ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - ฮาวทู ซีนเดียว “ปลูกต้นไม้อย่างไรให้ชีวิตพัง” เปลี่ยนชีวิต “ฌอน บูรณะหิรัญ” จาก “ไลฟ์โค้ช” เป็น “ไร้ค่า” ชั่วข้ามคืน ซ้ำยังกลายเป็น “หมาหัวเน่า” ที่ทั้ง “ลุงป้อม”- “ลุงตู่”-อาจารย์แหม่ม-ลูกท็อป” ต่างบอกไม่รู้จัก แถมเจอพวกทำเหมืองขุดแบบหนักๆ จากโลกไซเบอร์ ไล่ตั้งแต่ข้อกล่าวหาอมเงินบริจาคดับไฟป่า สร้างสตอรี่ให้ตัวเองดูดีแต่แท้จริงกลวงและลวงโลก ภาพที่เสกสรรปั้นแต่งขึ้นมามลายหายไปยังไม่พอ ขาข้างหนึ่งยังแหย่เข้าไปในคุกอีกต่างหาก
เจอ “ทัวร์ลง” ถล่มเละแบบไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดของนักพูดสร้างแรงบันดาลใจหรือไลฟ์โค้ชชื่อดังจากการรับบท “อินฟลูเอนเซอร์” พรีเซนต์งานกิจกรรมปลูกต้นไม้ร่วมกับคณะของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ คนล่าสุด ตามกระแสข่าวที่ว่างานนี้มีนักการเมือง “แม่บิ๊กอาย” ที่อยู่เป็นจนได้ดิบได้ดีจัดมา พร้อมค่าเหนื่อยด้วยตัวเลข 3 แสนบาท แต่อย่างที่ว่าเรื่องอย่างนี้ใครจะแอ่นอกรับเมื่อเกิดเรื่องขึ้นมา เพราะอะไรๆ ที่ทำๆ กันทำนองนี้ เป็นเรื่องหลังฉากสีเทาๆ ที่ต่างต้องปกปิดและชิ่งหนีทิ้งพวกตายเดี่ยวอยู่แล้ว
ถามจริงๆ เถอะว่า ถ้า “ไม่มีใครจ้าง” แล้ว “ฌอน” ดั้นด้นไปปลูกป่าเพื่ออะไร
ก็ไป “รับจ้าง” เพื่อ “สร้างภาพ” ให้ดูดีในยุคสังคมออนไลน์ที่ชอบทำการตลาดในทำนองนี้ และก็เป็นงานที่ “แม่บิ๊กอายและสหายสายเสี้ยม” ถนัดเสียด้วยสิ
งานนี้ต้องบอกว่า นอกจาก “ผู้ว่าจ้าง” ประเมินผลลัพธ์ผิดแล้ว ตัวฌอนเองก็ประเมินพลาดมหันต์ เพราะปกติไลฟ์โค้ชย่อมต้องรู้ดีว่างานไหนที่รับมาแล้วคุ้มสุดคุ้ม และต้องถือเป็นการทำอัตวิบาตกรรมในอาชีพไลฟ์โค้ชของฌอนเอง ชนิดที่ว่ายิ่งแก้ตัวก็ยิ่งถูกขุด ขุดขึ้นมาประจานแล้วก็โยนลงบ่อถมจมลึก ยากที่จะได้ผุดได้เกิดหรือไปต่อได้ยาก ชื่อเสียงที่เสียไปไม่มีเหลืออีกเรื่อง แต่อีกเรื่องที่จะกลายเป็นคดีติดตัวก็คือเงินบริจาคดับไฟป่า ที่ส่อเค้าว่าผิดเต็มประตูมีโอกาสดิ้นไม่หลุดหรือไม่ ไม่แน่ เว้นเสียแต่ว่าจะมีรายการเลือกข้าง ขายจิตวิญญาณแบบนักการเมืองหลายคนที่ “อยู่เป็น” เอาตัวรอดได้ทุกสถานการณ์
ซีนเดียวเปลี่ยนชีวิตของฌอน เกิดขึ้นเมื่อเขาได้ปล่อยคลิปวีดีโอความยาวเกือบ 4 นาที ที่ว่า “ผมได้ปลูกต้นไม้กับท่านประวิตร” ภายใต้กิจกรรม Climate Festival @North พลัง เหนือ ธรรมชาติ ที่ห้วยตึงเฒ่า จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งจัดโดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.)
คลิปที่เขาพูดแบบกระซิบเรียกความสนใจเอ่ยถึง พล.อ.ประวิตร เริ่มต้นด้วยประโยคที่ว่า “วันนี้เราจะมาร่วมงานกับท่านประวิตร” และตามด้วยประโยค **“เดี๋ยวเราจะไปดูกันว่าสิ่งที่ทุกคนพูดมันจริงไหม” จากนั้น ฌอนก็บอกว่าดีใจที่ได้มาร่วมกิจกรรมกับโครงการนี้ เพราะทำให้คนรับรู้เกี่ยวกับเรื่องการเผาป่าที่เชียงใหม่มากขึ้น และดีใจที่มีผู้ใหญ่ที่มีอิทธิพลต่อประเทศมาด้วย
ชอตเด็ดที่เป็นจุดพีคทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักอยู่ตรงการกล่าวถึง พล.อ.ประวิตร ว่า “เมื่อกี้ได้เจอท่านประวิตร มันไม่เหมือนที่เราเห็นในรูป meme ที่เขาหลับและภาพดูร้ายหน่อย แต่พอได้เห็นตัวจริง เหมือนเป็นผู้ใหญ่ที่น่ารัก” และเขายังเตือนผู้ชมว่า “สิ่งที่เราเห็นในสื่อมันก็มีเจตนาที่จะทำให้เราคิดอะไรบางอย่าง อย่าเพิ่งตัดสินใจจนกว่าเราจะได้เจอเขาจริงๆ ได้คุยกับเขา และได้สัมผัสกับเขา น้องๆ ที่กำลังเติบโตอยู่ อยากให้รู้ว่าข่าวก็มีเจตนาของเขานะ อย่าเพิ่งเชื่อ 100%”
ให้ตายเถอะ ถ้าไม่ “โดนจ้าง” มีหรือที่ไลฟ์โค้ชชื่อดังจะออกเชียร์ลูกกันซึ่งๆ หน้าด้วยชุดคำพูดในลักษณะนี้
นี่เป็นการรับงานครั้งแรกในเชิงการเมืองของไลฟ์โค้ช ฌอน ซึ่งนับจากนี้คงต้องโค้ชชีวิตตัวเองหนักหน่วง จะได้ไม่งงซีนเดียวพังได้อย่างไร เพราะทัวร์ลงชนิดตั้งตัวไม่ทัน ที่สำคัญคือ พล.อ.ประวิตร พูดชัด ไม่รู้จัก ไม่เคยเห็นหน้า ไปงานปลูกป่าก็ไปเนื่องจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ที่ “ลูกท็อป” นายวราวุธ ศิลปอาชา นั่งเป็นรัฐมนตรีว่าการอยู่ เป็นผู้จัดกิจกรรมดังกล่าว
ไม่แต่ พล.อ.ประวิตร เท่านั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รวมไปถึงนายวราวุธ ศิลปอาชา ก็ดาหน้าออกมาว่าไม่รู้จัก ฌอน และไม่ได้ว่าจ้างแต่อย่างใด
“.... ที่ไปครั้งนั้นก็เป็นเรื่องของการปลูกป่าโดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตนจะไปจ้างอะไรใคร” และ “ยืนยันว่าไม่รู้จักกับนายฌอน และไม่เคยเห็นหน้ากันมาก่อน” พล.อ.ประวิตร ให้สัมภาษณ์เมื่อถูกถามถึงนายฌอน ที่พูดถึงพล.อ.ประวิตร ในงานปลูกป่า
“...ตรวจสอบแล้ว และไม่มี” คือคำตอบของพล.อ.ประยุทธ์ เมื่อถูกสื่อตั้งข้อสังเกตถึงการว่าจ้างให้นายฌอน ที่ทำคลิบวิดีโอดังกล่าว
“.... ไม่ได้จ้างนายฌอน ร่วมกิจกรรมปลูกป่า และยืนยันกระทรวงไม่มีนโยบายเปิดรับบริจาค เพราะดูแลเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติงานอย่างเต็มที่อยู่แล้ว จึงไม่ทราบและไม่เห็นรายละเอียดว่านายฌอน บริจาคผ่านช่องทางใด...” นายวราวุธ กล่าว
“รู้สึกงง ที่มีเรื่องการพูดถึงประเด็นการจ้างนายฌอนถึง 300,000 บาท ตรวจสอบจากกรมป่าไม้ ยืนยันว่าไม่มีการจ้าง ผมไม่รู้จักว่าเขาเป็นใคร ในงานวันนั้น ถ้าบอกว่าจ้างนายฌอน ก็ต้องมีภาพที่เขาต้องขึ้นเวทีหรือทำกิจกรรมให้เห็นหรือไม่” นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวง ทส. ก็ว่าตามนาย
แน่นอน “อาจารย์แหม่ม” นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์" โฆษกประสำนักนายกรัฐมนตรี ที่มีกระแสข่าวร่ำลือว่าเป็นคนอยู่เบื้องหลังจ้าง ฌอน ให้มาร่วมงานปลูกป่า และจัดซีนอวย “บิ๊กป้อม” จนเปลี่ยนชีวิตของฌอน ก็ยืนยันเช่นกันว่า ไม่เป็นความจริง ไม่เคยจ้าง และที่ผ่านมาไม่เคยรู้จักกับ นายฌอน มาก่อน กระหน่ำซ้ำเข้าไปอีกดอก จนทำให้ ฌอน เปลี่ยนชะตาจากไลฟ์โค้ชแถวหน้าของฟ้าเมืองไทย กลายเป็น “หมาหัวเน่า” ชั่วข้ามคืน
แต่สืบไปสืบมามี “ข้อมูลใหม่” ที่น่าสนใจด้วยปรากฏชื่อ “บริษัท” ที่โยงใยกับ “ตัวละครเก่า” ซึ่งต้องสงสัยว่าจะเป็น “ผู้ว่าจ้างฌอน” ให้ไปปลูกป่า นั่นก็คือ “บริษัท ก๊อท อิท เอ็นเตอร์เทน จำกัด”
เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่า ย้อนไปในช่วงก่อร่างสร้างตัวของพรรคพปชร. “เสี่ยแฮงค์-อนุชา นาคาศัย” ส.ส.ชัยนาท น้องรักของ “สมศักดิ์ เทพสุทิน” ที่เพิ่งรับเก้าอี้เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ เคยไปใช้บริการบริษัทดังกล่าวมาช่วยสร้างภาพลักษณ์ด้านบวกให้กับพรรคพปชร. เพื่อสู้ศึกเลือกตั้ง ทว่า หลังจาก “เสี่ยแฮงค์” แห้วเก้าอี้รัฐมนตรี การทำงานร่วมกันก็ค่อยๆ ห่างหายไปเป็นลำดับ
กระทั่งมาสบโอกาสเหมาะมาเจอกับ “มาดามแหม่ม” ซึ่งบังเอิญเคมีตรงกันจึงได้ร่วมงานกันหลายต่อหลายครั้ง และมีกระแสข่าวที่ยืนยันตรงกันว่า ผู้บริหาร บ.ก๊อท อิทฯ มักปรากฏตัวเคียงข้างโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีผู้นี้ในหลายเวที ไม่เว้นเวทีที่ต้องสนทนากับสำนักข่าวต่างประเทศ ก็มักปรากฏตัวอยู่ข้างกาย “มาดามแหม่ม” โดยตลอด เพราะฉะนั้นเมื่อสังคมควานหาว่าใครเป็นผู้ว่าจ้าง “ฌอน” บ.ก๊อท อิทฯ จึงตกเป็นผู้ต้องสงสัยหมายเลขหนึ่ง
บ.ก๊อท อิท จดทะเบียนเมื่อวันที่ 11 ม.ค. 2555 มีทุนจดทะเบียน 1,000,000 บาท ตั้งอยู่ที่ 404/2 ซอยลาดพร้าว 109 ถ.ลาดพร้าว แขวงคลองจั่น เขตบางกระปิ กทม. ประกอบธุรกิจประเภท ให้บริการจัดงานแสดงสินค้า การแสดงบนเวที จัดงานอีเว้นท์ ร้านอาหาร มีผู้ถือหุ้น 3 ราย ประกอบด้วย 1.นางประจวบ อินทพันธ์ ถือหุ้น 60% 2.น.ส.ฐิตา อินทพันธ์ ถือหุ้น 30% 3.นางอินทรา ชูเรือง ถือหุ้น 10% แจ้งงบการเงินย้อนหลัง 5 ปีดังนี้ ปี 2555 ขาดทุน 113,094 บาท ปี 2556 ขาดทุน 1,257,010 บาท ปี 2557 ขาดทุน 52,635 บาท ปี 2558 ขาดทุน 51,182 บาท ปี 2559 กำไร 1,432,770 บาท
วกกลับมาหาไลฟ์โค้ชฌอน กันอีกครั้ง ประเด็นที่ขุดกันลึกลงเรื่อยๆ คือ เงินที่รับบริจาคเพื่อนำไปมอบให้ทีมดับไฟป่า คืออย่างที่รู้กันว่าช่วงที่ผ่านมาไฟป่าภาคเหนือถือว่าหนักสุด การเปิดรับบริจาคเพื่อช่วยดับไฟป่าเกิดขึ้นมากมาย หนึ่งในนั้นคือ ฌอน นี่แหละที่เรียกเงินบริจาคได้ไม่น้อย แต่ทว่าที่โชว์ยอดแค่ประมาณ 8 แสนกว่าเท่านั้น แล้วมันใช่เหรอคือคำถาม
ที่เป็นคำถามแรกสุดเลยคือทีมดับไฟป่าได้รับเงินบริจาคอย่างที่ ฌอน อ้างหรือไม่ คำตอบก็มาทันควัน โดย เพจ “แหม่มโพธิ์ดำ” โชว์จดหมายเปิดผนึกของทีมดับไฟป่ามาแสดงต่อสาธารณชน ใจความสำคัญตอบคำถามข้างต้นชัดเจนว่าทีมอาสาดับไฟป่าไม่เคยได้รับเงินช่วยเหลือจาก ฌอน แต่อย่างใด จบเห่
แล้วเงินบริจาคหายไปไหน ฌอนก็เคลื่อนไหวโต้กลับ นำหลักฐานการบริจาคต่างๆ ออกมาโชว์ โดยปรากฏยอดการรับบริจาคจำนวน 875,741.53 บาท และนำภาพกิจกรรมที่ได้นำเงินบริจาคไปซื้อสิ่งของต่างๆ พร้อมทั้งนำใบเสร็จมาแสดง แต่แล้วก็มีการตั้งข้อสังเกตเรื่องการใช้เงินบริจาคจ้างทำสื่อกว่า 254,516.53 บาท ซึ่งเป็นการจ้างทำสื่อลงในแฟนเพจ อินสตาแกรม และยูทูบของฌอนเอง ซึ่งถือว่าใช้เงินทำสื่อไป 1 ใน 4 ของเงินบริจาคทั้งหมด มันใช่ไหมที่เอาเงินบริจาคดับไฟป่าไปสร้างภาพให้ตัวเองดูดี?
เพจ “แหม่มโพธิ์ดำ” ยังตามขย่มอีกระลอก ฝากคำถาม 5 ข้อจากชาวโซเชียลถึงฌอน เกี่ยวกับเงินบริจาคดับไฟป่าเชียงใหม่ที่หายไป เช่น รับบริจาคมาหนึ่งเดือนเต็มกดไลท์เป็นแสนกดแชร์ห้าหมื่นมีคนเห็นห้าล้านสิบล้านคน เงินบริจาคที่ว่าได้แค่แปดแสนกว่า#จริงเหรอฌอน ขณะที่เปิดรับบริจาคถือเป็นการเรี่ยไรซึ่งไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่ถ้าเงินไปถึงคนลำบากจริงก็ละไว้แต่มันต้องโปร่งใส โชว์ยอดสเตทเม้นท์ตั้งแต่วันแรกถึงวันสุดท้ายคือสิ่งจำเป็น จะมาแค่โชว์ใบสั่งของที่ไม่มีชื่อร้านแค่นี้ #ได้เหรอฌอน
อีกคำถามคือรับบริจาคช่วยดับไฟป่าแต่เอาเงินไปช่วยโรงพยาบาล นี่ก็ผิดวัตถุประสงค์ ไม่มีเงินตรงไหนไปถึงคนดับไฟป่าเลย และตอนบริจาคหน้ากากบอกไป 3 หมื่นชิ้น แต่โชว์ใบเสร็จมีแค่แปดหมื่นชิ้น ที่เหลืออีกสองหมื่นกว่าชิ้นหายไปไหน แถมเอาเงินบริจาคทุกคนมาบริจาคในนามตัวเองแบบนี้ #ไหวเหรอฌอน
หนักหนาคือคำถามฌอน ใช้เงินบริจาคสองแสนห้าหมื่นบาทบูทโพสในเพจเพื่อให้คนตามเยอะๆ ทำแบบนี้มันผิดศีลธรรมและกฎหมาย มันคือผลประโยชน์ทับซ้อน “ทุเรศนะฌอน” เงินดังกล่าวเอาไปซื้ออุปกรณ์ดับไฟได้เพียบ “....คิดจะช่วยคน ได้หน้า ได้ภาพลักษณ์ ได้คนติดตาม ไม่ออกสักบาทเลยเหรอ เสียศักดิ์ศรีเศรษฐีขับ i8 นะ #เขินแทนเลยฌอน”
และคำถามสุดท้าย พอใครทวงถามสเตทเม้นท์และการใช้จ่ายเงินรับบริจาคมา แอดมินเพจฌอน ขอนามบัตรและหลักฐานแสดงตัวตน ทีตอนขอเงินไม่เห็นยุ่งยากแบบนี้เลย ได้เงินไปแล้วอย่าทำให้มันยุ่งยาก #มันจะเสียหมาเอานะฌอน”
ตอนนี้ ทางหน่วยงานรัฐ อย่างกรมสรรพากร นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาส อธิบดีกรมสรรพากร บอกว่า เตรียมตรวจสอบเงินบริจาคดับไฟป่า จังหวัดเชียงใหม่ ของ ฌอน แล้ว ซึ่งต้องชี้แจงที่มารายได้และรายละเอียดการใช้เงิน ขณะที่นายอำเภอเชียงใหม่ ก็บอกชัดว่า นายฌอน ไม่ได้ยื่นขออนุญาตทำการเรี่ยไร เรียกว่างานเข้าทุกทิศทุกทาง
ไม่เพียงเงินบริจาคที่ฌอน ไม่เคลียร์และมีปัญหา แม้แต่ในเชิงเนื้อหาที่ไปว่าต้องช่วยกระจายความรู้ให้เกษตรไม่เผาป่าก็มั่วซั่ว เจอนายบัณรส บัวคลี่ สมาชิกสภาลมหายใจเชียงใหม่ ที่สู้เรื่องฝุ่นพิษเมืองเชียงใหม่และเผาป่าตอกกลับเอาว่าจะมาพูดสั้นๆ เหมารวมว่าชาวบ้านเผาป่ามันไม่ได้ ชาวบ้านที่ดูแลป่าดีๆ มีเยอะ ต้องระวังคำพูดให้มาก
อีกเพจจอมขุดชื่อกระฉ่อนที่ตามกัดฌอน ไม่ปล่อยคือ เพจ CSI LA นอกจากจะขุดเรื่องเงินบริจาคแล้ว ยังจับโกหกและลามเลยไปถึงการสร้างภาพเฟกๆ ขอ ฌอน อย่างเช่น การชี้แจงเรื่องเงินบริจาคของฌอนที่เอารูปขึ้นเพจที่เจอจับโป๊ะว่า คนในรูปคือ พ.ต.อ.ปิยะพันธ์ ภัทรพงศ์สินธุ์ รอง ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ หรือ “รองหมู” ซึ่งรับผิดชอบงานจิตอาสาของทั้งจังหวัดที่หารือกิจกรรมจิตอาสาไม่ใช้ชี้แจงเรื่องเงินบริจาคอย่างที่เพจของฌอนอ้าง สถานที่ในรูปคือ ห้องรับรองภูธรจังหวัดเชียงใหม่ ไม่ใช่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5
นอกจากนั้น ยังตั้งข้อสังเกตบริษัทของ ฌอน ขาดทุนตัวแดงมาตลอดแล้วเอาตังค์ที่ไหนซื้อรถหรู BMW i8 ราคา 12 ล้าน แล้วอวดรวยออกเพจ และตั้งข้อสังเกตเงินซื้อบ้านพักตากอากาศที่เชียงใหม่ ราคา 28 ล้านบาท นั้นได้แต่ใดมา ขายคอร์สในราคาแพงๆ จ่ายภาษีบ้างไหม
ส่วนที่แจงงบรายปี 61 มีรายได้ทั้งปีแค่ 5.6 ล้าน รายจ่าย 6.2ล้าน ขาดทุน 6 แสนกว่า นี่มันหาเรื่องเลี่ยงภาษีใช่หรือไม่ เพราะธุรกิจก็ไม่ได้ลงทุนอะไรเลย แค่ไปก๊อปปี้ content ฝรั่งมา แล้วเอามาแปลงหรือแปลเป็นภาษาไทยสมอ้างว่าเป็นคนคิดขึ้น แถมชอบก๊อปปี้คำคมของคนมีชื่อเสียงมาพูดแล้วไม่ให้เครดิตอีกต่างหาก
เพจ CSI LA ยังตามขุดสมัยเรียนที่ว่าเป็นชาวเอเชียและถูกฝรั่งผิวขาวรังแกจริงหรือไม่ ยากจนจริงหรือไม่โซนนั้นคนรวยอยู่ไม่ใช่หรือ และที่ให้สัมภาษณ์ว่าเคยเป็นบอดี้การ์ดต่อยมวยได้เงิน แถมแบบการเตะกับศอกแบบมวยไทยเท่ากับ Lethal Weapon หรือเท่ากับอาวุธที่ฆ่าคนตายได้นั้น โม้หรือเปล่า ที่พีคอีกเรื่องคือ ฌอนเคยติดคุกจริงๆหรือแต่งขึ้นมาเอง ถ้าจริงช่วยบอกได้หน่อยได้ไหมว่าที่ไหนเมืองเพราะจะมีบันทึกไว้หมด
ขุดกันสามวันแปดวันไม่หมดไม่จบไม่สิ้น ครานี้ไลฟ์โค้ชต้องสอนบทเรียนชีวิตให้กับตัวเองแล้วหล่ะว่าอย่าทะเล่อทะล่าไปเล่นกับการเมือง ความรู้สึกของคน และดูแคลนภูมิปัญญาของสังคม แถมแซะสื่อเข้าให้อีก ปานนี้ไม่รู้ว่า “ฌอน” ตามหาเข็มทิศชีวิตเจอแล้วหรือยัง แล้วจะแจงกรมสรรพากร เรื่องเงินบริจาคดับไฟป่ายังไงให้รอด
ส่วนประเด็น “ไปปลูกป่าได้ไงถ้าไม่มีใครจ้างมา” ฌอนคงทำอะไรไม่ได้มากกว่าไปกว่า “กลืนเลือด” เพราะไม่รู้จะออกรูปไหน ยิ่ง “ผู้ว่าจ้าง” ปฏิเสธเสียงหลงแบบนี้ด้วยแล้ว พูดได้คำเดียวว่า “ตายเดี่ยว” ขณะที่ “ผู้ว่าจ้าง” ที่ลุ้นเก้าอี้รัฐมนตรีก็คงต้องไปเทียวไล้เที่ยวขื่อที่ “ป่ารอยต่อ” ให้หนักกว่าเดิม เพียงแต่ต้องระวังให้หนักเพราะ “มาตามป่ารอยต่อตัวจริง ส่งสัญญาณไม่พอใจออกมาให้เห็นแล้ว