ข่าวปนคน คนปนข่าว
**เพลาๆ ลงหน่อยเถอะลุงกำนัน! "สมศักดิ์" ขอ "สุเทพ" เลิกพูดสร้างความขัดแย้ง หลังยกเหตุกลับมาเล่นการเมืองเพราะมี "วายร้ายตัวใหม่" ทำติ่งส้มเดือดปุด
กลายเป็นกระแสในโลกโซเชียลฯ หลังจากวันก่อน "ลุงกำนัน" สุเทพ เทือกสุบรรณ ไปพูดที่ มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี ในงานที่พรรครวมพลังประชาชาติไทย จัดสัมมนาหลักสูตรอุดมการณ์และการสื่อสารทางการเมือง
"สุเทพ" ในฐานะผู้ร่วมก่อตั้งพรรคพูดช่วงหนึ่งในการบรรยายหัวข้อ "หัวใจสำคัญของพรรครวมพลังประชาชาติไทย" ว่า ยืนยันว่าไม่เคยคิดจะกลับมาทำงานการเมืองเลย เพราะตอนเดินขบวนบอกพี่น้องประชาชนแล้วว่า จะไม่สมัครผู้แทน จะไม่กลับไปมีตำแหน่งทางการเมืองแล้ว พอแล้ว แต่ต่อมาเห็นว่า ที่เราลงทุนลงแรงต่อสู้มา เราไม่สามารถวางใจหรือปล่อยมือได้ บ้านเมืองยังไม่เรียบร้อยปลอดภัย "วายร้ายตัวเก่าจบไปแล้ว มีวายร้ายตัวใหม่มาอีก"
นี่เป็นเหตุที่ "ลุงกำนัน" ยอมเสียคำพูด ตั้งพรรคการเมืองเพราะตัวเองพิจารณาดูว่าตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน ไม่เคยมีพรรคการเมืองของประชาชน มีแต่พรรคการเมืองของนายพล ของนายทุน พรรคการเมืองของครอบครัว
ดังนั้นจะไปหวังพึ่งให้เห็นแก่ประชาชนเป็นเรื่องยาก จึงตัดสินใจชวนประชาชนมาทำพรรคการเมืองของประชาชน
"ผมซึ่งเป็นคนคิด ถูกมันทุบโจมตีเสียจนน่วม มันทำลายภาพพจน์ชื่อเสียง"
"สุเทพ" ยังโอดครวญว่าถ้าตนเองมักใหญ่ใฝ่สูงก็คงจะเอาตำแหน่งมาครองเอง แต่ไม่ขอรับตำแหน่ง แต่จะมาห้ามให้ตนไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองไม่ได้ เพราะมีอุดมการณ์ที่จะสร้างพรรคการเมืองเพื่อประชาชน
แม้ว่า "สุเทพ" จะโชว์โวหารแทงกั๊กไม่ได้บอกว่าวายร้ายตัวใหม่เป็นใคร ?
แต่พอขยายความลงไปว่า "มันน่ากลัวมาก กำแหงมาก มันแสดงท่าทีชัดเจนว่าไม่เอาอะไรสักอย่าง ไม่เอาขนบธรรมเนียมวัฒนธรรมอะไรทั้งนั้น และมีคนบ้าตามมันเยอะอีกต่างหาก น่ากลัวมาก"
ตรงนี้นี่เองที่โลกโซเชียลฯ โดยเฉพาะฝั่ง"ชาวไร่ส้ม" ผู้นิยมพรรคอนาคตใหม่ ภายใต้การนำของ "ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ" ผู้ซึ่ง นิด้าโพล เพิ่งยกเป็น "นายกฯในดวงใจ" เหนือ "ลุงตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จับประเด็นได้ว่า "อีตาลุงกำนัน" จงใจว่าพรรคที่เป็นที่รักแน่ๆ เลยลุกเป็นไฟ จัดชุดใหญ่ ตั้งคำถามกันว่า ไหน..ใครกันแน่ "วายร้าย" โดยย้ำไปที่แผลของ "ลุงกำนัน" ที่ "รับใช้ทหาร" และ "ตระบัดสัตย์"
บ้างก็ว่า"สุเทพ" ไม่คิดบ้างหรือว่าหนังที่มีแต่ตัวละครเดิมๆ แบบคนดีตัวเดิม เปลี่ยนแค่หน้าตาตัวร้าย บทอะไรเดิมหมด คนดูเขาไม่ได้โง่นะสุเทพ ฝากบอกผู้กำกับหน่อย คนเขาเบื่อกันทั้งประเทศ...
ร้อนถึง "สมศักดิ์ เทพสุทิน" รมว.ยุติธรรม ต้องออกโรงมาเตือนสติ วอนสุเทพ เทือกสุบรรณ ลดการแสดงความเห็นที่สร้างความขัดแย้งมากขึ้น ... การเมืองเปลี่ยนผ่านมาถึงจุดนี้ ความเป็นไป และใครคือ "วายร้าย" นาทีนี้ ลุงไม่ต้องบอก สาธุชนคนเขารู้ได้เองแหละ พูดไปพูดมาจะเข้าตัวเองเปล่าๆ
ลดเสี้ยม ลดความเห็นที่ขัดแย้งอย่างที่รมว.ยุติธรรมว่า ดีกว่ามั้ย
เพลาๆ หน่อยเถอะลุงกำนัน!
**"ชัช เตาปูน" รวมส.ส. 8 เสียง ตั้งกลุ่มกิจสังคมใหม่ หนุนรัฐบาล ผ่านงบฯ 63-ศึกซักฟอก เพื่อความชอบธรรมที่จะมีโควตารัฐมนตรี งานนี้ "สุวัจน์" นั่งไม่ติด
ไม่ว่า "หมอดู" จะทำนายทายทักเรื่องเศรษฐกิจ การเมือง ในปี 2563 ว่าดี ร้ายอย่างไร แต่ปัญหาที่ "รัฐบาลลุงตู่" ต้องฝ่าฟันไปให้ได้ ก็คือการผ่าน ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 63 และศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่เปรียบเสมือน "ไฟต์บังคับ" ต้องเจอตั้งแต่ช่วงต้นปี
ในเรื่อง พ.ร.บ.งบประมาณนั้น ขณะนี้ กรรมาธิการวิสามัญพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 วงเงิน 3.2 ล้านบาท พิจารณาเสร็จแล้ว โดยในภาพรวมได้ปรับลดลงไป 1.6 หมื่นล้านบาท และจะนำเข้าสู่การพิจารณา ของสภาผู้แทนราษฎร วาระ 2 วาระ 3 ประมาณวันที่ 8-9 ม.ค.63 และคาดว่าจะแล้วเสร็จ มีผลบังคับใช้ประมาณปลายเดือนก.พ. หรือต้นเดือน มี.ค. ปีหน้า
ส่วนการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ก็มีการโหมโรงกันมาพอสมควรแล้ว ล่าสุด "จิรายุ ห่วงทรัพย์" รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ก็ได้ออกมาประกาศแล้วว่า จะยื่น "ซักฟอกรัฐบาล" ในช่วงวันที่ 7-10 ม.ค.63 แล้วหลังจากนั้น ทางสภาฯ จะเป็นผู้กำหนดว่าจะเปิดอภิปรายกันวันไหน
ทั้งสองเรื่องนี้ ถ้าเกิดฝ่ายรัฐบาลแพ้โหวตในสภาฯ ในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ก็มีทางเลือกอยู่ 2 ทาง คือถ้าไม่ยุบสภาฯ รัฐบาลก็ต้องลาออก ซึ่งก็คือ จบเห่ !!
แม้ว่ารัฐบาลจะมีเสียงปริ่มน้ำ รวมจำนวนมือแล้วมากกว่าฝ่ายค้านไม่กี่มือ แต่ถ้าเป็นเรื่องคอขาดบาดตายอย่างนี้ เชื่อว่าฝ่ายรัฐบาลจะต้องผนึกกำลัง เพื่อผ่านวิกฤตนี้ไปให้ได้
เพื่อให้มั่นใจยิ่งขึ้น ถึงวันนั้นเราอาจจะได้เห็น "งูเห่า-พรรคเศรษฐกิจใหม่-กลุ่มกิจสังคมใหม่" มาร่วมโหวตหนุนรัฐบาล
กล่าวถึง "กลุ่มกิจสังคมใหม่" เป็นกลุ่มที่เพิ่งตั้งขึ้นใหม่ หัวขบวนนำโดย พรรคพลังท้องถิ่นไท ของ "ชัช เตาปูน" ชัชวาลล์ คงอดม โดยมี พรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย ของ"ดำรงค์ พิเดช , พรรคประชาธรรมไทย ของ"พิเชษฐ สถิรชวาล" และ พรรคไทยศรีวิไลย์ ของ"เต้" มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ มาร่วมขบวน รวมกันแล้วมีส.ส.อยู่ 8 เสียง ซึ่งพรรคของ "ชัช เตาปูน" มีส.ส.มากสุด คือเมื่อรับ "กวินนาถ ตาคีย์" ส.ส.ชลบุรี ที่ถูกขับออกจากพรรคอนาคตใหม่ เข้าร่วมพรรคแล้วก็มีส.ส.รวม 4 คน
"พิเชษฐ สถิรชวาล" ประกาศมาแล้วว่า วันที่ 6 ม.ค.ที่จะถึงนี้ จะสลายการเป็น "ฝ่ายค้านอิสระ" ไปทำงานเป็นฝ่ายรัฐบาลในนาม "กลุ่มกิจสังคมใหม่" และถ้าพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบ โอกาสที่ทางกลุ่มจะมีส.ส.เพิ่มจาก 8 ไปเป็น 20 เสียงก็เป็นได้ เพราะได้พูดคุยกันไว้บ้างแล้ว
สำหรับนักการเมืองแล้วคงไม่มีใครปฏิเสธคำกล่าวที่ว่า "การเมืองเป็นเรื่องต่อรองผลประโยชน์"... ถ้าจะพูดให้สุภาพ โดยไม่มีคำว่า"ผลประโยชน์" ก็คงต้องใช้คำว่า "เก้าอี้รัฐมนตรี" จะเหมาะและตรงเป้ากว่า...แน่นอนว่าการโหวตหนุนรัฐบาลของกลุ่มกิจสังคมใหม่ ย่อมต้องมีสัญญาใจกันบางประการ
ในกลุ่มกิจสังคมใหม่นี้ พรรคพลังท้องถิ่นไท มีโอกาสที่จะได้ตำแหน่งรัฐมนตรีมากสุด เพราะตอนนี้มีแล้ว 4 เสียง ซึ่งก่อนหน้านี้ในช่วงตั้งรัฐบาล "ชัช เตาปูน" ก็พยายามเจรจามารอบหนึ่งแล้ว แต่ก็ได้เพียงตำแหน่ง ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มาให้ "ชื่นชอบ คงอุดม" ลูกชายหัวแก้วหัวแหวน... คราวนี้หากผ่านการโหวต 2 เรื่องสำคัญที่กล่าวข้างต้นแล้ว คงถึงคิวเก้าอี้รัฐมนตรีเสียที
สำหรับ"ชื่นชอบ คงอุดม" ก็ไม่ใช่นักการเมืองหน้าใหม่ แต่ผ่านการเป็น ส.ส.บางซื่อ พรรคประชาธิปัตย์มาแล้ว วันนี้เป็นผู้ช่วยรมว.คลัง จุดหมายปลายทางย่อมอยู่ที่ตำแหน่งรัฐมนตรี และถึงวันที่จะเป็นได้แล้ว
ตรวจดูคณิตศาสตร์การเมืองเบื้องต้นแล้ว พรรคที่จะได้รับผลกระทบถ้ามีการ "ปรับโควตา" กันใหม่ ก็คือพรรคชาติพัฒนา ที่มี "สุวัจน์ ลิปตพัลลภ" เป็นซีอีโอ ซึ่งตอนนี้มีอยู่ 3 เสียง แต่ได้ส่ง "เทวัญ ลิปตพัลลภ" มานั่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ตามสัญญาใจที่ให้กันไว้ช่วงตั้งรัฐบาล
ดังนั้น จึงเห็นว่า ในช่วงนี้ "สุวัจน์ ลิปตพัลลภ" ได้เริ่มออกมาแสดงตัวตนแล้ว หลังจากที่เก็บตัวเงียบมาพักใหญ่ ...ไม่แน่ อาจจะเห็นส.ส. พรรคอนาคตใหม่ อีก 3 ที่ถูกขับออก ไปเข้าสังกัดพรรคชาติพัฒนาก็ได้ เพื่อเป็นการเสริมแกร่ง ... แต่เมื่อถูกนักข่าวถามถึงเรื่องนี้ ก็ได้รับคำตอบ ทำนองว่า เป็นเรื่องการตัดสินใจของแต่ละคน และไม่รู้ว่าเขาย้ายไปที่ไหนกันบ้าง เอาเป็นว่าถ้ามาอยู่ฝั่งรัฐบาล ก็ทำให้รัฐบาลมีเสถียรภาพมากขึ้น ส่วนจะอยู่พรรคไหน ไม่เป็นไร เป็นห่วงเสถียรภาพภาพรวมของรัฐบาลมากกว่า...
แต่ระดับ "สุวัจน์" ที่คร่ำหวอดอยู่กับการเมืองมานาน เชื่อว่าย่อมมีวิธีที่จะรักษาเก้าอี้รัฐมนตรีไว้ได้
ดังนั้น ปัญหานี้จึงไปตกที่ "ลุงตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพราะหลังจาก โหวต ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ ผ่านศึกซักฟอกแล้ว การ "ปรับครม." ก็จะเป็นไฟต์บังคับในสเต็ปต่อไป
การรื้อโควต้ารัฐมนตรี เพื่อเกลี่ยดุลอำนาจระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล จึงดูเหมือนว่าจะเป็นปัญหาที่น่าหนักอกหนักใจไม่น้อยสำหรับ"ลุงตู่" ... แต่เมื่อตรวจดูไทม์ไลน์แล้ว หากมีการยุบพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งอาจจะเกิดก่อนการปรับครม. บรรดาพรรคร่วมรัฐบาล ที่อยู่ในโซนอันตรายสำหรับการคิดโควตารัฐมนตรี ย่อมต้องออก"ชอป" ส.ส.มาตุนไว้ในพรรค
เมื่อถึงเวลานั้น ปัญหาเสียงปริ่มน้ำก็จะหมดไป เหลือเพียงการจัดโควตา บาลานซ์อำนาจในพรรคร่วมรัฐบาล ...ถ้า"ลุงตู่" จะอยู่ยาว ก็ต้องจัดการตรงนี้ให้ได้ ...ซึ่งก็ไม่น่าเป็นห่วงนัก เพราะรัฐบาลที่ผ่านๆมา ล้วนต้องมีการปรับครม.กันทั้งนั้น คงไม่มีพรรคการเมืองไหนถอนตัวจนทำให้รัฐบาลล้มคว่ำลงไปได้
โดยเฉพาะในสถานการณ์ทางการเมืองขณะนี้ คงที่ไม่มีพรรคการเมืองไหน ต้องการลงสนามเลือกตั้งกันใหม่ หากยังไม่มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ