“ข่าวลึก ปมลับ” ออกอากาศทาง NEWS1 ล้วงปมลึก คลายปมลับ ตีแผ่ประเด็นร้อน กับ นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมือง และกระบวนการยุติธรรม วันพุธที่ 24 มิถุนายน 2563 ตอน "บิ๊กตู่"สยบข่าว ครม.หยุดนักวิ่ง จับตาหลัง พ.ร.บ.งบฯ 64 ผ่านสภา
การยกเครื่องรัฐบาล แม้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม จะยังไม่อยากปรับคณะรัฐมนตรีในตอนนี้ เพราะสถานการณ์โควิด-19 ยังไม่สามารถไว้วางใจได้
ประกอบกับกฎหมายหลายฉบับที่เกี่ยวกับการฟื้นฟูประเทศยังไม่มีผลบังคับใช้ อยู่ระหว่างการพิจารณาในสภาผู้แทนราษฎร รวมไปถึงร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2564 เพิ่งจะเข้าสภาฯ
แต่ด้วยเงื่อนไขแทรกซ้อนที่แทรกเข้ามา ทำให้อยู่ในสถานการณ์อึดอัดพอสมควร โดยเฉพาะประเด็นที่หม่อมราชวงศ์จัตุมงคล โสณกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ลาออกจากการเป็นหัวหน้าพรรคและสมาชิกพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) กับ สุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ก่อตั้งพรรค
และฝ่ายสุเทพเองประสงค์จะให้ ดร. เอนก เหล่าธรรมทัศน์ แกนนำ รปช.มาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีในโควต้าของพรรคแทน "หม่อมเต่า"
จึงไม่มีทางเลือกอื่นให้กับบิ๊กตู่ นายกรัฐมนตรี นอกจากต้องถือโอกาสปรับทัพใหม่ไปเสียทีเดียว ซึ่งอย่างน้อย พล.อ.ประยุทธ์ เองคงรอให้ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2564 ผ่านสภาฯไปก่อน ถึงจะเป็นเวลาเหมาะเจาะกับการปรับทัพ
สิ่งที่สามารถทำได้ในช่วงนี้ ก็ต้องคอยออกมาแอ็กชั่นเพื่อหยุดบรรดานักวิ่งทั้งหลายเอาไว้ ว่ายังไม่มีการปรับคณะรัฐมนตรี
เพราะความจริงในคลื่นที่ปั่นป่วน ถาโถมใส่บิ๊กตู่ ไม่ได้มีเพียงพรรคพลังประชารัฐเท่านั้นที่เบ่งพลังใส่กันเพื่อต่อรองตำแหน่ง แต่บรรดาพรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ ต่างก็มุ่งหน้าจะเข้ามาเป็นรัฐมนตรีทั้งนั้น
ลำพังพรรคพลังประชารัฐตอนนี้ก็เหมือนจะเอาอยู่ หลัง "บิ๊กป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เข้ามาเป็นหัวหน้าพรรคด้วยตัวเอง จัดสรรอำนาจในพรรคกันใหม่
แต่ยังมีปัญหาอยู่ โดยเฉพาะตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ที่มีกระแสข่าวว่า พล.อ.ประวิตร ยอมยกให้กับสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม
แต่ พล.อ.ประยุทธ์ ส่งสัญญาณชัดว่า ไม่ต้องการให้สุริยะมานั่งอยู่ตรงนี้ รวมไปถึงคนหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับพรรคพลังประชารัฐก็ขวางสุริยะเฉกเช่นเดียวกัน
ส่วนสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานคนปัจจุบัน แม้จะหลุดจากเก้าอี้เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ แต่ข่าวว่า ยังมั่นใจว่าตัวเองได้อยู่ในเก้าอี้นี้ต่อ เพราะผลงานจับต้องได้ โดยเฉพาะเรื่องราคาปาล์ม
อีกทั้งทางด้านพลังภายในช่วงนี้ ได้ "มาดาม”ทั้ง7 แห่งพรรคพลังประชารัฐ ส.ส.กทม.มาเป็นฐานให้ รวมถึง ส.ส.ภาคใต้บางส่วน จึงทำให้ระยะหลังสนธิรัตน์มั่นใจได้ไปต่อ
นอกจากนี้ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่เพิ่งฉลองชัยชนะในฐานะแม่ทัพสู้ศึกเลือกตั้งซ่อมลำปางมาสดๆร้อนๆ ก็ยังแอบช่วยอีกแรง
เก้าอี้รมต. พลังงานจึงสู้กันแรง ดูแล้วแม้สุริยะจะพยายามรวบรวม ส.ส.สนับสนุน แต่อำนาจตัดสินใจเป็นของนายกฯ ด่านนี้ถือว่าผ่านยาก และดูจากการจัดทัพกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐชุดใหม่ที่ พล.อ.ประวิตรตัดสินใจมอบตำแหน่งเลขาธิการพรรคคนใหม่ให้แก่ "เสี่ยแฮงค์" อนุชา นาคาศัย ส.ส.ชัยนาท มันก็มีนัยแฝงอยู่
เพราะอนุชาเองเป็นนักการเมืองในกลุ่มสามมิตร ซึ่งปัจจุบันกลุ่มสามมิตรมีรัฐมนตรีถึง 2 คน คือ สุริยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม การที่อนุชาได้ขึ้นเป็นเลขาธิการพรรคคนใหม่ก็เป็นการการันตีเก้าอี้รัฐมนตรีทางอ้อม
สามมิตรจะมีรัฐมนตรีถึง 3 คนในการปรับคณะรัฐมนตรีครั้งหน้า ซึ่งมีกระแสข่าวว่า เหตุที่ พล.อ.ประวิตร ยอมให้อนุชาได้เป็นรัฐมนตรีอีกคน ก็เพราะไม่สามารถดึงเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานมาให้ได้ตามที่ตกลงกัน จึงใช้วิธีนี้แทน คือ เพิ่มเก้าอี้ให้กลุ่มสามมิตรอีกตัว
ส่วนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังนั้น แม้จะไม่ใช่อุตตม สาวนายน ที่กระเด็นตกเก้าอี้หัวหน้าพรรค แต่สันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังก็รู้ตัวเองว่า นายกฯไม่ยอมมอบให้แน่
เพราะติดปัญหาเรื่องภาพลักษณ์และการยอมรับของสังคม จึงแจ้ง พล.อ.ประวิตร ว่าขออยู่ที่เดิม เพียงแต่ขอเพิ่มเนื้องาน ดูแลกรมกองมากขึ้นกว่าเก่า เนื่องจากที่ผ่านมา ไม่ค่อยมีงานอะไร ทำเลย
ส่วน "เสี่ยเฮ้ง" สุชาติ ชมกลิ่น ส.ส.ชลบุรี อยากนั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานใจแทบขาด โดยมีการเสนอให้สุเทพ หันไปเอากระทรวงการอุดมศึกษา วิจัย และนวัตกรรม ที่เป็นงานวิชาการแทน ซึ่งเหมาะกับเอนกมากกว่า
แต่สุเทพเองก็ทำทีเป็นว่าไม่อยากลดเกรด เพียงแต่ด้วยด้วยเงื่อนไขปัจจุบันที่พรรคพลังประชารัฐมีเสียง ส.ส.เพิ่มขึ้น ทำให้ต้านลำบาก
ขณะที่หัวหน้าทีมเศรษฐกิจคนใหม่ แม้วันนี้จะมีชื่อแคนดิเดตหลายคน ทั้งไพรินทร์ ชูโชติถาวร อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม หรือปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทย แต่บางคนที่ถูกทาบทามไม่อยากเปลืองตัว เอาชื่อมาทิ้ง
ซึ่งสอดคล้องกับท่าทีของ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ที่ทิ้งปริศนาว่า ไม่มีคนดีที่ไหนอยากมาทำ
วันนี้ที่ พล.อ.ประยุทธ์ เองยังบอกว่า จะยังไม่ปรับคณะรัฐมนตรี ก็อาจเป็นเหตุผลเรื่องการหาตัวตาย ตัวแทน ที่ชื่อชั้นดีกว่าคนเก่าไม่ได้
ฟากฝั่งประชาธิปัตย์นั้น ก็อยากจะปรับทัพใหม่ใจแทบขาด โดยเฉพาะบรรดาพวกที่ต่อแถวรอคิว สลับขึ้นเป็นรัฐมนตรีแทนคนเก่า ซึ่งมีรายงานว่า ตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการในโควต้าของพรรค จะเปลี่ยนใหม่หมด ทั้งคุณหญิงกัลยา โสภณพนิช และสาธิต ปิตุเตชะ
ด้านภูมิใจไทยน่าจะเป็นพรรคที่นิ่งที่สุด เพราะเจ้าของพรรคจัดสรรผลประโยชน์ได้ลงตัวแล้ว ภารกิจที่มีตอนนี้คือ การรักษาโควต้าเก่าของตัวเอง ทั้งกระทรวงคมนาคม กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเอาไว้ให้ได้
พรรคที่น่าห่วงที่สุดตอนนี้คือ พรรคชาติพัฒนา ที่มีเพียง 4 เสียง ซึ่งพรรคพลังท้องถิ่นไทของ ชัชวาลล์ คงอุดม ตอนนี้มีมากกว่า อีกทั้งยังผนึกกำลังกับพรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย หากรอบนี้ไม่ได้อาจจะมีปัญหาเรื่องความไม่พอใจ แต่สุวัจน์ ลิปตพัลลภ เองก็ไม่ยอมง่ายๆ แน่ เพราะมีพลังภายในที่ไม่เป็นรองใคร
ส่วนพรรค 1 เสียง วันนี้คงลำบากที่จะได้ ต่อให้รวมกันมาขอ ยิ่งตอนนี้ พล.อ.ประวิตร เล่นใช้วิธี ไพบูลย์โมเดล ยุบพรรค แล้วมาอยู่กับพรรคพลังประชารัฐ แก้ปัญหาจับกลุ่มกันมาต่อรอง ได้เรียบร้อย
ดูตามไทม์ไลน์ พล.อ.ประยุทธ์ คงยืนยันว่า ยังไม่ปรับคณะรัฐมนตรี เพื่อไม่ต้องการให่้เกิดการชุลมุนวิ่งต่อรอง แต่อาศัยจังหวะลงล็อค แล้วปรับแบบจรยุทธ์ไม่ให้รู้ตัว ซึ่งน่าจะเกิดขึ้นหลังกฎหมายงบประมาณผ่านสภาฯแล้ว