“ศรีพันวา” ทัวร์ลง บทเรียน “บิ๊กเบิ้ม” ที่ “ปลาวาฬ” ต้องแบกรับ

ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - ปฏิเสธไม่ได้ว่าการเคลื่อนไหวการเมืองแต่ละยกจะมีกระแสต่างฝ่ายต่างล่าขั้วตรงข้ามความคิด มารอบนี้หลังการชุมนุมใหญ่ 19 กันยาฯ ของกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ที่มีมวลชนเข้าร่วมอย่างล้นหลามแล้ว โลกออนไลน์ยังระดมติดแฮชแท็ก #แบนศรีพันวา จนทะยานขึ้นอันดับ 1 เทรนด์ทวิตเตอร์ หลังการเลิกม็อบไปสองสามวันเพราะหนุ่มไฮโซเจ้าของศรีพันวาโพสเรียกแขก

ต้นตอของการเรียกทัวร์ลง #แบนศรีพันวา สืบเนื่องมาจากไฮโซ “ปลาวาฬ” นายวรสิทธิ์ อิสสระ ทายาทตระกูลชาญอิสระ เจ้าของอาณาจักรรีสอร์ทศรีพันวา จ.ภูเก็ต ได้โพสภาพของ “รุ้ง” นางสาวปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล  แกนนำแนวร่วมธรรมศาสตร์ฯ บนเวทีปราศรัยที่สนามหลวง ลงในไอจีพร้อมเขียนข้อความด่าทอรุนแรงเป็นภาษาอังกฤษว่า This bullsh t has got to stop...she is not thai! Who is he working for ? This one need to bo in prison How dear(dare) u! ซึ่งแปลได้ประมาณว่า "เXอะไรเนี่ย ต้องหยุดได้แล้ว เธอมันไม่ใช่คนไทย เธอทำงานให้ใคร ? คนพวกนี้ต้องติดคุก เธอบังอาจมากนะ" แถมยังมีการอัดคลิปด่าเป็นภาษาอังกฤษ ประมาณว่า "เXอะไรเนี่ย" และ "Arrest the child" หมายถึง ให้จับพวกเด็กๆ เหล่านี้ซะ

ไม่แต่ “รุ้ง” เท่านั้นที่โดน ทางไฮโซ “ปลาวาฬ” ยังเข้าไปคอมเม้นท์ในไอจีของ มารีญา พูลเลิศลาภ มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2017 ที่โพสต์รูปร่วมชุมนุมที่สนามหลวงเมื่อวันที่ 19 กันยาฯ ว่า Don"t do it... – อย่าทำแบบนี้ กลายเป็นกระแสดรามาเรียกแขกจนร้อนฉ่าในทันที โดยเฉพาะในโลกทวิตเตอร์ส่งผลให้แฮชแท็ก #แบนศรีพันวา พุ่งทะยานติดเทรนด์ ก่อกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันอึกทึกครึกโครม

ในวันถัดมา ไฮโซ “ปลาวาฬ” ก็ออกตัวมาลดกระแสตามเนื้อความ “ความคาดหวังกับความจริงเรื่องม็อบ 19 กันยายน” ผ่านอินสตาแกรม ลงวันที่ 20 กันยายน ระบุข้อความว่า ก่อนหน้านี้คาดหวังว่าจะได้รับฟังแนวคิดที่มีประโยชน์และอาจแตกต่างจากคนรุ่นหลาน อยากรู้ว่าต้องการอะไรถึงก่อม็อบ พร้อมหวังว่าจะได้เห็นนักศึกษาขึ้นเวทีแสดงวิสัยทัศน์ของตนต่อนาคตของประเทศ เพื่อให้คนรุ่นเราได้รู้ว่าลูกหลานมีปัญหาตรงไหน คาดหวังว่าหลานๆ จะเสนอแนวคิดในการเดินหน้าอนาคตไทยสร้างสรรค์ในมุมมองของเขา กระทั่งพบความจริงที่ได้จากม็อบดังกล่าวว่าไม่ได้เป็นไปตามคาดหวัง และไม่เห็นประโยชน์ของการจะสนับสนุน อีกทั้งการปักหมุดคณะราษฎร 2563 ไม่ได้ช่วยลดเรื่องความเหลื่อมล้ำ หรือทำให้คนไทยเกิดความสามัคคีแต่อย่างใด

ต่อมา ยังบอกถึงความในใจถึงม็อบ 19 กันยาฯ ด้วยว่า ไม่ได้ต่อต้านที่ออกมาเรียกร้องสิทธิ์ต่างๆ หรือต่อว่ารัฐบาล ตนเองเห็นด้วยในบางจุด แต่การมายืนด่าการอยากแก้ไขกฎหมายให้สามารถต่อว่าได้มันเกินขอบเขตที่จะรับได้ โดยยกเหตุผลว่าบ้านเมืองเรามีวัฒนธรรมที่สวยงาม มารยาทการเคารพผู้ใหญ่ ควรรักษาไว้ โกรธได้ เรียกร้องสิทธิ์ได้แต่ควรอยู่ในขอบเขตของกฎหมาย การที่ไม่มีใครทำอะไรกับคนที่กระทำผิดกฎหมายทำให้คิดว่ากฎหมายไม่มีค่าอะไร “.....พวกคุณมีสิทธิเสรีภาพที่จะเรียกร้องการเปลี่ยนแปลงใหม่ ผมเห็นด้วย แต่ควรอยู่ในขอบเขตตามกฎหมาย เพราะคุณคืออนาคตใหม่ของประเทศ”

แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ไม่สามารถเบรกอารมณ์แนวร่วมม็อบให้เบาลงได้ เวลาต่อมาจึงเห็นชาวเน็ตแห่รีวิวอาณาจักรรีสอร์ทศรีพันวา ที่พักหรูหราระดับห้าดาว ผ่านหน้าเว็บไซต์ Google จนทำให้คะแนนความพึงพอใจลดลงโดยตกลงมาอยู่ที่ระดับดาวกว่าๆ ซึ่งส่วนใหญ่แสดงความไม่พอใจเกี่ยวกับการให้บริการ ผู้บริหารของโรงแรม ไม่สนับสนุนธุรกิจโรงแรมแห่งนี้ ทั้งภาษาไทยและอังกฤษ

กระทั่ง เว็บไซต์ www.th.tripadvisor.com ซึ่งชาวเน็ตแห่ไปร่วมลงคะแนนความไม่พึงพอใจเป็นจำนวนมาก ได้ประกาศหยุดเผยแพร่รีวิวใหม่ชั่วคราว เนื่องจากเป็นการรีวิวที่ไม่ได้มาจากประสบการณ์โดยตรง โดยระบุว่า:“เนื่องจากเหตุการณ์ล่าสุดที่ดึงดูดความสนใจจากผู้คนผ่านสื่อและเป็นเหตุให้เกิดการส่งรีวิวเข้ามาจำนวนมหาศาลซึ่งไม่ได้แสดงถึงประสบการณ์จริงจากการท่องเที่ยว เราจึงได้หยุดเผยแพร่รีวิวใหม่ของสถานที่ให้บริการแห่งนี้ชั่วคราว หากคุณได้เคยมีประสบการณ์จริงที่สถานที่ให้บริการแห่งนี้ โปรดกลับมาตรวจสอบอีกครั้ง – เรารอรับรีวิวของคุณอยู่!”

ขณะเดียวกัน ไฮโซ “ปลาวาฬ” ก็ยังเคลื่อนไหวต่อโดยโพสวิดีโอแจ้งเหตุตัดสินใจยกเลิกงานปาร์ตี้ดีเจ Baba Beach Club Takeover BEAM 2020 ซึ่งเตรียมจัดขึ้นในคืนวันพฤหัสที่ 24 กันยายน ที่ผับย่านทองหล่อ ว่ามี “พวกเด็กหรือพวกคนโง่ (some kids, some idiots)” เขียนข้อความว่าจะมาสร้างความเสียหายที่งาน การยกเลิกงานนั้นตนเองไม่ได้กลัว แต่ไม่อยากให้กลุ่มคนที่บอกว่าจะมาทำเช่นนั้น “ดูโง่กว่าเดิมหรือต้องถูกจับ”

เอาเป็นว่าเมื่อ “ปลาวาฬ” ไม่หยุด การไล่ล่าถล่ม “ปลาวาฬ” ก็ไม่หยุดเช่นเดียวกัน มีรายการขุดกันไป แชร์กันไป ถามว่าไฮโซปลาวาฬ เป็นใคร? ก็ต้องบอกว่า ชื่อเสียงของ “ปลาวาฬ” นั้นในแวดวงไฮโซรู้จักกันดีในฐานะลูกชาย นายสงกรานต์ อิสสระ บิ๊กบอสใหญ่ บมจ.ชาญอิสสระ ดิเวลลอปเมนท์ จำกัด นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังของเมืองไทย

ส่วนตัวของไฮโซปลาวาฬ โปรไฟล์ก็ไม่ธรรมดา การศึกษาและการใช้ชีวิตวัยเด็กจนถึงวัยทำงานอยู่ต่างประเทศ เคยเรียนโรงเรียนประจำที่ Protregis ประเทศอังกฤษ และจบปริญญาตรี ที่ DCTInternational Hotel & Business Management ก่อนที่จะก่อตั้งและเป็นผู้บริหารศรีพันวา รีสอร์ตสุดหรู “ปลาวาฬ” ผ่านการเป็นพนักงานล้างจาน เสิร์ฟอาหาร ในร้านอาหารไทย ไปจนถึงการเป็นบาร์เทนเดอร์ ในผับหรูของอิตาลี

เมื่อมาทำธุรกิจชื่อเสียงของไฮโซปลาวาฬ ในวงการจึงมาพร้อมความอลังการของอาณาจักรศรีพันวา รีสอร์ทสุดหรูที่ตั้งบนเนินเขาปลายสุดของแหลมพันวาเกาะภูเก็ต การไล่ล่าปลาวาฬ พร้อม #แบนศรีพันวา ที่เขาเป็นเจ้าของอยู่ จึงได้รับความสนใจจากสังคมและแนวร่วมม็อบที่พร้อมรุมถล่มใครก็ตามที่ออกมาขวางหรือมีความคิดที่ไม่เข้าทางกัน

ขณะเดียวกัน ต้องไม่ลืมว่า “ปลาวาฬ” เป็นคนที่ชอบเคลื่อนไหวทางการเมือง และรับรู้กันว่าเป็นติ่งที่มีใจผูกพันอยู่กับกลุ่ม กปปส. ในอดีต หากจะบอกว่าเป็น  “สลิ่ม”  ที่ถูกหมายหัวไว้ก่อนหน้าก็ว่าได้ ด้วยเหตุฉะนี้ ความแรงของศึกดรามารอบนี้จึงเพิ่มทวีคูณ

และต้องไม่ลืมเช่นกันว่า เมื่อรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เชิญนักธุรกิจเข้าพบปะเพื่อหาทางพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก และเปิดเวทีรับฟังข้อคิดเห็นจากนักธุรกิจที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา “ปลาวาฬ” ก็เป็น 1 ใน 70 นักธุรกิจที่ยกทีมเข้าร่วมงานในวันดังกล่าวด้วย และมีรูปถ่ายกับท่านผู้นำประเทศ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ดังนั้น จึงไม่แปลกที่แนวร่วมม็อบที่ไล่รัฐบาลจะพาโลมาไล่ล่า “ปลาวาฬ” เพราะถือว่าแหวกว่ายในฝูงเดียวกัน

กระแสในโลกโซเชียลก็รุมถล่มไม่ยั้ง อีกทางหนึ่งบรรดานักการเมืองขั้วตรงข้ามกับรัฐบาลที่มองหาประเด็นอยู่เป็นทุนเดิมก็ได้ที กระโดดเข้ามาตรวจสอบอาณาจักรศรีพันวาทั้งเรื่องการได้มาซึ่งเอกสารสิทธิ์ที่ดินที่ตั้งรีสอร์ทที่อยู่บนเนินเขา อีกทั้งยังตามไล่บี้สำนักงานประกันสังคม ที่เอาเงินไปลงทุนในพอร์ตศรีพันวาจนกลายเป็น  “ผู้ถือหุ้นใหญ่” 

โดยประเด็นการเข้าถือหุ้นศรีพันวานั้น นางพิศมัย นิธิไพบูลย์ รองเลขาธิการสำนักงานประกันสังคม ในฐานะโฆษกสำนักงานประกันสังคม ระบุว่า สำนักงานประกันสังคมลงทุนในกองทรัสต์ SRIPANWA ตั้งแต่เริ่มจัดตั้งกองทุนในปี 2556 มีอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนเฉลี่ยรายปีอยู่ที่ 6% และได้รับเงินปันผลจากการลงทุนแล้ว จำนวน 229 ล้านบาท ส่วนเรื่องเอกสารสิทธิ์ที่ดิน จากการตรวจสอบข้อมูลกับทางสำนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต ทราบเบื้องต้นว่า ที่ตั้งของโรงแรมมีเอกสารสิทธิถูกต้อง ประกอบด้วย น.ส.3 จำนวน 6 แปลง (ในจำนวนดังกล่าวยังมีแปลงอีกเล็กๆ อีกหลายแปลง) เนื้อที่รวม 50 ไร่เศษ และโฉนด จำนวน 2 แปลง เนื้อที่ประมาณ 5-6 ไร่ รวมเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 56 ไร่ อย่างไรก็ตามมีการตรวจสอบเบื้องต้น ที่ดินทั้งหมดไม่ได้อยู่ในที่ดินของรัฐทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นป่าไม้หรืออุทยานฯ ตลอดจนไม่ทับซ้อนกับที่ดินของหน่วยงานใด

ทั้งนี้ ที่ดินดังกล่าว เดิมเป็นของชาวบ้านในพื้นที่หมู่ที่ 8 ต.วิชิต อ.เมืองภูเก็ต ซึ่งเป็นแปลงเล็กๆ จำนวนหลายแปลง มีเอกสารสิทธิ์ ทั้ง น.ส.3 และ น.ส.3 ก. ก่อนที่บางแปลงจะมีการนำไปออกโฉนดภายหลัง โดยในส่วนของ “ศรีพันวา” มาซื้อเป็นลำดับที่ 3 และ 4 ซึ่งมีการดำเนินในเรื่องของเอกสารสิทธิมาก่อนหน้าแล้ว ขณะที่การจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมก็ทำอย่างถูกต้อง โดยที่ตั้งของโรงแรมอยู่บริเวณที่ 6 ได้แก่ พื้นที่ที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางตั้งแต่ 40 เมตร ถึง 80 เมตร ตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่จังหวัดภูเก็ต พ.ศ. 2560 ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า มีความสูงไม่เกิน 80 เมตรจากระดับน้ำในทะเลตามที่กฎหมายกำหนด จึงสามารถก่อสร้าง และในการขออนุญาตก่อสร้างได้มีการจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามที่กฎหมายเช่นกัน

กระแสม็อบที่ยังคงคุกรุ่น ก็ต้องติดตามกันต่อไปว่าใครจะเรียกแขก เจอแจ๊กพอต ทัวร์ลง เป็นรายต่อไป