ป้อมพระสุเมรุ
ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - กระทุ้งไม่เลิก วงเก้าอี้ดนตรี ที่บรรดา “รมต.วอนนาบี” ทั้งหลายร่วมด้วยช่วยกัน โหมกระแสให้ “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ปรับวันนี้วันพรุ่งเสียให้ได้พยายามกันหนักถึงขั้นนั่งเทียนเขียนโผรัฐมนตรีแจกสื่อไม่เว้นแต่ละวัน คนเขียนโผตัวจริงอย่าง “บิ๊กตู่” ยังงง มโนกันได้เป็นตุตะ ทั้งที่ก็บอกอยู่ว่า อำนาจนายกฯ แต่เพียงผู้เดียวเขย่าๆ หนักเข้า ก็เลยต้องตะวาดเสียงเข้มๆ ผ่านไลน์ว่า “เลอะเทอะ” ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรช่วงนี้
แต่ถามว่าหยุดไหม พวก “รมต.วอนนาบี” ก็ยังหยุด เห็นสถานการณ์กำลังได้เปรียบ หลังหาม “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เข้าวินหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เขี่ยทิ้ง “ทีมสี่กุมาร” ได้สำเร็จ
ก็คิดตื้นๆ ว่า 4 เก้าอี้รัฐมนตรี ของ “สี่กุมาร-เฮียกวง” ต้องเหมาเรียบมาให้ “ลิ่วล้อลุงป้อม” ที่ก่อการยึดพรรคสำเร็จ
4 เก้าอี้ที่ว่า อยู่ในโซนเกี่ยวโยงงานเศรษฐกิจ ทั้งรองนายกฯของ “เฮียกวง” สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ที่แม้ไม่ได้เป็น “หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ” หลัง “บิ๊กตู่” ขอเป็นเอง ก็ยังถูกมองว่าเป็น “มือเศรษฐกิจ” ของรัฐบาลอยู่ดี รวมทั้ง รมว.พลังงาน ของ สนธิรันต์ สนธจิรวงศ์ และ รมว.การอุดมศึกษาฯ ของ สุวิทย์ เมษิณทรีย์ และขาดไม่ได้เก้าอี้ขุนคลัง รมว.คลัง ของ อุตตม สาวนายน
เมื่อเป็นเช่นนี้โทน “ข่าวปล่อย” จาก “รมต.วอนนาบี” ก็เลยไปในทิศทางเดียวกันว่า ต้องปรับ ครม.เพื่อดึง “มือเศรษฐกิจ” มาเสียบแทน “ทีมสมคิด”
สอดรับกับข่าว “ว่าที่รัฐมนตรี” ที่ตั้งกันเองอวยกันเอง ทั้ง “เสี่ยเฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่น, “เสี่ยแฮ้งค์” อนุชา นาคาศัย และ “หนูแหม่ม” นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เข้าแถวไปกรอกประวัติ เตรียมรับการอวยยศเป็นเสนาบดีกันเรียบร้อยแล้ว
ปล่อยกันไปไกล จน “บิ๊กรัฐบาล” เกาหัวแกรกๆ “อิหยังวะ” ครั้นจะเบรกอีกก็เหนื่อยใจ เพราะดูท่าพวกนี้จะฟังไม่รู้ภาษา
ยิ่งมีการชงชื่อ สันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ที่เป็นคนโปรดของ “ลุงป้อม” ช่วงนี้ให้อัพเกรดขึ้นชั้น รมว.คลัง ทั้งที่ชื่อเสียงเป็นที่รับรู้ระดับ “มือเซ้งลี้” สมัยรัฐบาลทักษิณ-รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ทำเอา “ลุงตู่” ส่ายหน้าโดยอัตโนมัติ
ส่วนคนที่ถูกพาดพิงถึงบ่อยๆก็เซ็งในอารมณ์ ก็เลยได้ยินปาฐกถาในอารมณ์บูดๆของ “อาจารย์สมคิด” เมื่อวันที่ 24 มิ.ย. ที่ว่า “อย่ามาโทษกันว่าใครทำให้เศรษฐกิจแย่ คนตกงานเยอะ อย่าบิดเบือนข่าว ขณะนี้ประเทศอยู่ในภาวะวิกฤติต้องมาช่วยกันคิดจะหาทางออกให้ประเทศไทยอย่างไร จะต้องทำให้ไทยเข้มแข็งอย่างไร ต้องบาลานซ์ให้ได้ระหว่างภายในกับภายนอกประเทศ เรื่องการส่งออก ไทยควรใช้โอกาสปีนี้และปีหน้าสร้างฐานไทยให้เข้มแข็ง โบราณว่า มังกรเหินฟ้า เวลาบินไม่ได้ ต้องหัดพ่นไฟไว้ พอฟ้าเปิดลมทะยาน ต้องพร้อมบิน ไม่ใช่คุยอย่างเดียวเป็นศูนย์การอาหาร แต่ใช้ไม่ได้เลย
“ส่วนเรื่องการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ขณะนี้ไม่ต้องพูดถึงการปรับ ครม.แล้ว ใครจะมาหรือเก่าไปใหม่มา เก่าไม่ไป ใหม่ไม่มา ไม่ต้องพูดไม่มีอะไรสำคัญ สำคัญที่ว่าเก่าอยู่หรือใหม่มา ต้องเดินตามหลักการตรงนี้ เพื่อให้ท้องถิ่นเข้มแข็ง และสร้างงานให้คนไทย ถ้าคนเก่าอยู่แล้วไม่สามารถทำได้ ก็ไม่ควรอยู่ ถ้าคนใหม่มา ทำไม่เป็นหรือทำไม่ได้ก็ไม่ต้องมา จะมาทำอะไร ขณะนี้คนเก่ายังอยู่ แต่ถ้าอยู่แล้วช่วยประเทศไม่ได้ ไม่ต้องอยู่ นี่คือหลักการในการบริหารประเทศ ไม่ว่าเก่าอยู่หรือใหม่มาต้องเดินตามนี้ เพื่อให้ท้องถิ่นเข้มแข็ง คนใหม่ทำไม่เป็น ทำไม่ได้ ไม่ต้องมา มาทำไม คนเก่าอยู่ทำไม่ได้ ไม่ต้องอยู่ ทุกคำพูดลงข่าวให้เป๊ะนะ”
ถอดรหัสไม่ยากว่า “ฉุน” เรื่องอะไร ขนาด วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ยังมองว่า ไม่ได้เป็นการส่งสัญญาณใดๆ แต่อาจเกิดจากรำคาญสื่อมวลชนที่สอบถามความเห็นเรื่องนี้ทุกวัน
“ท่านคงรำคาญพวกคุณ ถามทุกวัน ซึ่งท่านก็บอกว่าให้ไปลงตามนี้ให้เหมือนเป๊ะนะ ส่วนส่งสัญญาณอะไรหรือไม่ ช่วยไปถามท่านเอง ผมตีความด้านกฎหมาย ไม่ได้ตีความคำพูดคุณสมคิด”
ต้องนับถือใจ “ทีมสมคิด” ไม่น้อยว่าถึงจะรำคาญใจอย่างไรกับข่าวถูกปรับออกจาก ครม. แต่ “ทีมสมคิด” ก็ยังก้มหน้าก้มตาทำงานต่อเนื่อง ไม่มี “เกียร์ว่าง” เหมือนรัฐมนตรีหลายคนในอดีต
อย่างคำพูดตัดรำคาญของ “เฮียกวง” ก็พูดในงานเปิดนโยบายเศรษฐกิจพอเพียงสร้างไทยและโครงการ New Gen Hug บ้านเกิด ที่เคยได้มอบหมายให้ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เสนอต่อคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ตาม พ.ร.ก.กู้เงินฯ เพื่อนำงบประมาณมาจัดตั้ง “กองทุนฟื้นฟูเศรษฐกิจฐานราก” เพื่อนำเงินทุนปลอดดอกเบี้ยมาร่วมสมทบกับ “สินเชื่อ New Gen รักบ้านเกิด” ของ ธ.ก.ส.
ฉวยจังหวะจากผลพวงวิกฤตโควิด-19 ดึงแรงงานให้กลับไปตั้งรกรากทำมาหากินที่ภูมิลำเนาให้เกิดการสร้างงาน สร้างรายได้ และปฏิรูปภาคการเกษตรให้กับคนในชนบท
ขณะที่ “อุตตม” ที่ไปร่วมอีเวนท์วันนั้นด้วย ก็ยังคงเกาะติดมาตรการ “เราไม่ทิ้งกัน” ตลอดจนการกลั่นกรองโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ใช้งบประมาณจาก พ.ร.ก.กู้เงินฯต่อเนื่องเช่นกันหรืออย่าง “สนธิรัตน์” ก็ปล่อยทีเด็ดอย่าง “บล็อกเชนปาล์ม” เพื่อช่วยดันราคาปาล์มให้กับเกษตรกรออกมา
ส่วนกระทรวงการอุดมศึกษาฯ (อว.) ของ “สุวิทย์” ก็คิกออฟไปก่อนใครเพื่อนแล้วกับโครงการ “อว.สร้างงาน” ที่ตอนนี้ไปไกลถึงเฟส 2 ตั้งเป้าจ้างงานให้ได้ถึง 32,718 อัตราทั่วประเทศ ช่วงเดือน ก.ค.- ก.ย.นี้
สะท้อนให้เห็นว่า “ทีมสมคิด” ยังไม่ถอดใจอย่างที่มี “ข่าวปล่อย” ออกมาจาก “เจ้าแม่บิ๊กอาย” ประจำทำเนียบรัฐบาล
อีกทั้งหากให้ความยุติธรรม ผลงานของ “ทีมเฮียกวง” ถือว่าทำแต้มให้กับรัฐบาลมาตั้งแต่สมัยรัฐบาล คสช. ทั้งบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือชิมช้อปใช้ ที่กระตุ้นเศรษฐกิจไทยให้วูบวาบขึ้นมาได้
ไม่ต้องอะไรมาก ขนาดเขี้ยวลากดินอย่าง “ค่ายสะตอ” พรรคประชาธิปัตย์ ยังต้องโวยวายใส่ “อู๊ดด้า” จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรค ที่เป็นรองนายกฯและ รมว.พาณิชย์ ว่าบื้อใบ้อะไรอยู่ ปล่อย “ทีมสมคิด” ยิงนโยบายตู้มต้ามๆ อักโปรแรงหลายขนาน ทั้งบัตรคนจน, ชิบช้อปใช้ หรือช่วงวิกฤตโควิด ก็แก้เกมเร็ว อัดฉีดเยียวยา “เราไม่ทิ้งกัน” เข้ากระเป๋าไปเลย 5 พัน 3 เดือน เบ็ดเสร็จ 1.5 หมื่นบาท
และไม่แค่ไม่มีซีนให้ “ค่ายสะตอ” บ้าง ยังทำให้ “ดูแย่” อีกกลับปัญหา “หน้ากากอนามัย” ทั้งหาย ทั้งแพง จนคนเชื่อไปครึ่งค่อนประเทศ
พูดง่ายๆ หาก “ทีมสมคิด” อยู่ ทำให้พรรคร่วมรัฐบาล “ดูแย่” แล้วดีไม่ดีเจอเจาะฐานเสียงหนักไปใหญ่ อย่างการแก้ราคาปาล์มผ่านบล๊อกเชน ถือว่าทะลวงฐานเสียงที่ปักษ์ใต้เต็มๆ “ค่ายสะตอ” อยู่กันไม่ไหว ถึงต้องต่อว่าผู้ใหญ่ในพรรค
เฉกเช่นเดียวกับ “แคนดิเดทคนนอก” ที่มีการปล่อยชื่อมาหลายคน ข่าวว่าในซีกของ “นายแบงก์ดัง” ก็ว่ากันว่า “เซย์โน” กันไปเป็นแถวแล้ว ทั้งตัว “บิ๊กบอสค่ายเขียว” และตัว “เด็กปั้น” ก็ยังไม่เอา เพราะรู้ว่า “งานนี้ไม่หมู”
จะมีก็แต่ “นักเลือกตั้ง” ที่หน้ามืดอยากมีอำนาจ “วอนนาบี” อาสาตัว ไม่สนความเหมาะสมความรู้ความสามารถ อวดแค่ว่าเชี่ยวชาญสกิลด้านระดม “กระสุน” เตรียมการเลือกตั้งครั้งหน้าเป็นพิเศษแค่นั้น
โปรดฟังอีกครั้ง “คนใหม่ทำไม่เป็น ทำไม่ได้ ไม่ต้องมา มาทำไม คนเก่าอยู่ทำไม่ได้ ไม่ต้องอยู่” โควทคำพูด “สมคิด” ท่อนนี้ กระแทกไปถึง “รมต.วอนนาบี” อย่างชัดเจน.