“ข่าวลึก ปมลับ” ออกอากาศทาง NEWS1 ล้วงปมลึก คลายปมลับ ตีแผ่ประเด็นร้อน กับ นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมือง และกระบวนการยุติธรรม วันอังคารที่ 11 สิงหาคม 2563 ตอน เจาะยุทธศาสตร์ “บิ๊กตู่” วางขุมกำลัง ครม. 2/2
ครม.ประยุทธ์ 2/2 ที่เห็นหน้าเห็นตากันไปเรียบร้อยแล้ว ถือว่า ตรงตามโผที่ออกมาก่อนหน้านี้ แต่มีเซอร์ไพร์สนิดหน่อย โดยเฉพาะการที่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี วางขุมกำลังรองนายกรัฐมนตรีใหม่ หลังจากไม่มี กลุ่มสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ แล้ว
เริ่มตั้งแต่ ดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ ที่หลายเดือนก่อนมีข่าวว่า จะขอพักหลังจากร่วมงานมาตั้งแต่ยุคคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แต่ในช่วงการจัดทัพปรับ ครม. ปรากฏว่า เจ้าตัวเปลี่ยนใจ อยู่ช่วยงาน “บิ๊กตู่” ต่อ
นอกจากได้อยู่ในตำแหน่งเดิมแล้ว “ดอน” ยังได้เลื่อนชั้นเป็นรองนายกรัฐมนตรี ชนิดที่ไม่มีข่าวหลุด ข่าวลอด ข่าวคาดเดา ออกมาก่อนหน้าเลยแม้แต่น้อย ตามคิวที่ “บิ๊กตู่” ออกมาเฉลยเหตุผลว่า เป็นเพราะต้องการเพิ่มมิติด้านเศรษฐกิจ ให้กับกระทรวงการต่างประเทศ
จึงจะให้ “ดอน” เพิ่มมิติ จากนักการทูต มาเป็นพ่อค้าด้วย การแต่งตั้งเป็นรองนายกรัฐมนตรี ยังจะทำให้มีอำนาจเจรจาแทนนายกฯได้เวลาไปต่างประเทศ
เรื่องของเรื่อง ก็เพราะว่า ไม่มีคนรับผิดชอบงานตรงนี้แล้ว แต่ก่อนหน้านี้เป็นหน้าที่ของ “สมคิด” ที่มักจะเดินทางไปโรดโชว์เจรจาการค้าการลงทุนกับต่างประเทศ และยังเป็นรองนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแลกระทรวงการต่างประเทศอีกทีด้วย
ขณะที่ “เสี่ยพงษ์” สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาวน์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน ที่แม้จะได้เป็นรองนายกรัฐมนตรีเหมือนกัน และเกี่ยวข้องกับกระทรวงเศรษฐกิจโดยตรงมากกว่า แต่ในแง่ของการค้าการขายและคอนเนกชั่นกับต่างประเทศ เมื่อเทียบกับ “สมคิด” แล้ว ยังห่างกันเยอะ
ในส่วนของ “เสี่ยพงษ์” นั้น ที่ได้นั่งควบรองนายกรัฐมนตรีอีกตำแหน่ง ทั้งที่ก่อนหน้านี้ คนที่มีข่าวคือ “ปรีดี ดาวฉาย” รมว.คลัง พอจะเข้าใจได้ว่า ได้นั่งตรงนี้เป็นเรื่องของความสัมพันธ์
ปรีดี แม้จะเป็นขุนคลัง ที่ควรจะนั่งเป็นรองนายกรัฐมนตรีอีกตำแหน่ง แต่ในแง่ของปฏิสัมพันธ์กับพรรคพลังประชารัฐนั้นแทบไม่มีเลย เป็นคนนอกของแท้ ที่มาจากคอนเนกชั่นของ “บิ๊กตู่”
แตกต่างจาก สุพัฒนพงษ์ ที่ถือว่า เป็นคนกันเองกับแกนนำในพรรคพลังประชารัฐหลายคน มีความสนิทสนมกับ ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ และยังรู้จักมักจีกันดีกับ ทีมเสธ. ตึกไทยคู่ฟ้า ที่บางคนมีตำแหน่งเป็นบอร์ดในรัฐวิสาหกิจด้านพลังงาน
ดังนั้น จึงเหมาะที่จะมานั่งเป็นรองนายกรัฐมนตรี ที่ต้องกำกับดูแลกระทรวงเศรษฐกิจในโควตาของพรรคพลังประชารัฐ
ขณะที่เก้าอี้อื่นๆ เป็นไปตามโผ อนุชา นาคาศัย นั่ง รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นอกจากจะได้คุมสื่อแล้ว การมาอยู่ตรงนี้จะได้ทำงานใกล้มือ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งตัวเองเป็นเลขาธิการพรรค
อนุชา ยังจะทำหน้าที่ประสานกับวิปรัฐบาล และตอบกระทู้แทน “บิ๊กตู่” ในสภาฯ แต่เดิมนั้น กลไกวิปรัฐบาลต้องให้บรรดารัฐมนตรี จากพรรคพลังประชารัฐ เข้ามาช่วย เทวัญ ลิปตพัลลภ อดีต รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
ซึ่งไม่ได้เป็นคนที่มาจากพรรคแกนนำ การได้ อนุชา มาจะทำให้กลับมารับผิดชอบตรง ถูกฝาถูกตัวมากกว่า เพราะเป็นคนจากพรรคแกนนำ และเป็นเลขาธิการพรรคอยู่แล้วด้วย
ส่วนกระทรวงแรงงาน สุชาติ ชมกลิ่น ส.ส.ชลบุรี ได้เป็น รมว.แรงงาน สมใจตามความฝัน โดยมี นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ที่ใช้บรรลุความฝันของตัวเองได้เป็นเสนาบดีสมใจเช่นกัน
กระทรวงแรงงานในยุค ครม.ประยุทธ์ 2/2 จะถูกประยุกต์ให้เป็นกระทรวงเศรษฐกิจเต็มตัว โดยปัจจุบันรัฐบาลกำลังเผชิญปัญหาการว่างงาน ซึ่งจะเป็นปัญหาที่หนักหนาสาหัสมากกว่านี้ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี
กระทรวงแรงงาน จะเป็นกลไกสำคัญ ที่จะอยู่ในสายของทั้ง บิ๊กตู่ และ บิ๊กป้อม ที่จะต้องเดินตามแนวนโยบายของรัฐบาลเท่านั้น ไม่สามารถคิดโปรเจกต์อะไรที่นอกเหนือจากนี้ได้
สุชาติ จะเป็นฝ่ายบู๊ที่คอยไปลงเจรจาไกล่เกลี่ยกับบรรดาสหภาพต่างๆ เพื่อไม่ให้ออกมาเคลื่อนไหว ขณะที่ นฤมลนั้น พยายามจะล็อบบี้เข้าหา บิ๊กป้อม อีกครั้งเพื่อให้ได้ดูแลกรมสำคัญ
สุชาติเอง แม้ปากจะบอกว่า สามารถทำงานร่วมกับ นฤมล ได้ เพราะเป็นพี่น้องกัน แต่ดูแล้วก็อยากจะแสดงบารมีของการเป็น รมว.แรงงาน ไม่ใช่ฐานะร่วมกันทำงาน
กล่าวคือ นฤมล จะทำงานออฟไซด์ สุชาติ ไม่ได้ การจะดำเนินการอะไรจะต้องขออนุมัติ สุชาติ ก่อน ที่และขั้นสุดท้ายคือ บิ๊กป้อม ในฐานะรองนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแลกระทรวงนี้
อย่างไรก็ดี การที่ นฤมล ได้เป็น รมช.แรงงานตามความฝันนั้น มองดูภายนอกเหมือน บิ๊กตู่ โปรดปราน แต่หากมองตำแหน่งแล้ว ถ้า บิ๊กตู่ ชอบจริง ทำไมจึงไม่เอามาเป็น รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อยู่ใกล้ตัว แต่ดีดออกมาไกลถึงกระทรวงแรงงาน และที่สำคัญเป็นเพียง รมช.เท่านั้น
การให้ นฤมล เป็นรัฐมนตรี เป็นเหมือนการตัดปัญหา และไม่อยากขัดใจพี่ใหญ่มากกว่า
ครม.ชุดนี้ จะมีเวลาพิสูจน์ผลงานกันอย่างรวดเร็วทันใจกับภารกิจฟื้นฟูสังคมและเศรษฐกิจ เป็นหลัก ในท่ามกลางปัญหาการเมืองที่รุมเร้าเข้ามาทุกด้าน จึงไม่แน่ใจว่า จะอยู่ข้ามปีนี้หรือไม่