ป้อมพระสุเมรุ
ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - ออกตัวแรงจัด จนต้องเปลี่ยนนามสกุลมาเป็น “พร้อมมาก”
รายของ “เจ้าพ่อมะขามหวาน” สันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ที่จุดตะไลโป้งป้าง ขันอาสาอัพเกรดขึ้นเป็น “รมว.คลัง” แทนที่ ปรีดี ดาวฉาย ที่ “ป่วยการเมือง” ด่วนตัดสินใจขอลาออกหลังรับตำแหน่งแบบตดยังไม่ทันหายเหม็น
น่าสนใจว่าเหตุใด “สันติ” ถึงใจกล้าราวกับกินดีหมีหัวใจเสือ เพราะรู้กันว่ากระทรวงยุทธศาสตร์แห่งนี้เป็น “โควตานายกฯ” ที่ไม่ไว้วางใจให้ “นักการเมือง” เข้ามากุมบังเหียนอย่างแน่นอน
อาจเป็นเพราะเซียนการเมืองอย่าง “สันติ” อ่านออกว่า “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ไร้ตัวเลือกที่จะให้มาเป็น “ขุนคลัง”
ยิ่งจากปฏิบัติการการอัปเปหิ “สี่กุมาร” มาถึงชะตากรรมของ “ปรีดี” ยิ่งสะท้อนถึงความอำมหิตของการเมืองไทยได้เป็นอย่างดี ยังไม่นับสภาวะเศรษฐกิจที่เข้าขั้นโคม่า ยากจะกระตุกให้เชิดหน้าได้
การเมืองโหดร้าย เศรษฐกิจย่ำแย่ เงื่อนไขแบบนี้ “คนนอก” เบียนหน้าหนีกันหมดแน่ โดยเฉพาะพวก “ไฮโปรไฟล์” ที่คงไม่อยากเอาชื่อมาทิ้งในภาวการณ์แบบนี้
เมื่อ “ไฮโปรไฟล์” ไม่บ้าจี้ด้วย ก็เป็นทีของพวก “ไฮโปรฟิท” ที่หวังลุ้นลึกๆ
ต้องไม่ลืมว่า ศึกในพรรคพลังประชารัฐ ที่ก่อการยึดพรรคตะเพิด “สี่กุมาร” พ้นทางไปได้ “สันติ” เป็นคนที่ออกตัวแรงมากที่สุดคนหนึ่ง แต่กลายเป็นว่า หลังปรับ ครม.ยังได้แต่ซอยเท้าอยู่ที่เดิม ทั้งที่ใจจริงหวังว่า จะได้ขึ้นเป็น รมว.คลัง หรือไปเป็น “ว่าการ” ที่อื่น ในฐานะที่เคยผ่านประสบการณ์ “กระทรวงเกรดเอ” มาแล้ว
เมื่อ “ปรีดี” ตัดสินใจชักปลั๊กตัวเอง ตัวเลือกในมือ “บิ๊กตู่” เข้าขั้นแห้งแล้ง “สันติ” ก็เลยได้กลับมา “ฝันใหญ่” อีกครั้ง โดยเชื่อว่ามีแบ็คอัพอย่าง “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ช่วยผลักดันอีกแรง
ด้วยเงื่อนไขแบบนี้ ไม่แปลกที่ “เสี่ยสันติ” จะประกาศแสดงความพร้อมออกมาอย่างชัดเจน ที่สำคัญไม่แค่โชว์กึ๋นด้านเศรษฐกิจการคลัง ที่เคลมว่ารู้หมดทุกเรื่อง เพราะอยู่ในตำแหน่งมาเกือบ 2 ปี ทั้งที่รัฐบาลเพิ่งอยู่มาได้ปีเศษ เท่านั้น
ยังพยายามเรียกคะแนนจิตพิสัยเพิ่มเติม โดยสวมวิญญาณ “สายเชลียร์” หยิบเอาเรื่อง “เรือดำน้ำ” มาพูดอวยสนับสนุนสุดลิ่มทิ่มประตู ให้เห็นว่าหากตัวเองได้เป็น “ขุนคลัง” ดันทะลุซอยแน่ พร้อมด้วยท่า “เบ่งกล้าม”
ทั้งที่วาระ “เรือดำน้ำ” ที่ต้องสะดุดเลนในชั้นคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2564 ที่ต้องงดจ่ายไป 1 งวด นั้น ก็เป็น กมธ.ที่ “สันติ” นี่แหละนั่งเป็นหัวโต๊ะ แต่คุมเกมไม่ได้ จนต้องให้กองทัพเรือต้องเดือดร้อนไปเจรจากับทางการจีนเพื่อขอชะลอการชำระค่าเรือดำน้ำไป 1 งวด
การที่ “สันติ” พยายามสานฝัน จนผลักตัวเองออกมาอยู่ใน “สปอตไลท์” ก็เลยฟื้นฝอยเรื่องในอดีตมาตามหลอกหลอน ทั้งคำถามที่ว่า ที่ผ่านมาอยู่กระทรวงใหญ่มาตลอดนั้น เคยมีผลงานใดได้รับการกล่าวขวัญถึงบ้าง
หรือตำนานสุดคลาสสิกของ “ลูกพ่อขุน” ในใหม่นักศึกษา ม.รามคำแหง เกี่ยวกับโดยการทุจริตสอบแทนกัน เมื่อปี 2542 ของชายคนหนึ่งที่ชื่อ “สมยศ มีสวัสดิ์” แต่ให้การต่อเจ้าหน้าที่ว่าตัวเองชื่อ “ศานติ พรหมภัทร” ที่บังเอิญใช้ใบขับขี่ของ “สันติ พร้อมพัฒน์” ไปสอบแทนในที่นั่งของ “สันติ พร้อมพัฒน์”
ก่อนที่ คณะกรรมการที่ปรึกษาของสภามหาวิทยาลัย (ทปม.) จะมีมติให้ลงโทษลบชื่อ “สันติ พร้อมพัฒน์” รหัสประจำตัว 4106562624 ออกจากทะเบียนนักศึกษา ทั้งนี้ ตั้งแต่สอบไล่ภาคฤดูร้อน ปีการศึกษา 2541 เป็นต้นไป สั่ง ณ วันที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2542 ลงชื่อ “รังสรรค์ แสงสุข” อธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง
แต่ทำไปทำมา “คดีพลิก” จากที่ “สันติ” ถูกลบชื่อออกจากการเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหงในปี 2542 กลับได้รับปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยแห่งนี้ในปี 2545 และจบปริญญาโทอีกใบในปี 2547
ทั้งที่ตามระเบียบแล้วคนที่ถูกลบชื่อออกจากมหาวิทยาลัยรามคำแหง จะไม่มีสิทธิ์กลับเข้ามาเรียนใหม่ได้
โดยอ้างว่าเกิดข้อผิดพลาดของฝ่ายวินัยที่ส่งชื่อมาผิดคน ผนวกกับมีการออกระเบียบล้างมลทินในปี 2542 ระบุให้ล้างมลทินให้แก่บรรดานักศึกษาที่ถูกลงโทษทางวินัย หรือผู้ถูกกล่าวหาว่าทำผิดวินัยนักศึกษา ให้ถือว่าผู้นั้นมิได้เคยถูกกล่าวหา หรือถูกลงโทษ หรือถูกลงทัณฑ์ทางวินัย นายสันติ จึงใช้ช่องทางนี้ และได้รับโอนหน่วยกิตคืนมาทั้งหมด และจบการศึกษาในปี 2545 ดังที่กล่าวอ้าง
แน่นอนว่า “สันติ” ไม่สะทกสะท้านกับข้อกล่าวหาดังกล่าว ยืนกระต่ายขาเดียวว่า จบการศึกษาที่ ม.รามคำแหง แล้ว ทั้งระดับ ป.ตรี-โท และไล่ให้ไปสอบถามทางมหาวิทยาลัยเอง โดยไม่กล่าวถึงกรณีที่ได้รับการล้างมลทินแต่อย่างใด
ไม่เท่านั้นยังบลัฟกลับคุยเขื่องด้วยว่า ตอนนี้เป็น “ว่าที่ดอกเตอร์” หลังจบการศึกษาในระดับปริญญาเอก ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง
“ผมจบดอกเตอร์แล้ว ที่ลาดกระบัง เมื่อ 6 เดือนที่แล้ว กำลังรอรับปริญญา” รมต.สันติ อวดไว้กับผู้สื่อข่าว
แต่พอถามจี้ว่าจบจากคณะไหน สาขาใด ก็ทำเอา “เสี่ยสันติ” ตกอยู่ในภวังค์ “เดดแอร์” อยู่ราวครึ่งนาที ก่อนจะบอกชื่อสาขาเพียงว่า ทำวิจัยเกี่ยวกับ “รถไฟฟ้า” เท่านั้น
จนมีคำถามว่า เพราะเรียนนานเกินไป จนหลงลืม หรือไปเรียนเองหรือเปล่า
ความผิดปกติเกี่ยวกับวุฒิการศึกษาของ “เสี่ยสันติ” ยังไม่จบ เมื่อมีการค้นข่าวเก่าๆก็พบว่า เมื่อครั้งเข้ารับตำแหน่ง รมว.คมนาคม นั้นใช้วุฒิการศึกษาในระดับปริญญาตรี ของคณะเทคโนโลยีการเกษตร ของวิทยาลัยบัณฑิตสกลนคร แทนการใช้วุฒิปริญญาตรีของ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ที่เคยใช้ในการสมัคร ส.ส.
โดยมีข้อมูลอีกว่า “วิทยาลัยบัณฑิตสกลนคร” ถูกเพิกถอนใบอนุญาตจัดตั้งมหาวิทยาลัย ไปแล้ว เพราะขายปริญญาบัตรให้กับผู้ที่จะต้องการสมัครเป็น ส.ส.ตามรัฐธรรมนูญ 2540 เป็นจำนวนมาก
ต่อตระกูล ยมนาค นายกสมาคมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ โพสต์ และนักวิชากาชื่อดัง ยังตั้งข้อสังเกตอีกว่า ถึงกรณีที่ “สันติ” อ้างว่าจบปริญญาเอก แต่กลับจำชื่อคณะ และชื่อเต็มสถาบันไม่ได้ว่า อาจเชื่อมโยงกับ “ข่าวใหญ่” เมื่อปี 2556
เป็นข่าวที่ระบุว่า มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ในยุคที่มีอธิการบดีชื่อ “ถวิล พึ่งมา” ถูกร้องเรียนว่า รับใช้นักการเมืองพรรคเพื่อไทย อัพเกรดดีกรีวุฒิการศึกษาเป็นดอกเตอร์ โดยรุ่นแรกมี ชิณนิชา วงศ์สวัสดิ์ ลูกสาว “เจ๊แดง” เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาว ทักษิณ ชินวัตร และ “เสี่ยเอี่ยม” อนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกพรรคเพื่อไทย (ในขณะนั้น) รวมอยู่
ขณะที่รุ่นที่ 2 มีชื่อ “เสี่ยสันติ” ที่ขณะนั้นเป็น รมว.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และบรรดา ส.ส.เพื่อไทย รวมทั้ง “พี่กี้ร์” อริสมันต์ พงษ์เรืองรอง แกนนำเสื้อแดงสายฮาร์ดคอร์ รวมอยู่ด้วย
แม้ “ตำหนิ” ด้านการศึกษาของ “สันติ” จะดูเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ก็ให้แง่คิดว่า กับแค่เรื่องการศึกษายังส่อเค้าไม่โปร่งใสขนาดนี้ หากมาเป็น “ขุนคลัง” เฝ้าคลังจะนำพา สมบัติชาติ ไปในทิศทางไหน
จนเชื่อแน่ว่า จากครหาที่ติดตัวมาในอดีต พร้อมด้วยภาพลักษณ์นักการเมืองจ๋า ตลอดจนมีประเด็น “โปรฟิท” เหนือกว่า “โปรไฟล์” แม้จะพยายามแค่ไหนก็ตาม “สันติ” ไม่ได้เฉียดใกล้แคนดิเดต “ขุนคลัง”คนใหม่ของ “รัฐบาลลุงตู่” อย่างแน่นอน
แต่ด้วยข้อจำกัดทางตัวเลือกของ “ลุงตู่” ที่มีอยู่จำกัดจำเขี่ย เป็นเหตุให้ไม่เร่งรีบในการตั้ง รมว.คลัง คนใหม่
พร้อมกับมีการชงชื่อโปรไฟล์เด่นอย่าง “เสี่ยตุ๋ย” พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกฯ ที่เพิ่งปิดจ็อบ กมธ.ศึกษาวิธีแก้ไจรัฐธรรมนูญ ที่สภาฯ ให้มาเป็นตัวเลือกในตำแหน่ง “ขุนคลัง” แม้อาจจะไม่ถนัดเศรษฐกิจการคลัง แต่ก็เป็นมือวางลำดับต้นๆที่ “นายกฯตู่” ไว้ใจ
เดิม “พี่ตู่” วางตัว “น้องตุ๋ย” ให้แต่งตัวรอ “ตำแหน่งใหญ่” ในอนาคต
แต่หากดูท่าแล้ว หมดทางเลือกจริงๆ ก็อาจต้องหยิบ “พีระพันธุ์” มาใช้ก่อน.