**เรื่องม็อบไพร่หมื่นล้าน แม้ว่าขณะนี้เงื่อนไขยังไม่ถึงจุดทำม็อบไล่รัฐบาลได้ ! แต่"ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ" หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ประเดิมจัดแฟลชม็อบ ยกระดับจาก“อยู่ไม่เป็น”สู่ “ทนไม่ไหว”ใส่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทันควัน
หลังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติส่งคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญ ยุบพรรคอนาคตใหม่ กรณีปล่อยกู้ 191 ล้านบาท ขัดพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง
เรียกว่า มาเร็วกว่าที่คิด แต่ไม่ผิดจากที่คาดหมายว่า หากอยู่ในสภาวะจนแต้ม ไร้ทางออก พรรคสีส้มจะตัดสินใจลงถนน เพราะคนในพรรคล้วนเติบโตมาจากนักเคลื่อนไหวอยู่แล้ว เพียงแต่ตอนนี้อาจจะเร่งรีบกันไปหน่อย
สถานการณ์วันนี้ เงื่อนไขมันยังไม่ไปถึงขั้นจะล้มรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาได้ แคมเปญ“ทนไม่ไหว”น้ำหนักไปทางเรื่องของตัวเอง มากกว่าสาธารณชน
ความรู้สึกของคน วันนี้ที่พรรคอนาคตใหม่จะลงม็อบ เพราะอดรนทนไม่ได้ที่ตัวเองถูกรังแก กรณีจะถูกยุบพรรค ม็อบครั้งนี้ เหมือนต้องการเอาประชาชนมาเป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็กให้เท่านั้น ยังไม่ใช่ “จุดร่วม”ที่จะดึงให้คนออกมากินนอนบนถนน เพื่อล้มรัฐบาล
**พรรคอนาคตใหม่เองก็รู้ดีว่า เวลามันไม่ใช่ เพียงแต่แฟลชม็อบครั้งนี้เพื่อเช็กเรตติ้งว่า มีคนเอาด้วยมากน้อยแค่ไหน ปฏิกิริยาเป็นอย่างไร ที่จะเตรียมเปิดยุทธการ“ตอบโต้ด้วยความรุนแรง เพื่อทำลายแผนการที่แยบยล”ต่อไปภายหน้า
เป็นการเปิดพื้นที่ ทำอีเวนต์ให้คนมาถ่ายรูป ติดแฮชแท็ก แล้วเอาไปแปะบนหน้าเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ สร้างปรากฏการณ์ในโซเชียลมีเดีย ให้บรรดาสาวกได้มีอะไรทำ
ถือโอกาสก่อไฟ เลี้ยงอารมณ์มวลชนเอาไว้เรื่อยๆ หรือปูทางเอาไว้ รอเงื่อนไขอื่น โดยเฉพาะข้อผิดพลาดของรัฐบาล มาผสมโรง รวมทุกเรื่องไว้ด้วยกัน หวังสักวันจะฟลุ๊กสถานการณ์ “สุกงอม”
** แต่ถ้าวันนี้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ยังไม่พลาดอะไรที่เป็นเรื่องคอขาดบาดตาย พรรคอนาคตใหม่จะทำได้แค่แฟลชม็อบแบบนี้ไปเรื่อยๆ เพราะคนในประเทศยังเป็นโรคกลัวม็อบ ที่คนเชื่อว่าเป็นเหตุพังชาติ
แม้ว่า ประชาชนอาจไม่ค่อยแฮปปี้กับการบริหารงานของ พล.อ.ประยุทธ์ แต่ก็ไม่ได้ต้องการม็อบ ที่ยิ่งจะเป็นการซ้ำเติมประเทศให้ถอยหลังกลับไปอีก
การจัดม็อบช่วงนี้ หากทำสุ่มสี่สุ่มห้าอาจจะกลายเป็นกระแสตีกลับ เพราะสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศไม่ดี ถึงรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จะไม่ได้โดดเด่นเรื่องบริหารประเทศ แต่ถึงตรงนี้ ในภาวะแบบนี้ ก็ไม่ได้ถือว่า แย่ จนประชาชนอยู่กันไม่ได้ แต่ยังพอถูๆ ไถๆ ไปได้
**แต่เงื่อนไขที่น่ากลัว ที่แฟลชม็อบของ “ธนาธร”จะขยายไปสู่ “ม็อบไล่รัฐบาล”นั่นคือ การทุจริตคอร์รัปชัน การใช้กลไกรัฐช่วยเหลือพวกพ้อง เรื่องสองมาตรฐาน ความเหลื่อมล้ำของการบังคับใช้กฎหมาย เหล่านี้หากรัฐบาลกระทำซ้ำๆ บ่อยๆ มีสิทธิ์เข้าทางได้เหมือนกัน
การทำม็อบล้มรัฐบาล ไม่ใช่ของกล้วยๆ ที่ใครจะทำได้ เพราะต้องอาศัยหลายๆ ปัจจัย โดยเฉพาะเงื่อนไขที่ประชาชนในประเทศเห็นพ้อง
อย่างสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กปปส. ที่นำโดย “สุเทพ เทือกสุบรรณ”ปลุกคนเข้ากรุงได้ เพราะรัฐบาลก้าวพลาด ที่ผลักดัน ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ฉบับสุดซอย เพื่อล้างผิดให้กับทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
แต่ขนาดมีเงื่อนไข มีมวลชนเข้าร่วมมหาศาล การชุมนุมของกปปส. ก็ไม่สามารถล้มรัฐบาลยิ่งลักษณ์ได้ในเวลาอันรวดเร็ว แต่ยืดเยื้อกันเกือบแรมปี
ที่สำคัญ กปปส.ไม่ได้เป็นผู้ล้มรัฐบาลยิ่งลักษณ์ หากแต่เป็น คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เขามายึดอำนาจการบริหารประเทศ โดยวิธี “รัฐประหาร”เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557
ส่วนการทำม็อบเพื่อตัวเองในอดีต ก็เคยมี ย้อนกลับไปสมัยการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือ กลุ่มคนเสื้อแดง ต้องการล้มรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เพื่อเอาอำนาจกลับสู่พรรคเพื่อไทย
เป็นม็อบที่ต่อสู้เพื่อ “ทักษิณ”ตอนนั้นมีการทุ่มทุกสรรพกำลังเพื่อจะโค่นรัฐบาลอภิสิทธิ์ มีท่อน้ำเลี้ยง นายทุนมากมายสนับสนุน มีมวลชนคนเสื้อแดงเข้ากรุงจำนวนไม่น้อย
สร้างสถานการณ์ มีความวุ่นวายทั่วเมืองหลวง ชุมนุมยืดเยื้อ แต่สุดท้ายกลายเป็นม็อบที่พ่ายแพ้ แยกย้ายกลับบ้าน บรรดาแกนนำถูกดำเนินคดีกันจนถึงวันนี้
**ดังนั้น โอกาสที่จะมีม็อบยืดเยื้อเป็นเรื่องยาก
ขณะเดียวกัน วันนี้ม็อบของธนาธร ส่วนใหญ่มาจากบรรดาแฟนคลับฟากฝั่งตัวเอง บรรดาฝ่ายค้านด้วยกัน แม้จะให้ความร่วมมือ โดยอนุญาตให้สมาชิกไปเข้าร่วม แต่เป็นแค่พิธีกรรม
การทำม็อบไม่ได้ใช้เงินพียงอย่างเดียว แต่ต้องใช้ใจด้วย
**แฟลชม็อบคนสีส้ม เป็นแค่จุดเริ่มต้นที่ “ธนาธร”ต้องการประคองกระแสความไม่พอใจในรัฐบาลเอาไว้ และส่งสัญญาณตามแผนการ ใช้ความรุนแรงเพื่อทำลายแผนแยบยล เพื่อหวังว่าจะได้ผลเจอส้มหล่น ที่จะต่อรองกับฝ่ายรัฐบาลในเรื่องยุบพรรค อนาคตใหม่
หลังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติส่งคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญ ยุบพรรคอนาคตใหม่ กรณีปล่อยกู้ 191 ล้านบาท ขัดพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง
เรียกว่า มาเร็วกว่าที่คิด แต่ไม่ผิดจากที่คาดหมายว่า หากอยู่ในสภาวะจนแต้ม ไร้ทางออก พรรคสีส้มจะตัดสินใจลงถนน เพราะคนในพรรคล้วนเติบโตมาจากนักเคลื่อนไหวอยู่แล้ว เพียงแต่ตอนนี้อาจจะเร่งรีบกันไปหน่อย
สถานการณ์วันนี้ เงื่อนไขมันยังไม่ไปถึงขั้นจะล้มรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาได้ แคมเปญ“ทนไม่ไหว”น้ำหนักไปทางเรื่องของตัวเอง มากกว่าสาธารณชน
ความรู้สึกของคน วันนี้ที่พรรคอนาคตใหม่จะลงม็อบ เพราะอดรนทนไม่ได้ที่ตัวเองถูกรังแก กรณีจะถูกยุบพรรค ม็อบครั้งนี้ เหมือนต้องการเอาประชาชนมาเป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็กให้เท่านั้น ยังไม่ใช่ “จุดร่วม”ที่จะดึงให้คนออกมากินนอนบนถนน เพื่อล้มรัฐบาล
**พรรคอนาคตใหม่เองก็รู้ดีว่า เวลามันไม่ใช่ เพียงแต่แฟลชม็อบครั้งนี้เพื่อเช็กเรตติ้งว่า มีคนเอาด้วยมากน้อยแค่ไหน ปฏิกิริยาเป็นอย่างไร ที่จะเตรียมเปิดยุทธการ“ตอบโต้ด้วยความรุนแรง เพื่อทำลายแผนการที่แยบยล”ต่อไปภายหน้า
เป็นการเปิดพื้นที่ ทำอีเวนต์ให้คนมาถ่ายรูป ติดแฮชแท็ก แล้วเอาไปแปะบนหน้าเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ สร้างปรากฏการณ์ในโซเชียลมีเดีย ให้บรรดาสาวกได้มีอะไรทำ
ถือโอกาสก่อไฟ เลี้ยงอารมณ์มวลชนเอาไว้เรื่อยๆ หรือปูทางเอาไว้ รอเงื่อนไขอื่น โดยเฉพาะข้อผิดพลาดของรัฐบาล มาผสมโรง รวมทุกเรื่องไว้ด้วยกัน หวังสักวันจะฟลุ๊กสถานการณ์ “สุกงอม”
** แต่ถ้าวันนี้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ยังไม่พลาดอะไรที่เป็นเรื่องคอขาดบาดตาย พรรคอนาคตใหม่จะทำได้แค่แฟลชม็อบแบบนี้ไปเรื่อยๆ เพราะคนในประเทศยังเป็นโรคกลัวม็อบ ที่คนเชื่อว่าเป็นเหตุพังชาติ
แม้ว่า ประชาชนอาจไม่ค่อยแฮปปี้กับการบริหารงานของ พล.อ.ประยุทธ์ แต่ก็ไม่ได้ต้องการม็อบ ที่ยิ่งจะเป็นการซ้ำเติมประเทศให้ถอยหลังกลับไปอีก
การจัดม็อบช่วงนี้ หากทำสุ่มสี่สุ่มห้าอาจจะกลายเป็นกระแสตีกลับ เพราะสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศไม่ดี ถึงรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จะไม่ได้โดดเด่นเรื่องบริหารประเทศ แต่ถึงตรงนี้ ในภาวะแบบนี้ ก็ไม่ได้ถือว่า แย่ จนประชาชนอยู่กันไม่ได้ แต่ยังพอถูๆ ไถๆ ไปได้
**แต่เงื่อนไขที่น่ากลัว ที่แฟลชม็อบของ “ธนาธร”จะขยายไปสู่ “ม็อบไล่รัฐบาล”นั่นคือ การทุจริตคอร์รัปชัน การใช้กลไกรัฐช่วยเหลือพวกพ้อง เรื่องสองมาตรฐาน ความเหลื่อมล้ำของการบังคับใช้กฎหมาย เหล่านี้หากรัฐบาลกระทำซ้ำๆ บ่อยๆ มีสิทธิ์เข้าทางได้เหมือนกัน
การทำม็อบล้มรัฐบาล ไม่ใช่ของกล้วยๆ ที่ใครจะทำได้ เพราะต้องอาศัยหลายๆ ปัจจัย โดยเฉพาะเงื่อนไขที่ประชาชนในประเทศเห็นพ้อง
อย่างสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กปปส. ที่นำโดย “สุเทพ เทือกสุบรรณ”ปลุกคนเข้ากรุงได้ เพราะรัฐบาลก้าวพลาด ที่ผลักดัน ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ฉบับสุดซอย เพื่อล้างผิดให้กับทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
แต่ขนาดมีเงื่อนไข มีมวลชนเข้าร่วมมหาศาล การชุมนุมของกปปส. ก็ไม่สามารถล้มรัฐบาลยิ่งลักษณ์ได้ในเวลาอันรวดเร็ว แต่ยืดเยื้อกันเกือบแรมปี
ที่สำคัญ กปปส.ไม่ได้เป็นผู้ล้มรัฐบาลยิ่งลักษณ์ หากแต่เป็น คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เขามายึดอำนาจการบริหารประเทศ โดยวิธี “รัฐประหาร”เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557
ส่วนการทำม็อบเพื่อตัวเองในอดีต ก็เคยมี ย้อนกลับไปสมัยการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือ กลุ่มคนเสื้อแดง ต้องการล้มรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เพื่อเอาอำนาจกลับสู่พรรคเพื่อไทย
เป็นม็อบที่ต่อสู้เพื่อ “ทักษิณ”ตอนนั้นมีการทุ่มทุกสรรพกำลังเพื่อจะโค่นรัฐบาลอภิสิทธิ์ มีท่อน้ำเลี้ยง นายทุนมากมายสนับสนุน มีมวลชนคนเสื้อแดงเข้ากรุงจำนวนไม่น้อย
สร้างสถานการณ์ มีความวุ่นวายทั่วเมืองหลวง ชุมนุมยืดเยื้อ แต่สุดท้ายกลายเป็นม็อบที่พ่ายแพ้ แยกย้ายกลับบ้าน บรรดาแกนนำถูกดำเนินคดีกันจนถึงวันนี้
**ดังนั้น โอกาสที่จะมีม็อบยืดเยื้อเป็นเรื่องยาก
ขณะเดียวกัน วันนี้ม็อบของธนาธร ส่วนใหญ่มาจากบรรดาแฟนคลับฟากฝั่งตัวเอง บรรดาฝ่ายค้านด้วยกัน แม้จะให้ความร่วมมือ โดยอนุญาตให้สมาชิกไปเข้าร่วม แต่เป็นแค่พิธีกรรม
การทำม็อบไม่ได้ใช้เงินพียงอย่างเดียว แต่ต้องใช้ใจด้วย
**แฟลชม็อบคนสีส้ม เป็นแค่จุดเริ่มต้นที่ “ธนาธร”ต้องการประคองกระแสความไม่พอใจในรัฐบาลเอาไว้ และส่งสัญญาณตามแผนการ ใช้ความรุนแรงเพื่อทำลายแผนแยบยล เพื่อหวังว่าจะได้ผลเจอส้มหล่น ที่จะต่อรองกับฝ่ายรัฐบาลในเรื่องยุบพรรค อนาคตใหม่
