“รศ.ดร.พิชาย” ระบุ ชุมนุมไล่รัฐบาล ยืดเยื้อหรือไม่ อยู่ที่ 3 ปัจจัย เผย นักวิชาการประเมิน “อนาคตใหม่” ไม่ถูกยุบ เหตุหลักฐานอ่อน-รัฐหวั่น ! จุดชนวนเรียกม็อบ ด้าน “พิภพ ธงไชย” ชี้ อนค. คือตัวแทนวิญญาณกบฏของคนรุ่นใหม่ จิตวิญญาณไม่ตายแม้พรรคถูกยุบ เชื่อ ส.ส.พรรคสีส้มแก้เกมด้วยการย้ายก่อนโดนยุบ หลายฝ่าย ติง “ผบ.ทบ.” ไม่ควรยุ่งเกี่ยวการเมือง ชี้ประเด็น “ลัทธิชังชาติ” ของลุงกำนันจุดไม่ติด
เป็นที่น่าจับตาอย่างยิ่งสำหรับสถานการณ์การเมืองในปี 2563 นี้ ซึ่งดูทีท่าว่าน่าจะร้อนแรงตั้งแต่ต้นปี โดยมี 3 เหตุการณ์ใหญ่ๆ ที่ต้องติดตาม ได้แก่ 1) การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลภายใต้การนำของ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ซึ่งฝ่ายค้านพุ่งเป้าไปที่ตัวนายกฯ และ 3 รัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ 2) กรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาคำร้องยุบพรรคอนาคตใหม่(อนค.) ใน 2 กรรม 2 วาระ คือกรณีการให้เงินกู้แก่พรรคของ “นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และข้อกล่าวหาเรื่องล้มล้างการปกครอง
3) การชุมนุมเคลื่อนไหวของกลุ่มที่ไม่พอใจการทำงานของรัฐบาลซึ่งเริ่มขยับมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ไม่ว่าจะเป็น “แฟลชม็อบ” ที่นำโดย “นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งมีผู้คนหลากหลายวัยออกมาร่วมชุมนุมกันแน่นขนัด พร้อมประกาศจะนัดชุมนุมอีกครั้งในเดือน ม.ค.นี้ และมีการประเมินว่าจะมีคนมาร่วมมากกว่าเดิม หรือกิจกรรม “วิ่งไล่ลุง” ที่จัดโดยกลุ่มคนรุ่นใหม่นำโดย นายธนวัฒน์ วงค์ไชย ประธานยุทธศาสตร์ สหภาพนักเรียน นิสิต นักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนท.) ซึ่งจะนัดทำกิจรรมกันในวันที่ 12 ม.ค.นี้ ประเมินคร่าวๆ จำนวนผู้ที่จะออกมาวิ่งไล่ลุงตัวเลขอยู่ที่หลักหมื่นแน่นอน โดยข้อมูลจาก “เพจวิ่งไล่ลุง” ระบุว่าการเปิดลงทะเบียนทั้งสองรอบนั้น แต่ละรอบมีผู้สมัครเกือบหมื่นคนเลยทีเดียว
ส่วนที่หลายฝ่ายวิตกก็คือเหตุการณ์ที่ 2 จะเป็นแรงกดดันสำคัญที่ส่งผลให้เหตุการณ์ที่ 3 ขยายวงมากยิ่งขึ้น
รศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต อาจารย์ประจำหลักสูตรการเมืองและยุทธศาสตร์การพัฒนา และอดีตคณบดีคณะพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) วิเคราะห์สถานการณ์การเมืองในปี 2563 ว่า การชุมนุมของกลุ่มที่ไม่พอใจการทำงานของรัฐบาลจะจบเร็วหรือยืดเยื้อก็ขึ้นอยู่กับเงื่อนไข 3 ประการ คือ
1. การบังคับใช้กฎหมายของภาครัฐและองค์กรอิสระ หากมีความเป็นธรรม อยู่ในจุดที่ผู้คนยอมรับได้ จะทำให้ความคับข้องใจของผู้ชุมนุมลดน้อยลง ความคิดที่จะออกมาชุมนุมต่อต้านรัฐบาลก็น้อยลง แบบนี้การชุมนุมไม่ยืดเยื้อ ในทางกลับกันถ้าใช้กฎหมายอย่างไม่เป็นธรรม คนจะอึดอัดคับข้อง นำไปสู่ปฏิกิริยาตอบโต้โดยออกมาชุมนุมเพื่อแสดงความไม่พอใจ และยิ่งรัฐใช้กฎหมายไม่เป็นธรรมมากขึ้น คนก็จะออกมามากขึ้นและชุมนุมอย่างยืดเยื้อ
2. ท่าทีของรัฐบาลในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ถ้ารัฐบาลแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อกระจายอำนาจ ความรู้สึกคับข้องใจของผู้ชุมนุมจะลดลง แต่ถ้ารัฐบาลเล่นแง่ ไม่มีความจริงใจในการแก้รัฐธรรมนูญ จะทำให้คนที่อยากให้แก้รัฐธรรมนูญออกมาชุมนุมเพื่อเรียกร้อง
3. รัฐบาลสามารถทำให้ผู้คนมีความหวังได้หรือไม่ ถ้าทำไม่ได้ แรงต้านก็จะมากขึ้น อย่างแรกที่จะทำให้คนมีความหวังก็คือการจัดการเลือกตั้งท้องถิ่น ซึ่งจะทำให้คนรู้สึกมีส่วนร่วมในการปกครอง ความไม่พอใจที่มีต่อรัฐบาลก็จะลดลง
“การทำงานขององค์กรอิสระทำให้คนทั่วไปสงสัยในเจตนา กรณียื่นยุบพรรคอนาคตใหม่ก็อาจจะเป็นหนึ่งในนั้น ต้องยอมรับว่าคนที่ไม่พอใจการทำงานของรัฐบาลมีเยอะ และพร้อมจะออกมาชุมนุม ถ้ารัฐบาลยังปฏิบัติแบบเดิมสกัดกั้นการแสดงความเคิดห็น บังคับใช้กฎหมายโดยไม่เป็นธรรม นักศึกษาและปัญญาชนก็จะออกมาเคลื่อนไหวมากขึ้น เพื่อให้มีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลและแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งแกนนำอาจจะเป็นใครก็ได้ เหมือนที่เกิดขึ้นในยุค 14 ตุลาฯ” รศ.ดร.พิชาย กล่าว
ด้าน นายพิภพ ธงไชย อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และอดีตประธานคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย มองว่า การชุมนุมของกลุ่มที่ไม่พอใจการทำงานของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ไม่น่าจะแรงเหมือนการชุมนุมพันธมิตร การชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง หรือการชุมนุมของ กปปส. เนื่องจากปัจจัยต่างๆ ดังนี้
1) ยังไม่ใช่การชุมนุมขับไล่รัฐบาล ซึ่งส่วนใหญ่การไล่รัฐบาลจะเกิดจากประเด็นเรื่องปัญหาการคอร์รัปชันอย่างรุนแรง 2) ไม่มีประเด็นเรื่องการหมิ่นสถาบัน 3) คนยังเหนื่อยกับการชุมนุมใหญ่ติดๆ กันในหลายครั้งที่ผ่านมา 4) พล.อ.ประยุทธ์สนิทสนมกับกองทัพ 5) รัฐบาลลดกระแสเรียกร้องเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญด้วยการปล่อยให้สภาตั้งกรรมาธิการศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 6) นายธนาธรซึ่งเป็นผู้นำการชุมนุมไม่มีทีวีซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยระดมคน การใช้สื่อ Facebook อย่างเดียวอาจไม่พอ 7) พรรคเพื่อไทยไม่กล้าหนุนอนาคตใหม่เหมือนหนุนกลุ่มคนเสื้อแดง เนื่องจากตอนนี้ทักษิณ ชินวัตร ไม่ได้ต้องการล้มรัฐบาล แต่ต้องการหลุดคดีหรือนิรโทษกรรมมากกว่า
“เชื่อว่าครั้งนี้ม็อบยังไม่ใหญ่ แต่ถ้าม็อบใหญ่อนาคตใหม่ก็จะลำบากเพราะยังมีปัญหาเรื่องการดูแลผู้ชุมนุม ซึ่งอนาคตใหม่ก็ไม่กล้าให้กลุ่มเสื้อแดงซึ่งมีประสบการณ์ในการชุมนุมเข้ามาดูแลม็อบ เนื่องจากกลุ่มเสื้อแดงยังติดภาพการใช้ความรุนแรงซึ่งจะไม่เป็นผลดีต่อการชุมนุม แต่ก็เชื่อว่าจะมีการชุมนุมย่อยๆ เกิดขึ้นเรื่อยๆส่วนประเด็นที่จะทำให้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ล้มได้นั้นจะเป็นเรื่องของปัญหาในการบริหารงานที่สะสมขึ้นเรื่อยๆ และความไม่เป็นธรรมในการบังคับใช้กฎหมาย อย่าง กรณีบุกรุกป่าของ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.พลังประชารัฐ” อดีตแกนนำพันธมิตรฯ กล่าว
อย่างไรก็ดี ประเด็นที่สังคมกำลังหวั่นวิตกก็คือการเคลื่อนไหวของอดีตแกนนำ กปปส.ที่เข้าร่วมรัฐบาล และท่าทีของกองทัพที่มีต่อผู้ชุมนุม ซึ่งอาจกลายเป็นประเด็นนำไปสู่ความขัดแย้งและแตกแยกในบ้านเมือง โดยในส่วนของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย และนพ.วรงค์ เดชกิจวิกรมประธานเจ้าหน้าที่บริหารพรรคซึ่งเคยเป็นแกนนำ กปปส. ได้เดินสายให้ข้อมูลกับคนที่เป็นสมาชิกพรรครวมพลังประชาชาติไทยว่าพรรคอนาคตใหม่และผู้ที่จะออกมาทำกิจกรรม “วิ่งไล่ลุง” เป็นพวก "ลัทธิชังชาติ"
ขณะที่ “บิ๊กแดง” พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก ออกมาระบุว่า มีบางคนอยู่เบื้องหลังการชุมนุมและกิจกรรมวิ่งไล่ลุงเป็นลักษณะ Proxy Crisis หรือ ตัวแทนที่ผู้อยู่เบื้องหลังส่งออกมาสู้กับภาครัฐตามด้วย พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม วิจารณ์กิจกรรม “วิ่งไล่ลุง” ว่าเป็นกิจกรรมที่ไม่สร้างสรรค์ และนักประชาธิปไตยควรทำงานในสภา เนื่องเพราะสังคมหวั่นเกรงว่าการให้ข้อมูลในลักษณะดังกล่าวจะยิ่งเป็นการสร้างความเกลียดชังและความแตกแยก และอาจนำไปสู่สถานการณ์ “ม็อบชนม็อบ” ที่สำคัญกองทัพไม่ควรเแสดงท่าทีสนับสนุนพรรคหรือเป็นปฏิปักษ์กับพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง
นายพิภพ ได้แสดงความเห็นในประเด็นนี้ว่า การที่นายสุเทพไปขึ้นเวทีกล่าวหาว่ากลุ่มที่ชุมนุมต่อต้านรัฐบาลเป็น “ลัทธิชังชาติ” นั้นถือเป็นเรื่องที่พลาดมาก เพราะนายสุเทพไปเชื่อบทวิเคราะห์ของผู้บริหารสถานีโทรทัศน์บางคน แต่คนในสังคมไม่ได้รู้สึกว่าพรรคอนาคตใหม่ทำร้ายประเทศหรือคิดจะล้มสถาบัน เพราะสิ่งที่พรรคอนาคตใหม่วิพากษ์วิจารณ์คือการทำงานของรัฐบาลและการใช้งบประมาณที่ไม่เหมาะสมของกองทัพ
ซึ่งสอดคล้องกับความเห็นของ รศ.ดร.พิชาย ที่มองว่า สิ่งที่นายสุเทพทำนั้นไม่เหมาะสมเพราะจะนำไปสู่ความขัดแย้งในสังคม อย่างไรก็ดีเชื่อว่าเป็นกระแสที่ปลุกไม่ขึ้น เพราะคนดูออกว่าเป็นเรื่องที่ไม่มีมูล ขณะที่ ผบ.ทบ.ก็ไม่ควรเข้ามายุ่งเกี่ยวเรื่องการเมือง ควรเป็นทหารอาชีพที่ทำหน้าที่ป้องกันประเทศ อีกทั้งประเด็น Proxy Crisisที่ ผบ.ทบ.พูดก็เป็นเรื่องเก่าสมัยสงครามเย็น แต่ปัจจุบันเป็นโลกโซเชียลฯ โลกเสรีทางความคิดที่ไม่สามารถใช้อำนาจปิดกั้นได้
“การที่กองทัพปกป้องรัฐบาลมากเกินไปจะส่งผลเสียต่อเกียรติภูมิของทหาร กองทัพควรวางตัวเป็นกลาง ไม่ควรเอาตัวเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของความขัดแย้งทางการเมือง” รศ.ดร.พิชาย ระบุ
ส่วนกรณีการเสนอยุบพรรคอนาคตใหม่ซึ่งหลายฝ่ายมองว่าจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ปลุกเร้าให้คนออกมาชุมนุมต่อต้านรัฐบาลมากขึ้นนั้น รศ.ดร.พิชาย มองว่า ผู้ที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจเรื่องนี้ไม่กล้ายุบพรรคอนาคตใหม่ เพราะจะเท่ากับเป็นการจุดชนวนให้มีผู้ออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลมากยิ่งขึ้น และอาจจะขยายวงออกไปในหลายพื้นที่ และหากพิจารณาจากข้อกฎหมายแล้วประเด็นที่ยื่นยุบพรรคอนาคตใหม่ ทั้งกรณีที่นายธนาธรให้พรรคกู้ยืมเงิน และข้อกล่าวหาในคดี “อิลลูมินาติ” เรื่องล้มล้างการปกครอง (ผู้ที่ร้องให้ยุบพรรคระบุว่าสัญลักษณ์ของพรรคอนาคตใหม่ ที่เป็นสามเหลี่ยมด้านเท่ากลับหัว มีความเหมือนกับสัญลักษณ์สมาคมอิลลูมินาติซึ่งอยู่เบื้องหลังการล้มล้างการปกครองระบอบกษัตริย์ ในช่วงปี ค.ศ. 1770 หรือเมื่อ 249 ปีที่ผ่านมา) บรรดานักวิชาการต่างเห็นตรงกันว่าไม่มีมูลเหตุพอที่จะยุบพรรค
“หลายๆ คดีที่อนาคตใหม่ถูกฟ้องนั้นเป็นเรื่องของการตีความทางกฎหมาย แม้แต่กรณีการยื่นยุบพรรคทั้ง 2 ประเด็น ซึ่งจากการศึกษาข้อกฎหมายของนักวิชาการเห็นว่าไม่เข้าข่ายความผิดตามมาตรา 42 ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ส่วนกรณี “อิลลูมินาติ” ก็อ่อนเกินไป” รศ.ดร.พิชาย ระบุ
ด้านแกนนำพันธมิตร วิเคราะห์ว่า รัฐบาลน่าจะอยากให้ยุบพรรคอนาคตใหม่ เพราะต้องการดูด ส.ส.จากอนาคตใหม่เข้ามาสังกัดพรรคซีกรัฐบาลสัก 20 เสียง แต่คงต้องประเมินด้วยว่าถ้ายุบอนาคตใหม่แล้วจะเกิดอะไรขึ้น แม้จะยุบพรรคอนาคตใหม่ แต่บุคลากรของพรรคก็อาจจะไม่ได้หายไปจากสภา กรรมการบริหารพรรคอาจจะชิงลาออก ส่วน ส.ส. ย้ายพรรคก่อนถูกยุบ แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาหากมีการยุบพรรคอนาคตใหม่ก็คือการสะสมความไม่พอใจของคนรุ่นใหม่ที่มีต่อพรรคที่กุมอำนาจรัฐ
“อนาคตใหม่เป็นตัวแทนวิญญาณกบฏของคนรุ่นใหม่ แม้จะยุบพรรคอนาคตใหม่ไปแต่วิญญาณกบฏของคนรุ่นใหม่ก็ยังอยู่” นายพิภพ กล่าว