“ข่าวลึก ปมลับ” ออกอากาศทาง NEWS1 ล้วงปมลึก คลายปมลับ ตีแผ่ประเด็นร้อน กับ นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมือง และกระบวนการยุติธรรม วันจันทร์ที่ 31 สิงหาคม 2563 ตอน ปรีดี ขุนคลังเดียวดาย เจอฤทธิ์การเมืองรุกฆาต
ครม.ประยุทธ์ 2/2 เริ่มบริหารประเทศมาได้ร่วมเดือน ภายใต้ความหวัง ทีมเศรษฐกิจชุดใหม่ที่เข้ามาแทนที่ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ทั้ง สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน และ ปรีดี ดาวฉาย รมว.คลัง จะรีบสร้างผลงาน กู้วิกฤติเศรษฐกิจ แต่จนถึงบัดนี้ ยังดูเงียบเชียบ
ยังไม่มีโปรเจกต์อะไร ที่ดูจะสร้างความแตกต่างจากทีมเศรษฐกิจชุดเก่า หนำซ้ำ บางคนกำลังจะเข้าข่ายรัฐมนตรีโลกลืม โดยเฉพาะ ปรีดี ขุนคลังคนปัจจุบัน ที่สังคมคาดหวังเอาไว้สูงว่า ฝีมือจะเหนือกว่า อุตตม สาวนายน รมว.คลังคนเก่า
แต่ก็ต้องให้เวลาสักนิด อาจจะเป็นช่วงของการปรับตัวให้เข้ากับงาน แต่อีกหลายคนมองว่า ปรีดี อยู่ในแวดวงธนาคารมานาน รวมทั้งยังทำงานกับรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มาตลอด ไม่น่าจะต้องมีปัญหาเรื่องนี้
ซึ่งมีข่าวออกมาว่า แท้จริงแล้ว ปรีดี ไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ เพราะเป็นคนนอกที่ไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กับบรรดารัฐมนตรีคนอื่นๆ ที่เป็นฝ่ายการเมือง
ปรีดี อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ สุพัฒนพงษ์ รองนายกรัฐมนตรีที่คุมกระทรวงการคลัง แต่ สุพัฒนพงษ์ ก็ขยับไม่ได้เท่ากับสมัยสมคิด เพราะกระทรวงเศรษฐกิจในโควตาพรรคพลังประชารัฐ ก็กระจัดกระจายไปอยู่กับรองนายกรัฐมนตรีคนอื่น
ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงอุตสาหกรรม ที่ให้ไปอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ วิษณุ เครืองาม หรือกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ก็ไปอยู่ภายใต้ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
ภายใต้ขอบข่ายงาน สุพัฒนพงษ์ กับ ปรีดี เหมือนจะทำงานด้วยกันเพียง 2 คนเท่านั้น ยิ่งรายหลังตอนนี้ยังมาเจอปัญหาภายในกระทรวงตัวเองอีก ที่มีการเปิดศึกกับ สันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง เป็นการลองของ เข้ามาเป็นรายแรก
เหตุเกิดที่การประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ หรือ ครม.สัญจร ที่ จ.ระยอง เมื่อสัปดาห์ก่อน เกิดเหตุการณ์ประสานงากันเรื่องแต่งตั้ง “อธิบดีกรมสรรพสามิต”
ปรีดี ในฐานะ รมว.คลัง เสนอชื่อ ลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ให้ไปเป็นอธิบดีกรมสรรพสามิต แต่ถือกันคนละชื่อกับ สันติ ที่เสนอ ประภาศ คงเอียด ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ให้มานั่งในตำแหน่งนี้
มีรายงานเดือดถึงขั้น สันติ ดับเครื่องชน ใส่ว่า การแต่งตั้งผู้บริหารระดับสูงครั้งนี้ เป็นเรื่องของพรรคการเมือง ในฐานะที่เป็นพรรคร่วมรัฐบาล
ซึ่งตามกฎหมาย คนที่มีอำนาจเสนอชื่อคือ รมว.คลัง
การที่ สันติ เปิดฉากชนเอาตัวเข้ามาขวาง แสดงให้เห็นถึงปัญหาเรื่องความเป็นเอกภาพในการทำงานของ 2 รัฐมนตรีกระทรวงการคลัง โดยไม่สนว่า ใครจะเป็น รัฐมนตรีว่าการ หรือรัฐมนตรีช่วยว่าการ
สันติ ออกอาการเกรียน ไม่ยอมครั้งนี้ ทั้งที่ตัวเองไม่ได้กำกับดูแลกรมสรรพสามิต นอกจากแสดงให้เห็นว่า ไม่เกรงกลัว หรือไม่เกรงใจ ปรีดี ที่เป็นคนนอกพรรคพลังประชารัฐแล้ว ยังแสดงให้เห็นว่า มีคนหนุนหลัง สันติ อยู่
โดยมีรายงานว่า เหตุผลที่ สันติ ไม่เอา ลวรณ ที่ทำผลงานได้ดีในช่วงการจ่ายเงินเยียวยาโควิด-19 ที่ผ่านมานั้น น่าจะมีสาเหตุสำคัญมาจากการที่ ลวรณ เป็นเด็กสร้างของ สมคิด จึงไม่ต้องการให้เติบโต
นอกจากนี้ ในส่วนของ ประภาศ ที่ สันติ พยายามผลักดัน จนถึงขั้นยอมหักในที่ประชุม ครม.ว่ากันว่า เพราะเป็นคนที่ผู้ใหญ่ในพรรคพลังประชารัฐของ สันติ โปรดปรานมาก
ทั้งที่ สันติเองไม่กล้าที่จะชน พล.อ.ประยุทธ์ โดยลำพังแบบนี้ หากแต่เพราะมีบิ๊กบราเธอร์สให้การหนุนหลังอยู่ จึงกล้ามาชนกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแบบนี้
เมื่อเป็นเช่นนี้ โอกาสที่ ลวรณ ลูกชายของ พล.อ.วิโรจน์ แสงสนิท อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด และ อดีต รมช.คมนาคม จะขึ้นเป็นอธิบดีกรมสรรพสามิต คงริบหรี่ เพราะอีกชี่อหนึ่งเป็นคนที่ พี่ใหญ่ เลือกมา
ยังมีเสียงลืออีกว่า ในส่วนของการแต่งตั้งนั้น สันติ ที่เป็นรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จะเป็นคนขอเลือกเองทั้งหมด โดยอ้างว่า ต้องการนำมาต่อยอดในการทำฐานเสียงในการเลือกตั้งต่อไป
จึงเท่ากับว่า เรื่องงานในกระทรวงการคลัง ปรีดี ทำไป แต่เรื่องแต่งตั้ง ขอเป็นอำนาจของคนในพรรคพลังประชารัฐ เพราะอุตส่าห์ยอมให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีนำคนนอกมานั่งตรงนี้ ทั้งที่น่าจะเป็นของคนในพรรคพลังประชารัฐ
สันติ เองก่อนหน้านี้หมายมั่นปั้นมืออยากจะเป็น รมว.คลัง หลังจากที่นายอุตตม ออกไปได้ แต่ติดตรงที่ไม่สามารถฝ่าด่าน พล.อ.ประยุทธ์ สุดท้ายจึงจำใจยอมนั่งเป็น รมช.คลังต่อ โดยมีเงื่อนไขขอดูกรมกองต่างๆ เพิ่มจากเดิม เพราะในยุคก่อนแทบไม่ได้แบ่งอะไรให้เลย
ขณะที่กรมหลักๆ ที่ สันติ ดู คือ กรมศุลกากร แหล่งขุมทรัพย์อีกแห่งของกระทรวงการคลัง แต่การที่เข้ามาเบรกเรื่องการแต่งตั้งคนที่ ปรีดี เลือก แสดงให้เห็นว่า บทบาทของ สันติ ในกระทรวงมีมาก โดยไม่มีเส้นแบ่งระหว่างความเป็นรัฐมนตรีว่าการ หรือรัฐมนตรีช่วยว่าการ
คนที่อึดอัดตอนนี้น่าจะเป็น ปรีดี เพราะคำเตือนที่หลายคนพูดไว้ก่อนหน้านี้ มันเริ่มเป็นจริง โดยเฉพาะการทำงานกับนักการเมืองที่กระทรวงคลัง ไม่ช้าไม่นานหากบิ๊กตู่ไม่ลงมาปกป้องอย่างจริงจัง ขุนคลังปรีดี คงถูกขยี้เป็นเบี้ยบนกระดานแน่