27 วัน ของ "ปรีดี ดาวฉาย" ในตำแหน่งรมว.คลัง เพียงพอจะตอกย้ำให้เห็นว่า ฤทธิ์เดชการเมืองยุคนี้ไม่ธรรมดาสมคำร่ำลือ เหมือนที่มีเสียงเตือนล่วงหน้า
ปัญหาหลักๆ ที่ ปรีดี ไม่สามารถทนพิษบาดแผลได้คือ แนวทางการทำงาน ที่ไม่สามารถเป็นอิสระได้ โดยเฉพาะการต้องเข้าใจบริบททางการเมืองด้วย
อย่างที่รู้กัน แม้ ปรีดี จะเป็นรมว.คลัง แต่ไม่ได้มีอำนาจจริงๆ เพราะสุดท้ายต้องเจอแนวทางการทำงานที่ต้องล้อกับงานการเมือง ที่ในกระทรวงการคลังมีคนชื่อ "สันติ พร้อมพัฒน์" รมช.คลัง อยู่ และคนนอกกระทรวงการคลัง ที่ใหญ่กว่าสันติ คือ “บิ๊กป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ
ในทัศนคติของ ปรีดี คือมีแต่เนื้องาน ในขณะที่ฝ่ายการเมือง กระทรวงการคลังควรเป็นกลไกสำคัญที่สามารถนำไปต่อยอดในพื้นที่ได้ รวมไปถึงการให้ความช่วยเหลือส.ส.ในพรรคพลังประชารัฐ
ปรีดี รู้ว่า ชีวิตของเขาจะไม่มีความสุขแน่หลังจากนี้ เพราะรับเรื่องพวกนี้ไม่ได้ ดังนั้นจึงรีบถอนตัวตั้งแต่เนิ่นๆ ก่อนที่จะนำชื่อมาทิ้งไว้
คนที่ต้องแบกโลกเอาไว้ตอนนี้คือ “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เพราะรู้ว่าการจะควานหาขุนคลังคนใหม่ไม่ใช่เรื่องง่าย
ลำพัง คนเก่ง ภาพลักษณ์ดีมีมากมาย แต่ปัญหาที่เจอมาตั้งแต่ยุคคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) คือไม่มีใครอยากเป็นรัฐมนตรีในสภาพเศรษฐกิจแบบนี้ หรือต้องมาทำงานกับฝ่ายการเมืองที่ขึ้นชื่อลือชาว่า ร้ายยิ่งกว่ายุคไหนๆ
เป็นรมว.คลัง ที่แทบไม่มีเครื่องไม้เครื่องมืออะไร เพราะกระทรวงเศรษฐกิจต่างอยู่ในการดูแลของพรรคร่วมรัฐบาล ในขณะที่พรรคพลังประชารัฐก็ฟังแต่เพียง “บิ๊กป้อม”เท่านั้น
การมาอยู่ตรงนี้ จึงเหมือนมาเป็น “พระอันดับ”เท่านั้น แต่อิสระในการทำงานแทบไม่มี
เมื่อครั้ง"กลุ่ม 4 กุมาร" อยู่ถือว่าหนักแล้ว แต่ยังโชคดีที่มี สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เป็นรองนายกรัฐมนตรี เพราะอย่างน้อยภาคธุรกิจ ตลาดทุน ต่างให้ความเคารพและเชื่อมั่น
ขณะเดียวกัน อย่างน้อย อุตตม สาวนายน อดีต รมว.คลัง ยังมีหัวโขนเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ยังพอรู้จักส.ส. นักการเมือง มากกว่า ปรีดี
แต่ขนาดกลุ่ม 4 กุมาร มีภูมิคุ้นกันพอสมควร ยังไม่สามารถเอาตัวรอดพ้นไปจากกรงเล็บของนักการเมืองเหล่านี้ได้ นับประสาอะไรกับ ปรีดี ที่เป็นนายแบงก์ขนานแท้ ไม่มีกลิ่นการเมืองเจือปน
ต่อให้หลังจากนี้“บิ๊กตู่”จะหว่านล้อมให้ใครเข้ามาเป็นก็คงจะยาก ด้วยปัจจัยเหล่านี้ นี่จึงเป็นโจทย์ที่แสนยากมากที่สุดครั้งหนึ่งสำหรับการหาตัว “ขุนคลัง” คนใหม่ มาเพื่อกระชากความเชื่อมั่น
สำหรับสเปก รมว.คลังคนใหม่ “บิ๊กตู่”เองก็คงเห็นปัญหาแล้วว่า การให้มืออาชีพมาทำ โดยปราศจากภูมิคุ้มกันจากฝ่ายการเมือง มันทำร้ายคนที่ถูกชักชวนมาแค่ไหน ดังนั้นคนต่อไปจะต้องเป็นคนที่เป็นมืออาชีพ พร้อมกับเข้ากันได้กันวัฒนธรรมแบบการเมืองไทย
แน่นอนว่า สันติ เป็นฝ่ายการเมือง เป็นสายตรง “บิ๊กป้อม”ทำงานอยู่ในกระทรวงการคลังมาปีกว่า และที่สำคัญเขาปรารถนาอยากจะเป็น รมว.คลัง ใจจะขาด เพราะเคยเป็นใหญ่เป็นโตมาก่อน ไม่ค่อยแฮปปี้กับการต้องมานั่งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการ แต่นั่นมันไม่เพียงพอ เพราะชื่อชั้นของ สันติ ไม่สามารถเรียกความเชื่อมั่นได้
ต่อให้ “บิ๊กป้อม”จะสนับสนุนโดยมองมิติทางการเมือง แต่ในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ การผลักดัน สันติ ขึ้นเป็น รมว.คลัง นอกจากจะไม่ช่วยฟื้นฟูความเชื่อมั่นแล้ว อาจยิ่งเป็นการฉุดให้เลวร้ายลง
แม้จะมีอีกสูตรว่า จะโยกเอา นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมช.แรงงาน มาเป็นรมช.คลัง ของสันติ แต่ทั้งคู่ไม่สามารถเรียกความเชื่อมั่นได้อยู่ดี
ความร่วมมือกับภาคเอกชน ภาคธุรกิจ อาจจะไม่ราบรื่นเหมือนแต่ก่อน
ขณะที่ ไพรินทร์ ชูโชติถาวร อดีต รมช.คมนาคม ชื่อนี้ “บิ๊กตู่”เองก็หมายตาหมายใจ แต่ฝ่ายการเมืองในพรรคพลังประชารัฐไม่เอา ถึงขั้นขุดบาดแผลเรื่องคดีความในสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เมื่อครั้งเป็นผู้บริหารพลังงานมาขู่
นี่จึงเป็นโจทย์ที่ “บิ๊กตู่”เองก็ต้องกลับไปคิดเหมือนกันว่า ถ้าเลือกใครคนใดคนหนึ่งที่ในพรรคพลังประชารัฐต่อต้าน อาจจะมีปัญหาเรื่องเสียงโหวตในสภาผู้แทนราษฎรเหมือนกัน และอาจทำให้บุคคลๆ นั้น ฝ่อไม่กล้ามาอีก
ส่วน "กรณ์ จาติกวณิช" อดีต รมว.คลัง แม้ชื่อชั้นจะได้ แต่แน่นอนว่า กรณ์ เป็นคนนอกพรรคพลังประชารัฐ และเป็นอดีตคนประชาธิปัตย์ อาจถูกมองว่า มาคาบชิ้นปลามัน โดยไม่ลงทุนอะไรเลย สุดท้ายจะถูกต่อต้านอยู่ดี
มองไปที่อดีตข้าราชการ ซึ่งเป็นสเปกของ “บิ๊กตู่”ชื่อของ "ทศพร ศิริสัมพันธ์" เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ มาแรงกว่าใคร โดยติดโผตั้งแต่ ครม.ประยุทธ์ 2/2 แต่สุดท้ายได้บอกกับ “บิ๊กตู่”ว่า ขออยู่จนเกษียณอายุราชการ ซึ่งจะเกษียณในวันที่ 30 กันยายนนี้
ซึ่งก็ประจวบเหมาะพอดีอีกไม่กี่วัน แต่ปัญหาของ ทศพร คือมีความเป็นข้าราชการสูง นักการเมืองหลายคนไม่ชอบ เนื่องจากเป็นผู้กลั่นกรองโครงการต่างๆ ในงบฟื้นฟู 4 แสนล้าน ซึ่งเขาปฏิเสธไปหลายโครงการ การทำงานกับฝ่ายการเมืองก็อาจจะมีปัญหา
อีกคนที่ไม่มีใครเอ่ยถึงคือ "ประสงค์ พูนธเนศ" ปลัดกระทรวงการคลัง ที่กำลังจะเกษียณในสิ้นเดือนนี้เหมือนกัน แน่นอนว่า ชื่อนี้อาจเรียกความเชื่อมั่นอะไรไม่ได้ แต่เป็นคนที่ทำงานกับฝ่ายการเมืองได้ดี มาตั้งแต่ยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
หากเอาแค่พอขัดตาทัพ ทำงานเป็น ประสานการเมืองได้ ก็มองข้ามชื่อประสงค์ ไม่ได้เหมือนกัน
ตัวเลือกของ“บิ๊กตู่”มีไม่เยอะ แถมมีข้อจำกัด นึกแล้วปวดหัวแทน