"โสภณ องค์การณ์"
ทุกครั้งเมื่อถึงวาระผู้บัญชาการทหารกองทัพต่างๆ รับหน้าที่ใหม่มักจะประกาศแนวนโยบายและทิศทางของการบริหารหน่วยงานเหมือนกับเป็นพันธะสัญญาให้ประชาชนได้รับรู้ว่าภายใต้การนำของตนเองนั้น ประชาชนควรคาดหวังอะไรบ้าง
ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวมักสอบถามผู้นำเหล่าทัพว่ามีอะไรหรือใครสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการรัฐประหารอีก เพราะเป็นตัวถ่วงและขัดขวางการพัฒนาการเมืองระบอบประชาธิปไตยโดยตลอด
ชาวบ้านได้ยินคำตอบ ด้วยน้ำเสียงขึงขัง มาดเข้มว่าการปฏิวัติรัฐประหารไม่เหมาะสมกับยุคสมัย และไม่ควรจะมีปัจจัยที่ก่อให้เกิดสภาวะเช่นนั้น
เป็นคำตอบมาตรฐานตามธรรมเนียมปฏิบัติและดูเหมือนจะเป็นคำถามที่จำเป็นสำหรับผู้สื่อข่าวซึ่งมองว่าการเมืองด้อยพัฒนาในบ้านเรานั้นถึงอย่างไรการรัฐประหารมักจะเป็นทางเลือกเสมอ
ในหลายครั้งมีข้ออ้างว่าทหารจะต้องเข้ามาแก้ไขความขัดแย้งของมวลชนหรือการทุจริตประพฤติมิชอบของนักการเมือง ผลสุดท้ายข้ออ้างก็เป็นเพียงคำอ้างเพื่อการเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์และสร้างความมั่งคั่งให้ตัวเองและพวกพ้อง
ชาวบ้านจึงได้เห็นว่าทุกยุคเป็นการรัฐประหารแล้วรวยเสมอ ยังไม่เคยมีนักรัฐประหารรายใดอยู่ในอำนาจแล้วออกไปแบบยากจน
ทุกครั้งผลของการรัฐประหารแสดงเหตุโอกาสที่สูญเสียไปเพราะข้อพิสูจน์ชัดเจนก็คือ ไม่ว่าจะเป็นผู้นำการเมืองจากการรัฐประหารหรือการเลือกตั้งก็ล้วนเป็นตัวแทนของกลุ่มผลประโยชน์ ทับซ้อนและแฝงเร้นประชาชนต้องทนกับผลพวงซึ่งมักเป็นความเดือดร้อนในการดำรงชีพ
คำประกาศของผู้นำเหล่าทัพและโดยเฉพาะเจาะจงคือกองทัพบก จึงเป็นเพียงธรรมเนียมปฏิบัติให้คนฟังแล้วเชื่อง่าย ได้เคลิบเคลิ้มอยู่ในโลกสวยโดยหลงเชื่อว่าผู้กลุ่มอำนาจรัฐจะดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนด้วยจิตใสซื่อบริสุทธิ์ ไม่คดโกง
เมื่อการเมืองจะเป็นแบบ new normal แล้ว ส่วนกองทัพก็คงต้องปรับเข้าสู่โหมดเดียวกันและน่าจะมีคำถามและคำตอบที่ให้ผลทางสร้างสรรค์
ชาวบ้านอยากฟังคำประกาศด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด เข้มแข็งของผู้นำเหล่าทัพว่า
- กองทัพจะไม่ยุ่งกับการเมืองและจะเน้นบทบาทหลักก็คือป้องกันรักษาความสงบและอธิปไตยของประเทศจากการรุกรานจากภายนอก ปล่อยให้การเมืองแก้ด้วยการเมืองไม่ว่าจะเป็นปัญหาอะไรหรือเกิดภาวะทางตัน
- กองทัพจะไม่เป็นเครื่องมือของการยึดอำนาจหรือทำรัฐประหารหรือสนับสนุนรัฐบาล ซึ่งออกแนวพฤติกรรม ยึดอำนาจหรือเผด็จการไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใด
- บุคลากรของกองทัพจะไม่เข้าไปแสวงหาผลประโยชน์ในธุรกิจหรือมีพฤติกรรมโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือเป็นอันตรายต่อศีลธรรม โดยเฉพาะการคุ้มครองธุรกิจสีเทาที่ผิดกฎหมายทุกรูปแบบ
- หน่วยงานกองทัพจะเปิดเผยข้อมูลต่างๆ ในโครงการจัดซื้อจัดหาอาวุธยุทธโทปกรณ์เพื่อไม่ให้เกิดข้อครหาว่ามีการทุจริตคอร์รัปชั่น
- กองทัพจะมีการแต่งตั้งบุคลากรในตำแหน่งต่างๆ บนพื้นฐานของความโปร่งใส ความรู้ความสามารถของแต่ละบุคคลจะละเว้นการเล่นพรรคเล่นพวก ซื้อขายตำแหน่งอย่างเด็ดขาด
- ทหารเกณฑ์หรือประจำการในรูปแบบใดจะได้รับการปฏิบัติเยี่ยงบุคคลสำคัญซึ่งมีภาระป้องกันชาติเพื่อให้สมกับเกียรติภูมิและภาระหน้าที่ จะไม่ถูกใช้งานที่มีเกี่ยวข้องกับภารกิจของกองทัพดังที่เคยเกิดขึ้นและสร้างความเสื่อมเสียต่อสถาบันทหาร
คำประกาศเช่นนี้และมีการกระทำเกิดขึ้นจริง จะได้ฟื้นฟูเกียรติภูมิ เกียรติยศ ความน่าเชื่อถือ และความศรัทธาจากประชาชนที่มีต่อทหาร มิใช่อยู่ในสภาวะปัจจุบันที่มีแต่ความสงสัยในบทบาทและหน้าที่ของผู้นำเหล่าทัพซึ่งมักขึ้นอยู่กับผู้นำการเมือง
ถ้าเป็นเช่นนี้ในโลกแห่งความจริงก็จะไม่มีข่าวเรื่องบุคลากรในกองทัพหรือคนมีสีไปรับงานตามแหล่งบันเทิง เดินตามหลังผู้มีอิทธิพล หรือมีบทบาทยุ่งเกี่ยวกับการเมืองเพื่อรับผลประโยชน์แต่สร้างความเสียหายให้กับบ้านเมือง
แนวทางปฏิบัติและเงื่อนไขที่เอ่ยมาข้างต้นไม่ใช่เรื่องยากที่จะทำตาม ถ้าหากผู้นำของหน่วยในกองทัพต่างๆ จะไม่มุ่งหวังการแสวงหาผลประโยชน์โดยไม่ชอบหรือจากกิจกรรมผิดกฎหมาย ไม่ว่าตัวเองจะมีส่วนร่วมอย่างไรหรือเป็นผู้คุ้มครอง
รัฐบาลปัจจุบันมีอดีตผู้นำกองทัพบก 3 คนอยู่ในตำแหน่งสำคัญ สามารถควบคุมกองทัพได้อย่างเด็ดขาด เพียงแต่ว่าไม่ได้รับการพัฒนาให้เป็นทหารอาชีพแทนการอิงอยู่กับการเมืองเพื่อผลประโยชน์
เมื่อกลุ่มผู้กลุ่มอำนาจไม่ได้มุ่งหวังทำงานเพื่อผลประโยชน์ของคนส่วนใหญ่จึงทำให้อนาคตของการเมืองไทยอยู่ในภาวะน่าสงสารเป็นอย่างยิ่งนัก
โครงสร้างการเมืองจึงไม่สามารถแก้ไขได้ง่ายเพราะถูกยกผลประโยชน์เป็นเรื่องสำคัญจึงมีแต่ข่าวเรื่องการรับสินจ้างในรูปแบบต่างๆ ในโลกสกปรกและอบายมุข
ถ้าผู้นำประเทศไม่ใส่ใจและไม่อยากปฏิรูปเพราะหวังพึ่งกองทัพให้เป็นฐานการเมือง บ้านเราคงจะยากสำหรับการพัฒนาอย่างจริงจังให้เป็นประชาธิปไตยที่คนส่วนใหญ่ยอมรับได้
ประเทศไทยจึงอยู่ในสภาพที่ดูแล้วน่าสงสารเพราะในกลุ่มผู้กลุ่มอำนาจมันไม่มีใครรักชาติด้วยความใจซื่อมือสะอาด มีแต่กลุ่มผลประโยชน์ทั้งนั้น