ผู้จัดการรายวัน360- "บิ๊กตู่"อารมณ์ดี บอกโผครม.ใหม่เรียบร้อย "สุริยะ"แห้ว รมว.พลังงาน เมื่อ"บิ๊กป้อม"ไม่ส่งชื่อให้นายกฯ ปล่อยให้ตัดสินใจเอง พร้อมยืนยันไม่นั่งควบ"มท.1" บอกไม่ไหวแล้ว ส่วน "อนุชา-สุชาติ-นฤมล" ต้องไปลุ้นเก้าอี้ รมว.อุดมศึกษาฯ และรัฐมนตรีสำนักนายกฯ ขณะที่ "สมศักดิ์" พร้อมรับการตัดสินใจนายกฯ เดินหน้าทำงานต่อ ไม่มีป่วนให้ประชาชนสับสน พูดเป็นนัย พรรคพลังประชารัฐ จะเป็นพลังอยู่หรือไม่
วานนี้ (22ก.ค.) ภายหลัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมศบค.ชุดใหญ่ ผู้สื่อข่าวได้สอบถามว่า ขณะนี้รายชื่อครม.ชุดใหม่เรียบร้อยแล้ว ใช่หรือไม่ โดยพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "เรียบร้อย ไม่มีอะไร" พร้อมทำท่าผายมือ และหันมายิ้มให้ผู้สื่อข่าวอย่างอารมณ์ดี
ด้านนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสข่าวที่มีรายชื่อว่า ล่าสุดหลุดจากโผ ครม.ใหม่ ที่เดิมมีชื่อว่าจะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ว่า ไม่มีปัญหา ทุกอย่างทุกอย่างขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของนายกฯ ไม่ว่าจะอยู่ตำแหน่งไหนก็ทำงานได้
เมื่อถามว่าขณะนี้ นายกฯ และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ แจ้งหรือส่งสัญญาณอะไรมาชัดเจนแล้ว ใช่หรือไม่ นางนฤมล กล่าวว่าไม่ได้แจ้ง ในพรรคก็ยังไม่ได้แจ้งอะไรมา
เมื่อถามว่าจะรู้สึกผิดหวังหรือไม่ หากไม่ได้ตำแหน่ง นางนฤมล กล่าวว่า "ไม่ผิดหวัง ไม่มีอะไรค่ะ"
"บิ๊กป้อม"ยันไม่ควบ มท.1
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงสัดส่วนรัฐมนตรีของพรรคพปชร. ว่า ตอนนี้นายกฯเคาะตำแหน่งเสร็จแล้วหรือไม่ ตนไม่ทราบ เพราะการปรับครม. เป็นเรื่องของนายกฯ ส่วนพรรคส่งรายชื่อไปกี่คนนั้น ถือเป็นเรื่องลับ นายกฯจะเอาใครก็ได้แล้วแต่นายกฯ
เมื่อถามว่า ล่าสุดมีกระแสข่าวว่าท่านจะควบตำแหน่ง รมว.มหาดไทย ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ช่วยพูดให้ชัดเจน พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า "ไม่หรอก ผมไม่ไหวแล้ว ผมไม่รับหรอก"
เมื่อถามว่าตำแหน่ง รมว.พลังงาน มีการเสนอชื่อในส่วนของพรรคพปชร. ด้วยหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่มี ไม่มีการส่งชื่อใคร ไม่ส่ง
เมื่อถามอีกว่า ข่าวค่อนข้างสับสน ในส่วนของนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกฯ ทางพรรคได้ส่งชื่อไปรับตำแหน่งรัฐมนตรีครั้งนี้ด้วยหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า บอกแล้วให้รอหน่อย รอดูว่ามีใครบ้าง นายกฯ จะเลือกใครก็ได้ จะมีชื่อหรือไม่มีชื่อ ก็เลือกได้ นายกฯสามารถหยิบชื่อใครมาก็ได้
ส่วนการปรับครม.จะมีความชัดเจนเมื่อไรนั้น พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ก็นายกฯบอกว่าเดือนส.ค.
นายไผ่ ลิงค์ ส.ส.กำแพงเพชร และกรรมการบริหารพรรค พรรคพปชร. กล่าวถึงการประชุมของพรรค และมีการเสนอรายชื่อรัฐมนตรีนั้น ก็ไม่ได้เป็นการกดดันนายกฯ แค่บอกถึงความพร้อมว่า ส.ส.อยากทำงาน ส่วนที่มีกระแสข่าวว่า ให้โควตาพรรคแค่ 2 เก้าอี้ ก็ไม่ได้เป็นแบบนั้น ทุกอย่างเราทำตามกฎของพรรค และหลักการทั้งหมด ไม่ได้มีใครกดดันใครทั้งนั้น
เมื่อถามว่าหากคนในพรรคพปชร. ไม่ได้ตำแหน่งรมว.พลังงาน จะเกิดปัญหาหรือไม่ นายไผ่ กล่าวว่า ไม่มี เราจะไม่ทำให้เกิดปัญหากับนายกฯ หลังจากนี้ทุกคนจะร่วมมือกันทำงานต่อไป เมื่อถามว่าที่ผ่านมา พรรคต่อต้านคนนอก ที่จะมานั่งรมว.พลังงาน นายไผ่ กล่าวว่าไม่มีใครต่อต้านแน่นอน ท่านนายกฯ เป็นคนตัดสินใจ ทุกคนต้องร่วมมือกันทำงานกับท่านนายกฯ
เมื่อถามว่า มีการพูดตำแหน่งรมว.แรงงาน ซึ่งเป็นโควตาของพรรครวมพลังประชาชาติไทย หรือไม่ นายไผ่ กล่าวว่า คิดว่ารัฐมนตรีแต่ละท่าน มีความสามารถและอยากจะทำงานตรงนั้นแตกต่างกัน แต่เชื่อว่าคนของพรรคทุกคน ไม่ว่าจะให้อยู่ตรงใดก็ทำได้ แต่ความถนัดของคนย่อมมี เราก็ต้องเสนอไปตามนั้น ดังนั้น ต้องมารอดูว่าผลสุดท้ายจะเป็นอย่างไร
นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงกระแสการปรับครม.ว่า พรรคภท.ยังอยู่ที่เดิม ไม่อะไรทั้งนั้น เรื่องกังกล่าวตนตอบไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องของหัวหน้า และเลขาธิการพรรค ส่วนที่มีกระแสข่าวว่า แกนนำพรรคพปชร. ต้องการสลับเก้าอี้กับพรรคร่วมรัฐบาล นายชาดา กล่าวว่า ไม่ทราบ ยังไม่เคยได้ยินเรื่องนี้เลย.
"สมศักดิ์" รับการตัดสินใจนายกฯ-เดินหน้าทำงานต่อ
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่กระแสข่าว โผครม. ที่พลิกนาทีสุดท้าย และปรากฏว่า นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม และ นายอนุชา นาคาศัย เลขาธิการพรรคพปชร. ไม่ได้ตำแหน่งตามที่ต้องการว่า เรื่องตำแหน่งรัฐมนตรีเป็นเรื่องที่พูดคุยกันภายในพรรค เมื่อได้ข้อยุติ ก็ส่งเรื่องให้คณะกรรมการบริหารพรรค และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะหัวหน้าพรรค เพื่อเสนอนายกรัฐมนตรี จึงไม่ทราบว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง หรือไม่ เพราะหากเปลี่ยนแปลง นายกฯคงแจ้งมาทางหัวหน้าพรรค และจนถึงขณะนี้ตนก็ยังไม่ได้พบ พล.อ.ประวิตร จึงยังไม่มีข้อมูลใหม่ และไม่อยากให้คาดเดา เพราะคิดว่าประเทศชาติต้องเดินหน้าต่อ ประชาชนกำลังรอการแก้ไขปัญหา
"ยืนยันว่าขณะนี้ไม่มีกลุ่มสามมิตรแล้ว ที่สำคัญเมื่อพูดคุยกันแล้ว ก็ขึ้นอยู่กับหัวหน้าพรรค หรือหากจะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรก็ให้สิทธิ์หัวหน้าพรรคพวกผมไม่เคยมีปัญหา ทำงานกันต่อไป และถือเป็นเรื่องของพรรคที่จะพิจารณาว่า พรรคพลังประชารัฐ ยังเป็นพลังหรือไม่ ซึ่งถือเป็นหน้าที่ของแต่ทุกคนที่มีอยู่ พวกผมได้ทำตามหน้าที่ของตนเอง ครบถ้วนแล้ว จึงไม่อยากคิดมาก เพราะหากคิดมากก็คงนอนไม่หลับ ผมก็นอนไม่หลับ"
ส่วนจะห่วงรัฐมนตรีในกลุ่มที่ไม่ได้ตำแหน่งตามคาดหวัง หรือไม่นั้น นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องส่วนตัว อย่าพูดถึง เนื่องจากเป็นสิ่งไม่ดี ประชาชนรอดูเราอยู่ อย่าให้สับสน หรือเป็นประเด็น เพราะขณะนี้เรื่องทุกอย่างอยู่ที่หัวหน้าพรรค เรื่องรายละเอียดอื่นๆ คงไม่ใช่หน้าที่ที่จะมาทำให้เกิดความวุ่นวาย
บิ๊กป้อม ไม่ส่งชื่อ "สุริยะ" นั่งคุมพลังงาน
ทั้งนี้ มีรายงานว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะหัวหน้าพรรคพปชร. ได้ส่งรายชื่อผู้ที่จะเป็นรัฐมนตรีไปให้นายกรัฐมนตรี เพียงแค่ 3 ชื่อคือ นายอนุชา นาคาศัย เลขาธิการพรรค นายสุชาติ ชมกลิ่น ส.ส.ชลบุรี และนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โดยไม่มีชื่อนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ดังนั้นคาดว่า นายสุริยะ จะนั่งรมว.อุตสาหกรรมที่เดิม โดยนายไพรินทร์ ชูโชติถาวร อดีตซีอีโอ ปตท. จะมาเป็นรมว. พลังงาน ส่วนตำแหน่ง รมว.อุดมศึกษาฯ ที่ว่างอยู่ จึงอาจจะส่งนายอนุชา นาคาศัย หรือ นายสุชาติ ชมกลิ่น ไปนั่ง รมว.อุดมศึกษาฯ โดยคนที่ไม่ได้เป็น รมว.อุดมศึกษาฯ ก็จะเปิดตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เพิ่มอีกเก้าอี้หนึ่ง ไว้รองคู่กับ นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โดยไม่ต้องแต่งตั้งรองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ เพราะนายกรัฐมนตรีจะดูแลเอง ซึ่งขณะนี้ได้ให้ นายวิษณุ เครืองาม รอวงนายกฯ ด้านกฎหมายดูแลด้านเศรษฐกิจไปก่อน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ยันยันไม่มีปัญหาหากไม่ได้รับการเสนอชื่อเป็นรัฐมนตรี และเดินทางออกจากทำเนียบฯ ไปเมื่อเวลา 12.40 น. ปรากฎว่า ต่อมาเวลา 15.30 น. นางนฤมล ได้เดินทางขึ้นด้านหลังตึกไทยคู่ฟ้า และ ออกมาในเวลา 15.50 น. ขณะที่ผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์สอบถาม นางนฤมล ปฏิเสธว่าไม่ได้เกี่ยวกับการปรับครม. แต่อย่างใด เมื่อถามย้ำว่า ยังจะมีข่าวดีหรือไม่ นางนฤมล หัวเราะ ก่อนตอบว่า "ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ"
นอกจากนี้ ในเวลาไล่เลี่ยกัน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ก็ได้เข้าพบนายกฯ ที่ตึกไทยคู่ฟ้า โดยใช้เวลาไม่นาน จากนั้นเดินทางออกจากทำเนียบรัฐบาล โดยมีรายงานข่าวว่า ร.อ.ธรรมนัส ได้เดินทางต่อไปพบกับ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ
กรณ์ ชี้ปรับครม.ต้องฟื้นศรัทธาได้
นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า โพสต์เฟซบุ๊กแสดงความเห็นถึงเรื่องการปรับ ครม.ว่า ประชาชนต้องได้ประโยชน์ ต้องได้รัฐบาลที่มีความกล้าในการเข้ามาแก้ไข้ปัญหา โดยเฉพาะการช่วยเอสเอ็มอี ขนาดกลาง และขนาดเล็ก เพื่อความอยู่รอดของลูกจ้างทั่วประเทศ รื้อการใช้เงินกู้ 4 แสนล้าน ยกเลิกแผนการใช้เงินฉุกเฉินเหมือนเป็นเงินงบประมาณปกติ กระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ เปลี่ยนระบบราชการจากระบบลายเซ็น มาเป็น e-governmentอย่างแท้จริง ที่สำคัญต้องได้รัฐบาลที่ทำงานเป็นมืออาชีพ รัฐบาลต้องเป็นหนึ่งเดียว เลิกชิงดีชิงเด่น เลิกต่างคนต่างทำ
"กระทรวงหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ต้องทำงานอย่างสอดประสานกัน หากแต่ละกระทรวงไม่ทำงานแบบร่วมมือกัน แยกพรรคแยกพวก แย่งโควต้า ประเทศไทยในเวลานี้ก็ยากที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ"
รัฐบาลชุดนี้ต้องกล้าทบทวน ทำให้ธุรกิจใต้ดิน พลิกมาเป็นธุรกิจบนดิน จากที่ผู้ได้ประโยชน์เป็นผู้มีอิทธิพลไม่กี่คน เป็นกิจการที่มีการกำกับดูแลที่ดีและมีการเสียภาษีตามระบบ จากนั้นรัฐสามารถลดภาระที่ไม่เป็นธรรมของคนชั้นกลาง และสร้างงานและสวัสดิการ
“ที่สำคัญที่สุด วันนี้รัฐบาลต้องฟื้นคืนศรัทธาวันนี้ประชาชนเห็นแต่การแก่งแย่งกันเองภายในแต่ละพรรค และการชิงดีชิงเด่นระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกัน แต่ที่ยังไม่เห็นเลยก็คือความชัดเจนว่าประชาชนจะได้อะไรจากการปรับ ครม."
วานนี้ (22ก.ค.) ภายหลัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมศบค.ชุดใหญ่ ผู้สื่อข่าวได้สอบถามว่า ขณะนี้รายชื่อครม.ชุดใหม่เรียบร้อยแล้ว ใช่หรือไม่ โดยพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "เรียบร้อย ไม่มีอะไร" พร้อมทำท่าผายมือ และหันมายิ้มให้ผู้สื่อข่าวอย่างอารมณ์ดี
ด้านนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสข่าวที่มีรายชื่อว่า ล่าสุดหลุดจากโผ ครม.ใหม่ ที่เดิมมีชื่อว่าจะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ว่า ไม่มีปัญหา ทุกอย่างทุกอย่างขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของนายกฯ ไม่ว่าจะอยู่ตำแหน่งไหนก็ทำงานได้
เมื่อถามว่าขณะนี้ นายกฯ และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ แจ้งหรือส่งสัญญาณอะไรมาชัดเจนแล้ว ใช่หรือไม่ นางนฤมล กล่าวว่าไม่ได้แจ้ง ในพรรคก็ยังไม่ได้แจ้งอะไรมา
เมื่อถามว่าจะรู้สึกผิดหวังหรือไม่ หากไม่ได้ตำแหน่ง นางนฤมล กล่าวว่า "ไม่ผิดหวัง ไม่มีอะไรค่ะ"
"บิ๊กป้อม"ยันไม่ควบ มท.1
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงสัดส่วนรัฐมนตรีของพรรคพปชร. ว่า ตอนนี้นายกฯเคาะตำแหน่งเสร็จแล้วหรือไม่ ตนไม่ทราบ เพราะการปรับครม. เป็นเรื่องของนายกฯ ส่วนพรรคส่งรายชื่อไปกี่คนนั้น ถือเป็นเรื่องลับ นายกฯจะเอาใครก็ได้แล้วแต่นายกฯ
เมื่อถามว่า ล่าสุดมีกระแสข่าวว่าท่านจะควบตำแหน่ง รมว.มหาดไทย ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ช่วยพูดให้ชัดเจน พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า "ไม่หรอก ผมไม่ไหวแล้ว ผมไม่รับหรอก"
เมื่อถามว่าตำแหน่ง รมว.พลังงาน มีการเสนอชื่อในส่วนของพรรคพปชร. ด้วยหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่มี ไม่มีการส่งชื่อใคร ไม่ส่ง
เมื่อถามอีกว่า ข่าวค่อนข้างสับสน ในส่วนของนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกฯ ทางพรรคได้ส่งชื่อไปรับตำแหน่งรัฐมนตรีครั้งนี้ด้วยหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า บอกแล้วให้รอหน่อย รอดูว่ามีใครบ้าง นายกฯ จะเลือกใครก็ได้ จะมีชื่อหรือไม่มีชื่อ ก็เลือกได้ นายกฯสามารถหยิบชื่อใครมาก็ได้
ส่วนการปรับครม.จะมีความชัดเจนเมื่อไรนั้น พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ก็นายกฯบอกว่าเดือนส.ค.
นายไผ่ ลิงค์ ส.ส.กำแพงเพชร และกรรมการบริหารพรรค พรรคพปชร. กล่าวถึงการประชุมของพรรค และมีการเสนอรายชื่อรัฐมนตรีนั้น ก็ไม่ได้เป็นการกดดันนายกฯ แค่บอกถึงความพร้อมว่า ส.ส.อยากทำงาน ส่วนที่มีกระแสข่าวว่า ให้โควตาพรรคแค่ 2 เก้าอี้ ก็ไม่ได้เป็นแบบนั้น ทุกอย่างเราทำตามกฎของพรรค และหลักการทั้งหมด ไม่ได้มีใครกดดันใครทั้งนั้น
เมื่อถามว่าหากคนในพรรคพปชร. ไม่ได้ตำแหน่งรมว.พลังงาน จะเกิดปัญหาหรือไม่ นายไผ่ กล่าวว่า ไม่มี เราจะไม่ทำให้เกิดปัญหากับนายกฯ หลังจากนี้ทุกคนจะร่วมมือกันทำงานต่อไป เมื่อถามว่าที่ผ่านมา พรรคต่อต้านคนนอก ที่จะมานั่งรมว.พลังงาน นายไผ่ กล่าวว่าไม่มีใครต่อต้านแน่นอน ท่านนายกฯ เป็นคนตัดสินใจ ทุกคนต้องร่วมมือกันทำงานกับท่านนายกฯ
เมื่อถามว่า มีการพูดตำแหน่งรมว.แรงงาน ซึ่งเป็นโควตาของพรรครวมพลังประชาชาติไทย หรือไม่ นายไผ่ กล่าวว่า คิดว่ารัฐมนตรีแต่ละท่าน มีความสามารถและอยากจะทำงานตรงนั้นแตกต่างกัน แต่เชื่อว่าคนของพรรคทุกคน ไม่ว่าจะให้อยู่ตรงใดก็ทำได้ แต่ความถนัดของคนย่อมมี เราก็ต้องเสนอไปตามนั้น ดังนั้น ต้องมารอดูว่าผลสุดท้ายจะเป็นอย่างไร
นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงกระแสการปรับครม.ว่า พรรคภท.ยังอยู่ที่เดิม ไม่อะไรทั้งนั้น เรื่องกังกล่าวตนตอบไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องของหัวหน้า และเลขาธิการพรรค ส่วนที่มีกระแสข่าวว่า แกนนำพรรคพปชร. ต้องการสลับเก้าอี้กับพรรคร่วมรัฐบาล นายชาดา กล่าวว่า ไม่ทราบ ยังไม่เคยได้ยินเรื่องนี้เลย.
"สมศักดิ์" รับการตัดสินใจนายกฯ-เดินหน้าทำงานต่อ
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่กระแสข่าว โผครม. ที่พลิกนาทีสุดท้าย และปรากฏว่า นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม และ นายอนุชา นาคาศัย เลขาธิการพรรคพปชร. ไม่ได้ตำแหน่งตามที่ต้องการว่า เรื่องตำแหน่งรัฐมนตรีเป็นเรื่องที่พูดคุยกันภายในพรรค เมื่อได้ข้อยุติ ก็ส่งเรื่องให้คณะกรรมการบริหารพรรค และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะหัวหน้าพรรค เพื่อเสนอนายกรัฐมนตรี จึงไม่ทราบว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง หรือไม่ เพราะหากเปลี่ยนแปลง นายกฯคงแจ้งมาทางหัวหน้าพรรค และจนถึงขณะนี้ตนก็ยังไม่ได้พบ พล.อ.ประวิตร จึงยังไม่มีข้อมูลใหม่ และไม่อยากให้คาดเดา เพราะคิดว่าประเทศชาติต้องเดินหน้าต่อ ประชาชนกำลังรอการแก้ไขปัญหา
"ยืนยันว่าขณะนี้ไม่มีกลุ่มสามมิตรแล้ว ที่สำคัญเมื่อพูดคุยกันแล้ว ก็ขึ้นอยู่กับหัวหน้าพรรค หรือหากจะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรก็ให้สิทธิ์หัวหน้าพรรคพวกผมไม่เคยมีปัญหา ทำงานกันต่อไป และถือเป็นเรื่องของพรรคที่จะพิจารณาว่า พรรคพลังประชารัฐ ยังเป็นพลังหรือไม่ ซึ่งถือเป็นหน้าที่ของแต่ทุกคนที่มีอยู่ พวกผมได้ทำตามหน้าที่ของตนเอง ครบถ้วนแล้ว จึงไม่อยากคิดมาก เพราะหากคิดมากก็คงนอนไม่หลับ ผมก็นอนไม่หลับ"
ส่วนจะห่วงรัฐมนตรีในกลุ่มที่ไม่ได้ตำแหน่งตามคาดหวัง หรือไม่นั้น นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องส่วนตัว อย่าพูดถึง เนื่องจากเป็นสิ่งไม่ดี ประชาชนรอดูเราอยู่ อย่าให้สับสน หรือเป็นประเด็น เพราะขณะนี้เรื่องทุกอย่างอยู่ที่หัวหน้าพรรค เรื่องรายละเอียดอื่นๆ คงไม่ใช่หน้าที่ที่จะมาทำให้เกิดความวุ่นวาย
บิ๊กป้อม ไม่ส่งชื่อ "สุริยะ" นั่งคุมพลังงาน
ทั้งนี้ มีรายงานว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะหัวหน้าพรรคพปชร. ได้ส่งรายชื่อผู้ที่จะเป็นรัฐมนตรีไปให้นายกรัฐมนตรี เพียงแค่ 3 ชื่อคือ นายอนุชา นาคาศัย เลขาธิการพรรค นายสุชาติ ชมกลิ่น ส.ส.ชลบุรี และนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โดยไม่มีชื่อนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ดังนั้นคาดว่า นายสุริยะ จะนั่งรมว.อุตสาหกรรมที่เดิม โดยนายไพรินทร์ ชูโชติถาวร อดีตซีอีโอ ปตท. จะมาเป็นรมว. พลังงาน ส่วนตำแหน่ง รมว.อุดมศึกษาฯ ที่ว่างอยู่ จึงอาจจะส่งนายอนุชา นาคาศัย หรือ นายสุชาติ ชมกลิ่น ไปนั่ง รมว.อุดมศึกษาฯ โดยคนที่ไม่ได้เป็น รมว.อุดมศึกษาฯ ก็จะเปิดตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เพิ่มอีกเก้าอี้หนึ่ง ไว้รองคู่กับ นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โดยไม่ต้องแต่งตั้งรองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ เพราะนายกรัฐมนตรีจะดูแลเอง ซึ่งขณะนี้ได้ให้ นายวิษณุ เครืองาม รอวงนายกฯ ด้านกฎหมายดูแลด้านเศรษฐกิจไปก่อน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ยันยันไม่มีปัญหาหากไม่ได้รับการเสนอชื่อเป็นรัฐมนตรี และเดินทางออกจากทำเนียบฯ ไปเมื่อเวลา 12.40 น. ปรากฎว่า ต่อมาเวลา 15.30 น. นางนฤมล ได้เดินทางขึ้นด้านหลังตึกไทยคู่ฟ้า และ ออกมาในเวลา 15.50 น. ขณะที่ผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์สอบถาม นางนฤมล ปฏิเสธว่าไม่ได้เกี่ยวกับการปรับครม. แต่อย่างใด เมื่อถามย้ำว่า ยังจะมีข่าวดีหรือไม่ นางนฤมล หัวเราะ ก่อนตอบว่า "ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ"
นอกจากนี้ ในเวลาไล่เลี่ยกัน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ก็ได้เข้าพบนายกฯ ที่ตึกไทยคู่ฟ้า โดยใช้เวลาไม่นาน จากนั้นเดินทางออกจากทำเนียบรัฐบาล โดยมีรายงานข่าวว่า ร.อ.ธรรมนัส ได้เดินทางต่อไปพบกับ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ
กรณ์ ชี้ปรับครม.ต้องฟื้นศรัทธาได้
นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า โพสต์เฟซบุ๊กแสดงความเห็นถึงเรื่องการปรับ ครม.ว่า ประชาชนต้องได้ประโยชน์ ต้องได้รัฐบาลที่มีความกล้าในการเข้ามาแก้ไข้ปัญหา โดยเฉพาะการช่วยเอสเอ็มอี ขนาดกลาง และขนาดเล็ก เพื่อความอยู่รอดของลูกจ้างทั่วประเทศ รื้อการใช้เงินกู้ 4 แสนล้าน ยกเลิกแผนการใช้เงินฉุกเฉินเหมือนเป็นเงินงบประมาณปกติ กระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ เปลี่ยนระบบราชการจากระบบลายเซ็น มาเป็น e-governmentอย่างแท้จริง ที่สำคัญต้องได้รัฐบาลที่ทำงานเป็นมืออาชีพ รัฐบาลต้องเป็นหนึ่งเดียว เลิกชิงดีชิงเด่น เลิกต่างคนต่างทำ
"กระทรวงหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ต้องทำงานอย่างสอดประสานกัน หากแต่ละกระทรวงไม่ทำงานแบบร่วมมือกัน แยกพรรคแยกพวก แย่งโควต้า ประเทศไทยในเวลานี้ก็ยากที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ"
รัฐบาลชุดนี้ต้องกล้าทบทวน ทำให้ธุรกิจใต้ดิน พลิกมาเป็นธุรกิจบนดิน จากที่ผู้ได้ประโยชน์เป็นผู้มีอิทธิพลไม่กี่คน เป็นกิจการที่มีการกำกับดูแลที่ดีและมีการเสียภาษีตามระบบ จากนั้นรัฐสามารถลดภาระที่ไม่เป็นธรรมของคนชั้นกลาง และสร้างงานและสวัสดิการ
“ที่สำคัญที่สุด วันนี้รัฐบาลต้องฟื้นคืนศรัทธาวันนี้ประชาชนเห็นแต่การแก่งแย่งกันเองภายในแต่ละพรรค และการชิงดีชิงเด่นระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกัน แต่ที่ยังไม่เห็นเลยก็คือความชัดเจนว่าประชาชนจะได้อะไรจากการปรับ ครม."