศไทย” “แดงแค้น” ตามด่า “เนรคุณทักษิณ” จวก “อีเวนต์” หาเงิน “พี่ศรี” สงสัยไฟไหม้ฟาง เจ้าตัว “บ่ย่าน” ลุยลูกเดียว
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (12 ก.ค. 63) เฟซบุ๊ก สมบัติ บุญงามอนงค์ ของ บก.ลายจุด - สมบัติ บุญงามอนงค์ หนึ่งในคนที่มีบทบาทช่วงการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง โพสต์ข้อความระบุว่า
“คนเสื้อแดงไม่ได้อยู่ที่สีเสื้อ แต่เป็นเรื่องของความคิดนามธรรมและประวัติศาสตร์การต่อสู้ของคนกลุ่มหนึ่ง ถ้าเปลี่ยนความคิดไม่ได้ ลบประวัติศาสตร์ไม่ได้ ก็แค่เปลี่ยนเสื้อ
คำถามคือ แรมโบ้อีสาน เปลี่ยนความคิดแล้วจริงเหรอ เปลี่ยนประวัติศาสตร์การต่อสู้ของตนเองอย่างไร การถอดเสื้อแดงแล้วสวมเสื้อพลังประชารัฐ มันแค่ทำให้คดีความของตนเองมันช้าออกไป ด้วยความเห็นใจและเข้าใจเรื่องของการเอาตัวรอด แต่อย่าคิดไปเปลี่ยนคนอื่นเลย พี่แรมโบ้ไม่ได้มีอิทธิพล หรือราคาขนาดนั้น ผมว่าพี่รู้ดี”
ขณะเดียวกัน เฟซบุ๊ก การเมืองไทย ในกะลา โพสต์หัวข้อ “แกนนำ นปช.แซะ ‘แรมโบ้’ จัดอีเวนต์คืนป้ายหมู่บ้านเสื้อแดง งงทำเพื่ออะไร แนะวิธีสร้างคุณค่าให้ตัวเอง”
โดยเนื้อหาระบุว่า เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม นายพิพัฒน์ชัย ไพบูลย์ แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวถึงกรณีที่ นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ไปเป็นประธานรับมอบคืนป้ายหมู่บ้านเสื้อแดง ภาคเหนือ 17 จังหวัด และมีประชาชนส่วนหนึ่งออกมาต่อต้าน ต่อว่านายสุภรณ์ในหลายประเด็น ว่า
ตนได้ตามข่าวนี้มาตลอด ตั้งแต่นายสุภรณ์ไปรับคืนป้ายหมู่บ้านเสื้อแดงภาคอีสานมาเรื่อย ตนเห็นว่า การกระทำของนายสุภรณ์เป็นการจัดอีเวนต์มากกว่า คนที่มาก็ไม่กี่คน และก็ไม่รู้ว่าเป็นใคร แค่ทำป้ายชื่อจังหวัดแต่ละจังหวัดมา แล้วจัดคนมาถือป้ายเท่านั้น ไม่ได้มีน้ำหนักอะไร และเมื่อวานได้ไปทำแบบเดิมที่ภาคเหนือ ประกาศว่า เสื้อแดงภาคเหนือ 17 จังหวัด คืนป้ายหมู่บ้านเสื้อแดง จนมีพี่น้องกลุ่มหนึ่งออกมาต่อต้านประท้วง
นายพิพัฒน์ชัย กล่าวว่า ตนในฐานะผู้ประสานงาน นปช. 19 จังหวัดภาคเหนือ ขอเรียนว่า สิ่งที่นายสุภรณ์กำลังทำ ไม่ทราบว่าจุดมุ่งหมายคืออะไร ต้องการสร้างข่าว หรือต้องการสร้างราคาให้ตัวเอง หรือว่าต้องการทำอีเวนต์แล้วเบิกค่าใช้จ่ายได้
ถ้าเป็นเช่นนั้น ตนอยากฝากไปถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่า หากเงินที่อนุมัติให้นายสุภรณ์เป็นเงินส่วนตัวก็ไม่ว่ากัน แต่ถ้าเป็นงบประมาณซึ่งเป็นภาษีของประชาชน ขอให้ท่านพึงระมัดระวัง เพราะจะเป็นการใช้งบประมาณที่ไร้ประโยชน์ ท่านจะไม่ได้อะไรจากอีเวนต์นี้
“อยากฝากไปถึงนายสุภรณ์ ในฐานะคนคุ้นเคยว่า หากต้องการสร้างให้ตัวเองมีค่า นายสุภรณ์ต้องบอกความจริงกับรัฐบาลว่า คนเสื้อแดงไม่ได้ต้องการอะไรมากไปกว่าความเสมอภาค ความยุติธรรม คืนความเป็นประชาธิปไตยให้พวกเขา หยุดใส่ร้ายพวกเขา ทุกอย่างก็จบ
วันนี้ไม่มีใครต้องการจมอยู่กับความขัดแย้ง และวิกฤตเช่นนี้ เพียงแต่วันนี้สิ่งที่พวกเขาใฝ่หา เรียกร้องยังไม่เกิดขึ้น มันจึงยังคาราคาซัง นายสุภรณ์สัมผัสกับคนเสื้อแดงมานาน เชื่อว่า นายสุภรณ์ทราบดีถึงความต้องการของคนเสื้อแดง แต่พอนายสุภรณ์เปลี่ยนฝั่ง แทนที่จะนำความจริงไปเป็นเหตุเป็นผล ในการแก้ปัญหา กลับนำเอาปัญหามาค้าทำอีเวนต์
วันนี้ นายสุภรณ์ เมื่อมีตำแหน่งแทนที่จะช่วยพี่น้องผู้ร่วมอุดมการณ์ตามครรลอง กลับไม่ทำ กลับแสดงอาการเชลียร์จนน่าเอียน ตนไม่ได้โกรธเคืองนายสุภรณ์ แต่อยากเห็นนายสุภรณ์เปลี่ยนท่าที เพื่อตัวนายสุภรณ์เอง และจะเป็นประโยชน์กับประชาชนและรัฐบาลด้วย” นายพิพัฒน์ชัย กล่าว
https://www.matichon.co.th/politics/news_2263064
และ เฟฟซบุ๊ก การเมืองไทย ในกะลา เช่นกัน โพสต์หัวข้อ “ไอ้โบ้” หน้าแหกหมอไม่รับเย็บ!!
เจอสวน “สังคมไทยไม่สอนให้คนเนรคุณ”
...................................
โดยระบุว่า “เสื้อแดงภาคเหนือ บุกพบแรมโบ้ ที่ อ.เมือง จ.เชียงราย ยันคืนป้ายหมู่บ้านเสื้อแดง ทำไม่ได้เพราะเสื้อแดงอยู่ในหัวใจทุกคน ลั่น! “สังคมไทยไม่สอนให้คนเนรคุณ” พร้อมร้องเพลง กตัญญูทักษิณ ให้ฟัง
Cr. The CLEAR News”
ไม่เพียงเท่านั้น วันนี้ นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ออกมากล่าวถึง นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปเป็นประธานในพิธีรับมอบคืนป้ายหมู่บ้านเสื้อแดงและมอบป้ายและธงหมู่บ้านวิสาหกิจชุมชนฯเรารักประเทศไทย ณ อาคารศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติกลุ่ม GMS ต.ริมกก อ.เมือง จ.เชียงราย เมื่อ 11 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยมี นายอานนท์ แสนน่าน อดีตประธานเครือข่ายหมู่บ้านคนเสื้อแดงแห่งประเทศไทย ในฐานะประธานเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนท้องถิ่นเรารักประเทศไทย เป็นตัวแทนคืนป้ายหมู่บ้านเสื้อแดงและรับมอบธงหมู่บ้านวิสาหกิจฯเรารักประเทศไทย ซึ่งมีสมาชิกกลุ่มวิสาหกิจชุมชนฯเรารักประเทศไทยภาคเหนือ 17 จังหวัด ไปร่วมงานนั้น
ในเวทีดังกล่าว นายสุภรณ์ ได้กล่าวปราศรัยกับแกนนำและสมาชิกที่มาร่วมงานดังกล่าวความตอนหนึ่งว่า “เราจะไม่มีสีเสื้ออื่นๆนอกจากสีธงชาติ ขาว น้ำเงิน แดง วันนี้ประเทศไทยเราต้องการความร่วมมือร่วมแรงร่วมใจและรวมพลังคนไทยเป็นหนึ่งเดียว เราจะต้องเลิกการทะเลาะ เลิกขัดแย้งกัน หันหน้ามาร่วมมือกับรัฐบาล เพื่อมุ่งสู่การส่งเสริมอาชีพสร้างงานสร้างรายได้ ปลดหนี้ปลดสินให้กับพี่น้องเกษตรกรของเราทุกคน โดยมารวมตัวกันจัดตั้งวิสาหกิจชุมชนฯเรารักประเทศไทย ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงและทฤษฎีใหม่ตามศาสตร์พระราชา ถือเป็นสิ่งที่ควรสนับสนุนอย่างยิ่ง และตนเชื่อมั่นว่า รัฐบาลก็พร้อมจะเข้ามาดูและให้กลุ่มได้ขับเคลื่อนเดินหน้าในอาชีพให้มีรายได้มากขึ้นต่อไป”
คำพูดดังกล่าวดูสวยหรูมาก แต่เวลาอยู่นอกเวที เมื่อเผชิญหน้ากับแกนนำกลุ่มเสื้อแดงที่ยังยึดมั่นไม่เนรคุณต่อทักษิณ และไม่คิดแปรพักตร์ ไม่คิดคืนป้ายเสื้อแดง เพราะทักษิณอยู่ในหัวใจแล้ว นายสุภรณ์ กลับเฉไฉตอบว่า เรื่องการเมืองเป็นเอกสิทธิ์ของแต่ละคน ใครจะยืนหยัดในจุดเดิมอย่างไร จะไม่ก้าวล่วง และไม่เคยรังเกียจคนเสื้อแดง ซึ่งดูจะย้อนแย้งกับการออกมาเคลื่อนไหวผลักดันให้มีการคืนป้ายหมู่บ้านเสื้อแดง และรับมอบธงหมู่บ้านวิสาหกิจฯเรารักประเทศไทยอย่างน่าสงสัย
อีกทั้งก่อนหน้านี้ คนสนิทของนายสุภรณ์ คือ นายอานนท์ แสนน่าน ได้เดินสายทั่วประเทศจัดประชุมชาวบ้านเพื่อขอให้รวมตัวกันจัดตั้งวิสาหกิจชุมชนในนาม “ฟาร์มสุขใจ” ร่วมกับ นายดิษฐ์พิเชษ สุวรรณโพธิ์ และ น.ส.นงนุช บัวใหญ่ ผู้บริหารของ บมจ.ฟาร์มสุขใจ วิสาหกิจเพื่อสังคมมาโดยตลอดเป็นเวลากว่า 1 ปีมาแล้ว โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมให้ชาวบ้านปลูกกัญชาทำวิสาหกิจชุมชนร่วมกัน
แต่พอมาเข้าร่วมอุดมการณ์กับนายสุภรณ์ กลับไม่เคยเอ่ยชื่อ “ฟาร์มสุขใจ” เลย ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้การขับเคลื่อนทุกกิจกรรมก็มักเอ่ยชื่อ “ฟาร์มสุขใจ” มาโดยตลอด ดังนั้น การจัดกิจกรรมคืนป้ายหมู่บ้านเสื้อแดงดังกล่าว จึงเป็นข้อสงสัยว่า ถ้าหมดยุครัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ แล้ว นายสุภรณ์และพวก จะยังคงไว้ซึ่งอุดมการณ์สมานฉันท์ตามแนวทาง พล.อ.ประยุทธ์ ไม่คิดแปรพักตร์อยู่อีกหรือไม่...
เรื่องนี้ นายสุภรณ์ ให้สัมภาษณ์ว่า กรณี นายศรีสุวรรณ จรรยา สงสัยและเป็นห่วงการคืนป้ายหมู่บ้านเสื้อแดง เป็นหมู่บ้านเรารักประเทศไทย และฟื้นฟูวิสาหกิจชุมชนฯเรารักประเทศไทย ตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงแบบทฤษฎีใหม่ตามศาสตร์พระราชาเพื่อให้พี่น้องพึ่งพาตนเอง และจะนำไปสู่แนวทางรวมไทยสร้างชาติตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศไว้นั้น
ตนขอขอบคุณ นายศรีสุวรรณ ที่เริ่มเข้าใจเจตนารมณ์ที่แท้จริงของรัฐบาล แสดงว่า นายศรีสุวรรณ มีชุดความคิดที่สร้างสรรค์แล้ว
“คุณศรีสุวรรณไม่ต้องห่วง เพราะว่าการสร้างความปรองดอง ไม่ได้เกิดจากการพูดหรือคิด แต่เกิดจากการกระทำ วันนี้ผมในฐานะผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกฯ ได้เดินหน้าลงมือทำแล้ว ถ้าไม่เริ่มต้นวันนี้จะเริ่มต้นวันไหน ดีกว่าที่ไม่ได้เริ่มต้นเลย จึงไม่ต้องห่วงว่าจะทำแค่สร้างภาพชั่วครู่ชั่วคราวแล้วเลิกทำ ผมไม่มีความคิดเช่นนั้นแน่นอน เพราะเราทำแบบมั่นคงยั่งยืนเพื่อให้ประชาชนมีความสุขและอยู่ดีกินดี”
นายสุภรณ์ กล่าวอีกว่า การที่ นายศรีสุวรรณ สงสัยกลุ่มของนายอานนท์ แสนน่าน เรื่องฟาร์มสุขใจนั้น ซึ่งตนเองไม่รู้จักและสนิทกับบุคคลดังกล่าว ถ้าอยากทราบข้อเท็จจริงควรให้นายศรีสุวรรณมานั่งคุยกันกับนายอานนท์เอาเอง ตนเชื่อว่า นายศรีสุวรรณ จะช่วยคิดหาแนวทางช่วยประชาชนร่วมกันได้มากกว่าการเที่ยวร้องไปทั่ว
“นายกฯได้กำชับเสมอว่า แนวทางสร้างความปรองดอง จนนำไปสู่การรวมไทยสร้างชาติ ไม่ใช่จะทำแค่วันเดียวจบหรือทำวันเดียวสำเร็จ ต้องใช้เวลา ส่วนคนเสื้อแดง หรือสีเสื้อต่างๆ ที่ยังไม่ได้มาร่วมมือร่วมใจกันนั้นต้องให้เวลา ผมจะเป็นตัวกลางคอยประสานเพื่อให้ทุกอย่างบรรลุตามวัตถุประสงค์ เมื่อท่านนายกฯ หรือผมพ้นจากตำแหน่งหน้าที่ไปแล้ว แต่ความปรองดองจะยังคงอยู่อย่างมั่นคงยาวนานแน่นอน ถ้าประชาชนทุกคนร่วมมือกันโดยเอาสถาบัน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เป็นศูนย์รวมจิตใจแห่งความสามัคคีของคนในชาติ”
แน่นอน, ถ้าฟังคำอธิบายจากเจ้าของฉายา “แรมโบ้อีสาน” จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า เขาได้รับอำนาจเต็มจาก นายกรัฐมนตรี ก็ว่าได้ ให้มีบทบาทอันสำคัญในการละลายพฤติกรรมแบ่งแยก “สีเสื้อ” เพื่อรวมไทย สร้างชาติ หรือ ถ้าจะพูดว่า ทำงาน “ปรองดอง” อีกด้านหนึ่ง ก็คงไม่ผิด แต่ต้องยอมรับว่า นี่เพียงแค่จุดเริ่ม และเริ่มเท่าที่พอจะเริ่มได้ ก็ไม่ได้ถือเป็นเรื่องผิดอะไร เพราะคนไทยทุกคนเรียกร้องให้มีการ “ปรองดอง” อยู่แล้ว ยกเว้นคนที่มีจิตใจอาฆาตแค้นไม่ลืมหูลืมตา
และแรมโบ้อีสาน ก็พูดถึง การสลายสีเสื้อ และการเปลี่ยนอุดมการณ์หมู่บ้านเสื้อแดง ไม่สามารถทำสำเร็จในวันเดียวอย่างแน่นอน สำเร็จหรือไม่ ยังไม่รู้เลย และถ้าไม่เริ่มวันนี้ แล้วจะเริ่มวันไหน ให้ฆ่ากันอีกรอบก่อนใช่หรือไม่
ยิ่งกว่านั้น การที่แรมโบ้อีสาน ยอมรับในสิทธิ์ของคนเสื้อแดงบางกลุ่มที่ไม่ยอมรับ ก็ไม่เป็นไร แต่งานนี้ก็จะต้องดำเนินต่อไป เพราะเชื่อว่า เป็นแนวทางที่ถูกต้อง เป็นนโยบายรัฐบาลที่ได้รับมอบหมาย เป็นสิ่งที่คนไทยทั้งประเทศอยากเห็นและเห็นด้วย แล้วมันจะผิดอะไร ที่ต้องใช้เงินภาษีประชาชน เพราะมันก็คือ หนึ่งในเนื้องานบริหารความขัดแย้งแตกแยกของผู้คนในสังคมไทย ซึ่งถ้าแก้ได้ การเมืองก็จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ เศรษฐกิจ ก็จะได้รับการฟื้นฟูพัฒนาให้ดีขึ้น โลกก็จะยกย่องด้วยซ้ำ
สรุปแล้ว ก็เห็นใจฝ่ายแค้น ที่แรมโบ้อีสาน ไม่ใช่คนที่แค้นฝั่งหุ่น หรือ แบ่งแยกเป็นฝักเป็นฝ่ายอย่างฝังหัว เอาแต่เรียกร้องเพื่อให้ตัวเองได้ในสิ่งที่ต้องการ ดันทุรังที่จะเอาชนะคะคาน ไม่ยอม “แสวงจุดร่วม สงวนจุดต่าง” เพื่อเห็นแก่ประชาชนส่วนใหญ่จะได้ไม่ต้องมาเดือดร้อนกับการแก่งแย่งอำนาจทางการเมือง จนประเทศตกอยู่ในชะตากรรมอย่างทุกวันนี้ อย่าได้เที่ยวโทษใครเลย
ถ้าคิดได้อย่างนี้คงไม่สายเกินไปที่จะแก้ไข แต่ถ้าคิดไม่ได้เลย ยังห่วงแต่เรื่องตัวเอง พวกตัวเอง “นายใหญ่” ตัวเอง คิดดูสิ เทียบกับแรมโบ้เวลานี้ได้หรือไม่ เอาอย่างใจเป็นธรรมนะ!