ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - การปรับคณะรัฐมนตรีครั้งนี้ ทำให้เห็นว่าระหว่างทหารกับนักการเมืองยุคนี้ใครใหญ่กว่ากัน
โดยเฉพาะศึกชิงเก้าอี้ รมว.พลังงาน ที่ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ส่อแววจะได้นั่งรมว.อุตสาหกรรมต่อ หลังคนบนตึกไทยคู่ฟ้าไม่อนุมัติ
แม้พรรคพลังประชารัฐ พยายามจะใช้กลไกพรรค และส.ส.กดดัน "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้ยอมคายเก้าอี้ รมว.พลังงาน ให้ "สุริยะ" สมหวัง
หรือการพยายามยุให้ "บิ๊กป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ โยกไปนั่งเป็นรมว.มหาดไทย เพื่อควบคุมกลไกที่ใกล้ชิดกับประชาชน แล้วให้ขยับ "บิ๊กป๊อก" พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ไปเป็นรมว.กลาโหม
สูตรยุให้ พล.อ.ประวิตร ไปนั่งเป็นรมว.มหาดไทยนี้ เป็นความเห็นพ้องต้องกันของบรรดาแกนนำแต่ละก๊กภายในพรรค เนื่องจากเห็นว่าที่ผ่านมาเข้าหา "บิ๊กป๊อก" ได้ยาก จึงขอนั่นขอนี่ไม่ได้ หากเป็น "บิ๊กป้อม" จะง่ายกว่า
หลักใหญ่ที่แกนนำกลุ่มก๊กในพรรคพยายามเกลี้ยกล่อม "บิ๊กป้อม" ในการปรับคณะรัฐมนตรีครั้งนี้คือ ดึงกระทรวงเกรดเอในโควตาของพรรคกลับมาจาก "บิ๊กตู่" ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงพลังงาน กระทรวงมหาดไทย เพื่อต่อยดสู่การเลือกตั้งครั้งหน้า
จะเห็นได้ว่า ในการประชุมส.ส.เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา บรรดาส.ส.ต่างพร้อมใจกันลุกขึ้นเพื่อให้พรรคส่งชื่อ "บิ๊กป้อม" เป็น รมว.มหาดไทย แต่ปรากฏว่า ในที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค "บิ๊กป้อม" กลับแจ้งข่าวร้ายกับกรรมการบริหารพรรค ที่ส่วนใหญ่เป็นแกนนำว่า "บิ๊กตู่" ให้เก้าอี้มาแค่ 2 คน
และให้ 3 แคนดิเดต คือ "อนุชา นาคาศัย" ส.ส.ชัยนาท และเลขาธิการพรรค "สุชาติ ชมกลิ่น" ส.ส.ชลบุรี และรองหัวหน้าพรรค และ "นฤมล ภิญโญสินวัฒน์" โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กรอกประวัติส่งรายชื่อไป
การที่ "บิ๊กตู่"ให้มาแค่ 2 ที่นั่ง ขณะที่บรรดาแกนนำในพรรค สงบปากสงบคำไม่พูดอะไร เพราะคนที่มีลุ้นกลัววืดในโค้งสุดท้าย ย่อมสะท้อนให้เห็นว่า อำนาจการตัดสินใจที่แท้จริงนั้นอยู่บนตึกไทยคู่ฟ้า ไม่ใช่ที่พรรคพลังประชารัฐ ที่แม้จะมี"บิ๊กป้อม" เป็นหัวหน้าพรรคก็ตาม
ขณะเดียวกัน ที่มีข่าวว่า "บิ๊กป้อม" ให้สัญญาใจกับ สุริยะว่าจะให้ รมว.พลังงาน หลังการโค่นล้ม "สมคิด จาตุศรีพิทักษ์" และ สี่กุมาร ออกจากพรรคไปได้นั้น สรุปแล้วเป็นสัญญาปลอมๆ หรือ สุริยะ ติ๊งต่างเอาเองว่าหัวหน้าพรรครับปากจะให้
หรือต่อให้มีสัญญาใจจริงๆ นี่ก็ถือเป็นเหลี่ยมที่ชาญฉลาดของ "บิ๊กป้อม" ไม่ให้ทั้งเสียคน และไม่เสียคำพูด เพราะยินยอมให้พรรคเสนอชื่อ สุริยะ เป็นรมว.พลังงานได้ เพียงแต่ระบุว่า เรื่องการจัดตำแหน่งเป็นอำนาจของ "บิ๊กตู่"
ดังนั้น "สุริยะ" จะได้หรือไม่ได้ ไม่ใช่ความผิดของ "บิ๊กป้อม" เพราะได้ทำหน้าที่หัวหน้าพรรค หรือผู้ใหญ่ไปเรียบร้อยแล้ว เพียงแต่ "บิ๊กตู่" ไม่เอาด้วย และเป็นไปไม่ได้ที่เรื่องการปฏิเสธ ไม่ให้ รมว.พลังงานแก่ สุริยะ จึงถูกตัดสินใจโดยลำพังเพียง บิ๊กตู่ หากแต่ "พี่น้อง 3 ป." บิ๊กป้อม บิ๊กป๊อก และบิ๊กตู่ ต้องได้คุยกันแล้ว
ซึ่งเคยมีคนพูดว่า "บิ๊กป้อมกับบิ๊กตู่" ไม่ต่างอะไรกับคนๆเดียวกัน ไม่มีทางที่พี่กับน้องจะไม่หารือกันก่อน และไม่ว่าจะอย่างไร ย่อมไม่เห็นขี้ดีกว่าไส้
ระยะหลัง "บิ๊กป้อม" อาจดูสนิทสนมกับบรรดาพรรคการเมืองภายในพรรคพลังประชารัฐเป็นพิเศษ และดูเหมือนจะหลงคารมของบรรดาส.ส. อย่างเช่น การยอมตะเพิดกลุ่มสี่กุมาร ออกจากพรรค และขึ้นหัวหน้าพรรคเอง
แต่ความเป็นจริงแล้ว "บิ๊กป้อม" ไม่ได้ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคเพียงเพราะการยั่วยุของส.ส. แต่ปัญหาภายในพรรคพลังประชารัฐ ที่มีการแบ่งก๊กแบ่งก๊วน ฟาดฟันกันออกสื่อ จนภาพลักษณ์เสียหาย มีเพียงคนเดียวที่เอาอยู่คือ นายใหญ่อย่าง บิ๊กป้อม ที่ทุกคนเคารพและเชื่อฟัง จึงต้องขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคเอง
ส่วนที่มีการมองกันว่า ท็อปบูตไม่ทันเหลี่ยมคูของเหล่านักการเมือง หรือสงสาร"บิ๊กตู่" ที่ต้องเผชิญกับแรงกดดัน และปฏิบัติการแย่งชามข้าวของลูกพรรคนั้นอาจจะไม่จริงสักเท่าไหร่
นอกจากนี้ ยังต้องย้อนไปดูว่า ที่วันนี้ สุริยะอดนั่ง รมว.พลังงาน เป็นเพราะฝีมือใคร ?
จะเห็นว่า บรรดาผู้ใหญ่ในรัฐบาลไม่ว่าจะเป็น "บิ๊กตู่" หรือ "บิ๊กป้อม" ไม่มีใครออกมาตวาด บรรดาส.ส.ในพรรคพลังประชารัฐ ที่ออกมาเรียกร้องเก้าอี้ รมว.พลังงาน ให้สุริยะเลย แต่กลับปล่อยให้เคลื่อนไหวไปเรื่อยๆ
แต่กลับเป็นกระแสของสังคม ที่ไม่เอาสุริยะไม่ว่าจะเป็นฝ่ายต้าน หรือกองเชียร์รัฐบาล ต่างออกมายี้แกนนำสามมิตรรายนี้ อย่างถล่มทลาย
มีการแชร์คลิป ที่ "สุริยะ" ประกาศไม่รับตำแหน่งใดๆในรัฐบาล ซึ่งเป็นคลิปเก่าสมัยตอนยังไม่เข้าพรรคพลังประชารัฐด้วยซ้ำ แบบวนไปวนมา ปฏิบัติการนี้ มีการตั้งข้อสังเกตว่า คล้ายปฏิบัติการของ “ไอโอ”ของฝ่ายสนับสนุนรัฐบาล ที่มักไว้ตอบโต้กับไอโอฝ่ายค้าน ในโซเชียลมีเดีย
ซึ่งเป็นการยืมมือกระแสสังคม เป็นเหตุผลในการตอบ สุริยะว่าเหตุใดจึงไม่ได้เก้าอี้ รมว.พลังงาน โดยที่ทั้ง บิ๊กตู่ และ บิ๊กป้อม ไม่ต้องปฏิเสธเองให้หักหาญหรือเสียน้ำใจ
มันสะท้อนให้เห็นว่า ทหารยุคนี้รู้ทันเล่ห์เหลี่ยมนักการเมือง รู้วิธีการรับมือโดยถอดบทเรียนจากความผิดพลาดในอดีตมา
ซึ่ง "บิ๊กป้อม- บิ๊กป๊อก-บิ๊กตู่" พี่น้อง 3 ป. คือทหารที่แบ่งบทบาทการชัดเจน รู้ว่าต้องบริหารจัดการบรรดา ส.ส.ให้อยู่อย่างไร
ปรับ ครม.ครั้งนี้ สามารถพูดได้เลยว่า บรรดาเสือ สิงห์ กระทิง แรด ในพรรคพลังประชารัฐ หลงเกม 3 ป. เรียบร้อย
อย่าลืมว่า นักการเมือง ไม่ได้ร่วมเป็นร่วมตายกันมาแบบพี่น้อง 3 ป. เพิ่งจะเข้ามาไม่กี่วัน