xs
xsm
sm
md
lg

ทุ่ม3แสนล้านผ่านธกส.อัดฉีดเศรษฐกิจพอเพียงสร้างไทย

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

ผู้จัดการรายวัน 360 - "สมคิด ปัดตอบปรับ ครม. ใหม่ ขอเพียงแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ หลังยอมรับวิกฤตโควิด-19 ทำเศรษฐกิจชะลอตัว บางกิจการต้องปิดตัวลงในเดือน ก.ค.นี้ พร้อมเดินหน้าฟื้นฟูเศรษฐกิจครึ่งปีหลัง สั่ง ธ.ก.ส. หาแนวทางรองรับแรงงานย้ายถิ่นกลับบ้านเกิดกว่า 2 ล้านคน เร่งพัฒนาภาคเกษตรให้เติบโตอย่างยั่งยืน และจัดหาซอฟต์โลนอัตราดอกเบี้ย 0.01% ด้าน ธ.ก.ส. อัดเม็ดเงินกว่า 3 แสนล้าน สู่โครงสร้างเศรษฐกิจพอเพียงสร้างไทย ทั้งงบสนับสนุนโดยตรงกว่า 5 หมื่นล้าน และสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยผ่อนปรน 2.6 แสนล้าน เพื่อเสริมความแข็งแกร่งทั้งระดับครัวเรือน ชุมชน และความยั่งยืนของเศรษฐกิจฐานราก

วานนี้ (24 มิ.ย.) นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวระหว่างเป็นประธานในการเปิดโครงการเศรษฐกิจพอเพียงสร้างไทยและโครงการ New Gen Hug บ้านเกิด ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ว่า สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือการฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังจากเกิดวิกฤตโควิด-19 โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ และต้องยอมรับในเดือนก.ค.นี้ จะมีธุรกิจนำวนมากที่ปิดกิจการลง เนื่องจากเศรษฐกิจโลกยังไม่ฟื้นตัว กระทบการส่งออก รวมถึงรายได้จากการท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบเช่นกัน

ดังนั้น ธ.ก.ส.จึงต้องมีบทบาทเข้ามาช่วยเหลือภาคแรงงานที่ย้ายถิ่นฐานกลับสู่ภาคชนบทจำนวนกว่า 2 ล้านคน ให้ทำการเกษตรได้อย่างเข้มแข็งให้ ด้วยการร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ พัฒนาภาคการเกษตรให้ยั่งยืน และผลิตสินค้าเกษตรแบบครบวงจร ซึ่งปัจจุบันมีประมาณ 10,000-20,000 ราย ขณะเดียวกันธ.ก.ส.จะต้องช่วยเหลือด้วยการสนับสนุนอัตราดอกเบี้ยต่ำ 0.01% เพื่อให้เกษตรกรเข้าถึงแหล่งเงินทุน นำไปพัฒนาภาคเกษตรและเลี้ยงชีพต่อไปได้

"เศรษฐกิจชะลอตัวจากวิกฤตโควิด-19 ต้องร่วมกับฟื้นฟูเศรษฐกิจ อย่ามาโทษกันว่าใครทำให้เศรษฐกิจแย่ คนตกงานเยอะ อย่าบิดเบือนข่าว ขณะนี้ประเทศอยู่ในภาวะวิกฤติ ต้องมาช่วยกันคิดจะหาทางออกให้ประเทศไทยอย่างไร ต้องจะทำให้ไทยเข้มแข็งอย่างไร ต้องบาลานซ์ให้ได้ระหว่างภายในประเทศกับภายนอกประเทศในเรื่องการส่งออก โดยไทยควรใช้โอกาสในปีนี้ และปีหน้าสร้างฐานของไทยให้เข้มแข็ง" นายสมคิด กล่าว

นายสมคิด กล่าวว่า โบราณว่า มังกรเหินฟ้า เวลาบินไม่ได้ต้องหัดพ่นไฟไว้ พอฟ้าเปิด ลมทะยาน ต้องพร้อมบิน ไม่ใช่คุยอย่างเดียวเป็นศูนย์การอาหารโลกแต่ใช้ไม่ได้เลย ช่วงนี้ไม่ต้องพูดถึงการปรับ ครม. แล้ว ใครจะมา หรือเก่าไปใหม่มา เก่าไม่ไป ใหม่ไม่มา ไม่ต้องพูด ไม่มีอะไรสำคัญ สำคัญที่ว่าเก่าอยู่ หรือใหม่มา ต้องเดินตามหลักการตรงนี้ เพื่อให้ท้องถิ่นเข้มแข็ง และสร้างงานให้คนไทย ถ้าคนเก่าอยู่แล้วไม่สามารถทำได้ ก็ไม่ควรอยู่ ถ้าคนใหม่มา ทำไม่เป็น หรือทำไม่ได้ ก็ไม่ต้องมา จะมาทำอะไร

"ขณะนี้คนเก่ายังอยู่ แต่ถ้าอยู่แล้วช่วยประเทศไม่ได้ ไม่ต้องอยู่ นี่คือหลักการในการบริหารประเทศ ไม่ว่าเก่าอยู่หรือใหม่มาต้องเดินตามนี้ เพื่อให้ท้องถิ่นเข้มแข็ง คนใหม่ทำไม่เป็น ทำไม่ได้ ไม่ต้องมา มาทำไม คนเก่าอยู่ทำไม่ได้ ไม่ต้องอยู่ ทุกคำพูดลงข่าวให้เป๊ะนะ" นายสมคิดกล่าว

นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 ยังคงมีอยู่ คลังจึงต้องการให้ธ.ก.ส. เข้ามามีส่วนในการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบให้มากที่สุด ขณะเดียวกันธ.ก.ส.ยังได้รับอนุมัติให้ออกพันธบัตรสีเขียว (Green Bond) วงเงิน 20,000 ล้านบาท เพื่อระดมทุนให้ธ.ก.ส.สามารถเข้าไปลงทุนในธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการพัมนาภาคการเกษตรของไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน

ด้านนายอภิรมย์ สุขประเสริฐ ผู้จัดการธ.ก.ส. กล่าวว่า จากโครงการดังกล่าว ธ.ก.ส.ได้ได้รับงบประมาณสนับสนุนจากรัฐทั้งสิ้น 55,000 ล้านบาท และมีสินเชื่อสนับสนุนโครงการอีกประมาณ 260,000 ล้านบาท แบ่งเป็น โครงการเสริมสร้างความมั่นคงระดับครัวเรือน (ตั้งหลัก) ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง วงเงินงบประมาณจำนวน 10,720 ล้านบาท ในการขับเคลื่อนและพัฒนาให้เกษตรกร จำนวน 300,000 ราย สามารถสร้างความมั่นคงทางอาหารโดยมีแหล่งอาหารเพื่อเลี้ยงชีพภายในพื้นที่รอบตัว โดย ธ.ก.ส.พร้อมสนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยผ่อนปรน ได้แก่ สินเชื่อพอเพียงเพื่อเลี้ยงชีพวงเงิน 10,000 ล้านบาท สินเชื่อ New Gen Hug บ้านเกิดวงเงิน 60,000 ล้านบาท และสินเชื่อระยะสั้นฤดูการผลิตใหม่ (Jump Start Credit) วงเงิน 100,000 ล้านบาท

โครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งระดับชุมชน (ตั้งฐาน) วงเงินงบประมาณ 22,000 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนวิสาหกิจชุมชน 16,000 แห่ง สำหรับนำไปลงทุนพื้นฐานด้านการเกษตร เช่น ระบบน้ำ โรงเรือน เครื่องจักรกล และเทคโนโลยีนวัตกรรมทางการเกษตร ไม่เกิน 50% ของมูลค่าการลงทุน และไม่เกินแห่งละ 5 ล้านบาท และสนับสนุนค่าใช้จ่ายในปัจจัยการผลิตสำหรับวิสาหกิจชุมชนที่มีการบริหารและดำเนินการผลิตเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม โดยมีสินเชื่อธุรกิจสร้างไทยวงเงิน 30,000 ล้านบาท และสินเชื่อ SMEเกษตรวงเงิน 40,000 ล้านบาท

และโครงการเสริมสร้างความยั่งยืนของเศรษฐกิจฐานราก (ตั้งมั่น) วงเงินงบประมาณ 21,675 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนให้สถาบันเกษตรกรและผู้ประกอบการ จำนวน 7,255 แห่ง เป็นหัวขบวนในการรวบรวมผลผลิต การแปรรูปผลผลิต การเชื่อมโยงการตลาด โดยเน้นการมีส่วนร่วมและให้ชุมชนเป็นศูนย์กลาง ประกอบด้วย ค่าลงทุนปัจจัยพื้นฐาน การปรับเปลี่ยนการผลิต การเช่า การจ้างแรงงาน ไม่เกิน 50% ของค่าลงทุนและค่าใช้จ่ายและไม่เกินแห่งละ 5 ล้านบาท รวมถึงการนำไปพัฒนาความรู้เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับผู้นำสถาบันเกษตรกร โดยมีสินเชื่อธุรกิจชุมชนสร้างไทยวงเงิน 10,000 ล้านบาท และสินเชื่อ SME เกษตรวงเงิน 10,000 ล้านบาท


กำลังโหลดความคิดเห็น