เมืองไทย 360 องศา
ถือว่าชัดเจนร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วว่า “พี่ใหญ่” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ จะมาเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐคนใหม่ รวมไปถึงได้เห็นกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่แบบเต็มทีม ซึ่งก็เป็นบุคคลที่ปรากฏในภาพที่คล้องแขนถ่ายภาพร่วมกันขณะไปทำพิธีเชิญ พล.อ.ประวิตร มาเป็นหัวหน้าพรรค เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน ที่ผ่านมา ก่อนถึงวันประชุมใหญ่ในวันที่ 27 มิถุนายนนี้ นั่นแหละ
ขณะเดียวกัน เชื่อว่า หลายคนที่เคยลงคะแนนให้กับพรรคการเมืองพรรคนี้ เพื่อสนับสนุนให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อการเลือกตั้งคราวที่แล้วจะรู้สึกอย่างไรกันบ้าง เมื่อได้เห็นภาพดังกล่าวปรากฏออกมา ดีใจ เสียใจ หรือเฉยๆ เพราะเห็นว่านี่คือ “วิถีการเมือง” ที่ต้องมีการเปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์
หรือว่ารู้สึกเซ็งกับการเมืองไทยขึ้นมาทันที เมื่อได้เห็นการเคลื่อนไหวกันแบบนี้ เพราะรับรู้ถึงสัญญาณว่าอีกไม่นานจะมีการปรับคณะรัฐมนตรีกันชุดใหญ่ แม้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะยืนยันว่า “ยังไม่ปรับคณะรัฐมนตรีในช่วงนี้” ก็ตาม รวมไปถึงยืนยันว่า “ไม่มีใครมาต่อรองกับผมได้” ก็ตาม ซึ่งก็ถูกต้อง เพราะตอนนี้ยังไม่มีการปรับคณะรัฐมนตรี แต่หลายคนก็มั่นใจว่าอีกไม่นานก็ต้องปรับแน่นอน อาจเป็นช่วงหลังจากร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 64 ผ่านสภาไปก่อน หรือที่มีการคาดการณ์ว่าน่าจะภายในกลางเดือนกรกฎาคม หรือกลางเดือนหน้านั่นเอง
เพราะการเปลี่ยนแปลงภายในพรรคพลังประชารัฐที่เห็นในวันนี้ มีเป้าหมายก็เพื่อ “ให้เกิดการปรับคณะรัฐมนตรี” ที่บางคนต้องการนั่งเก้าอี้รัฐมนตรีที่ตัวเองหมายตาเอาไว้ หรือบางคนที่ยังไม่เคยนั่งเก้าอี้รัฐมนตรี ก็หมายมั่นปั้นมือว่าคราวนี้เป็นโอกาสของตัวเองที่จะได้เข้ามาบ้าง ดังที่ได้รับรู้ถึงความเคลื่อนไหวดังกล่าวอยู่ตลอดเวลา
แน่นอนว่า แม้จะยังไม่ปรับคณะรัฐมนตรีในช่วงนี้ตามคำยืนยันของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แต่เชื่อว่าอีกไม่นานก็ต้องปรับแน่ ซึ่งเชื่อว่าเมื่อถึงเวลานั้นก็จะได้เห็นโฉมหน้ารัฐมนตรีที่เห็นในภาพดังกล่าวข้างต้นเข้ามาแบบยกแผง
ขณะเดียวกัน อีกด้านหนึ่งก่อนหน้านี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ประกาศเป็น “สัญญาประชาคม” แล้วว่า ต่อไปนี้จะบริหารประเทศในแบบแนวใหม่ นั่นคือ แบบ “นิวนอร์มัล” ที่ทุกอย่างมีการเปลี่ยนแปลงหมด สาระสำคัญก็คือ ให้ประชาชน “เข้าถึง มีส่วนร่วม ตรวจสอบได้” หรือที่เรียกขานล่าสุดว่า “รวมไทยสร้างชาติ” ที่สำคัญก็คือ “ไม่มีการทุจริต” ซึ่งก็เรียกเสียงตอบรับที่ดีจากชาวบ้าน เพราะถือว่าเป็นแนวทางใหม่ การปรับตัวใหม่ให้เข้ากับสถานการณ์ในช่วงการเยียวยาฟื้นฟูจากความเสียหายผลกระทบจากโรคระบาดโควิด-19 ในเวลานี้ และในอนาคตอันใกล้นี้
แม้ว่าที่ผ่านมาถือว่ารัฐบาลกำลังได้รับคำชมในเรื่องการรับมือกับโรคระบาดดังกล่าว รวมไปถึงการออกมาตรการเยียวยาความเดือดร้อนของประชาชน ทั้งที่ในช่วงแรกจะมีความสับสนวุ่นวายมาก เนื่องจากมีจำนวนมาก แต่เมื่อมีความพยายามแก้ปัญหาทีละเปลาะก็สามารถช่วยเหลือได้อย่างครอบคลุม ทำให้เสียงตำหนิเสียงวิจารณ์ก็ค่อยๆ ลดลงไป
แต่กลายเป็นว่าในช่วงที่กำลังไปได้ดี ก็เกิดการ “ทะลุกลางปล้อง” เกิดภาพของการแย่งเก้าอี้รัฐมนตรี มีความพยายามเข้ามามีบทบาทเกี่ยวข้องกับเงินงบประมาณจำนวน 4 แสนล้านบาท จากโครงการที่ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อนำมาใช้ฟื้นฟูเยียวยาจากผลกระทบดังกล่าว กลายเป็นการทำลายความรู้สึกของชาวบ้านมาตั้งแต่บัดนั้น
ขณะเดียวกัน อีกด้านหนึ่งเมื่อพิจารณาจากคำพูดของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่เหมือนกับเป็นการอธิบายให้เห็นถึงความจำเป็นที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ต้องมารับตำแหน่งหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เนื่องจากต้องการมาสยบความขัดแย้ง ความไม่ลงรอยกันภายใน กล่าวในทำนองว่า เป็นความจำเป็นที่ต้องเข้ามาแก้ปัญหาภายใน
อย่างไรก็ดี หากมองในมุมนี้ รวมไปถึงพิจารณาจากแบ็กกราวนด์มันก็จะเห็นภาพชัดเจนว่าเป็นแผนยุทธศาสตร์ “เดินสองขา” แยกกันเดิน นั่นคือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ดูแลเรื่องการบริหารรัฐบาล ส่วน “พี่ใหญ่” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ก็รับผิดชอบบริหารพรรคพลังประชารัฐ เพื่อเป็นแกนหลักสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ และรัฐบาล
แม้ว่าในช่วงสัปดาห์สองสัปดาห์นี้ อาจจะยังไม่การปรับคณะรัฐมนตรี แต่เมื่อเห็นภาพการเคลื่อนไหว และหน้าตาตัวบุคคลที่เรียงหน้าออกมาแล้วก็อดไม่ได้จะเกิดความรู้สึก “แปลก” กับคำว่า “นิวนอร์มัล” ว่า มีความหมายแบบไหนกันแน่ !!