xs
xsm
sm
md
lg

“ประยุทธ์” 2/2 เรียบร้อย “สอง ส.” มีแต่กำไร !!

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


สมศักดิ์ เทพสุทิน - สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ
เมืองไทย 360 องศา

พิจารณาจากอาการที่ผ่านมาสองสามวันต่อเนื่องกันมาจนถึงวันที่ 22 กรกฎาคม ที่ได้เห็นอารมณ์และอาการของ “บิ๊กตู่”หรือ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่แสดงออกมาให้เห็นอย่างต่อเนื่อง ทั้งอารมณ์ดีแบบผ่อนคลาย ที่ย้ำให้เห็นว่า ทุกอย่าง “เรียบร้อย” ไม่มีความขัดแย้งหรือปัญหาใด และได้หารือกับกับ “พี่ใหญ่” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐแล้ว เมื่อถูกถามถึงเรื่องรายชื่อคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ และได้ทำท่าผายมือเป็นสัญลักษณ์แทนคำตอบว่า ทุกอย่าง “เรียบร้อยดี” เมื่อถูกสื่อมวลชนถามย้ำในเรื่องดังกล่าวที่ทำเนียบรัฐบาล

ดังนั้น หากสรุปกันในนาทีนี้ ก็ต้องเข้าใจว่า การฟอร์มคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี บอกว่าเรียบร้อยแล้วนั้น กำลังอยู่ในขั้นตอนของการตรวจสอบคุณสมบัติ เพื่อเตรียมนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายเท่านั้น และคาดว่า ทุกอย่างน่าจะเสร็จสิ้นภายในไม่เกินกลางเดือนสิงหาคม ตามที่เขาเคยระบุเอาไว้ก่อนหน้านี้

ขณะเดียวกัน ครั้งนี้น่าจะเป็นการปรับตำแหน่งเท่าที่ลาออกไปรวม 6 ตำแหน่ง เช่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่คาดว่าน่าจะเป็น นายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทย และกรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกสิกรไทย และอาจเป็นไปได้ว่าจะได้ควบตำแหน่งรองนายกฯ ฝ่ายเศรษฐกิจอีกด้วย ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ที่คาดว่า จะเป็น นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ที่พรรครวมพลังประชาชาติไทย เสนอชื่อ นายอเนก เหล่าธรรมทัศน์ เข้ามาแทน ทำให้ยังเหลืออีกสองเก้าอี้ คือ ตำแหน่งรัฐมนตรีว่ากระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ซึ่งสองตำแหน่งหลัง น่าจะเป็นโควตาของพรรคพลังประชารัฐ ที่ยังไม่แน่ชัดว่าจะเป็นใคร

อีกทั้งเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ถือว่ามีความชัดเจนแน่นอนแล้วว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จะไม่นั่งควบตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ตามที่มีการเสนอภายในพรรค ทำให้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ยังดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงนี้ต่อไป ไม่ต้องโยกไปเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมตามข่าวก่อนหน้านี้

โดย “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ได้ให้ความชัดเจนเมื่อถูกสื่อถามย้ำว่า “ไม่ไหวแล้ว” หลังจากก่อนหน้านี้ ก็เคยกล่าวว่า “เดินแทบจะไม่ไหวอยู่แล้ว” รวมไปถึงก่อนหน้านั้นอีก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็เคยกล่าวว่า พล.อ.ประวิตร ไม่ต้องการตำแหน่งเพิ่มแล้ว


ท่าทีดังกล่าวนี้ ทำให้มีความชัดเจนเพิ่มขึ้นอีกสองคน สองตำแหน่ง นั่นคือ ทั้ง พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.อนุพงษ์ ในเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ว่าใครจะมาใครจะไป

ทำให้ยังเหลือที่ต้องพิจารณาในรายละเอียด ก็คือ กระทรวงพลังงาน ที่นาทีนี้ก็น่าจะชัดเจนเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วว่า คนที่จะมาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงนี้ ก็คือ นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ในปลายรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ในยุครัฐบาล คสช. อดีตซีอีโอ ปตท. และที่ผ่านมา ถือว่ามีความใกล้ชิดกับนายกฯ ค่อนข้างดี มักมีการเรียกใช้งานเสมอ ล่าสุด ก็เคยได้รับแต่งตั้งให้เป็นหนึ่งในคณะกรรมการฟื้นฟู บริษัท การบินไทย อีกด้วย เพียงแต่ว่าต้องลาออกมาเสียก่อน เนื่องจากเกรงมีปัญหาในเรื่องคุณสมบัติ

หากเป็นแบบนี้ก็เท่ากับว่า นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และแกนนำกลุ่ม “สองมิตร” ที่หมายมั่นปั้นมือมานาน ว่า จะมานั่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน มีการเคลื่อนไหวมาตลอด ตั้งแต่มีข่าวว่าเป็นหนึ่งที่อยู่เบื้องหลังการ “ยึดพรรค” เพื่อโค่นทีมคณะกรรมการบริหารพรรคชุดเก่า ที่มี นายอุตตม สาวนายน และ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เป็นหัวหน้า และเลขาธิการพรรค และนำไปสู่การกดดันให้พวกเขาที่ถูกเรียกว่า “ทีมสี่กุมาร” ต้องลาออกจากรัฐมนตรี โดยเฉพาะเป้าหมาย คือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นั่นเอง

อย่างไรก็ดี แม้ว่าการยึดพรรคที่ร่วมกับกลุ่มก๊วนต่างๆ ในพรรคพลังประชารัฐ สามารถทำได้สำเร็จอย่างง่ายดาย แต่กับการที่จะมาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน คนใหม่นั้น ไม่ได้ง่ายดายอย่างที่คิดเอาไว้ เพราะกลายเป็นว่าต้องเจอกับ “แรงต้าน” ที่รุนแรงกว่าทุกครั้ง ทั้งแรงต้านจากกระแสสังคมภายนอก รวมไปถึงความไม่ไว้ใจจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ไม่ต้องการให้มาคุมกระทรวงเศรษฐกิจที่มีผลประโยชน์มหาศาล

หากพิจารณาจากอาการและความเคลื่อนไหวจากสังคมภายนอกเวลานี้ กลับกลายเป็นว่า “แรงต้านนั้นแรงมาก” และเสี่ยงต่ออนาคตของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อีกด้วย หากยังดึงดันไม่ยอมถอย

อย่างไรก็ดี หากมองกันตามความเป็นจริงแล้ว สำหรับกลุ่ม “สองมิตร” ที่มี “สอง ส.” คือ สมศักดิ์ เทพสุทิน และ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นแกนนำแล้ว นาทีนี้ถือว่าพวกเขา “มีแต่กำไร” และหากไม่ได้กระทรวงพลังงานก็ถือว่า “ได้กำไรน้อยลงกว่าเดิม” เท่านั้น เพราะเวลานี้ในพรรคพลังประชารัฐ พวกเขาได้เข้าไปยึดกุมตำแหน่งสำคัญเอาไว้เกือบหมดแล้ว โดยเฉพาะในคณะกรรมการบริหารพรรค และเลขาธิการพรรคที่เป็น นายอนุชา นาคาศัย ก็อยู่กลุ่มก๊วนนี้

ดังนั้น อย่าได้แปลกใจที่แม้ว่าจะไม่ได้นั่งเก้าอี้ในกระทรวงพลังงาน แต่ไม่ได้แสดงปฏิกิริยาใดๆ ออกมาให้เห็น โดยเฉพาะ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ที่พูดเหมือนรับรู้สถานการณ์ว่าไม่กดดันนายกฯ หรืออย่าทำให้ประชาชนสับสน เพราะรับรู้สถานการณ์ดีว่าต้องมีความยืดหยุ่นเพื่อประคองตัวเอาไว้ก่อน และที่สำคัญที่เป็นอยู่ในเวลานี้ถือว่า “มีแต่กำไร” จะดิ้นรนให้เจ๊งทำไม !!



กำลังโหลดความคิดเห็น