เมื่อต้นอาทิตย์ที่ผ่านมา ปธน.ทรัมป์ ได้จัดแถลงข่าวที่เขาย้ำว่า เป็นครั้งสำคัญที่จะนำสันติภาพมาสู่ตะวันออกกลาง โดยเฉพาะเป็นแผนสันติภาพที่ใช้เวลาบ่มเพาะหาทางออกมาหลายปี (เกือบ 3 ปี) ด้วยความเห็นชอบจากฝ่ายนำของอิสราเอล ซึ่งเป็นพรรคใหญ่สุด 2 พรรคของอิสราเอล คือ พรรคลิคุต (ของนายกฯ เนทันยาฮู) และพรรคฟ้าขาว (ของนายพลเบนนี แกนต์) และบรรดาฝ่ายนำของหลายประเทศในตะวันออกกลางที่เกี่ยวข้องกับดินแดนที่ถูกทางอิสราเอลยึดครองหลังได้รับชัยชนะจากสงคราม 6 วันเมื่อ 50 ปีที่แล้ว
แผนสันติภาพนี้จะยึดดินแดนปัจจุบันเป็นหลัก โดยหันหลังหรือให้ลืมต่อดินแดนก่อนการยึดครองของอิสราเอล เมื่อชนะสงครามปี 1967
ซึ่งทรัมป์ภูมิใจในการแถลงข่าวว่า ในที่สุด ลูกเขยหมายเลข 1 ของสหรัฐฯ (จาเร็ด คุชเนอร์) ก็สามารถลากแผนที่พรมแดนปัจจุบันได้สำเร็จ และทรัมป์ยังเปิดโอกาสให้ลูกเขยได้แถลงถึงความยากเย็นกว่าจะทำแผนที่ปัจจุบันนี้ได้
ปรากฏว่า ในแผนสันติภาพของจาเร็ด คุชเนอร์ ได้กลืนกินแผ่นดินของชาวปาเลสไตน์ไปเกือบหมด รวมทั้งดินแดนของจอร์แดนด้วย โดยจาเร็ด ได้อธิบายถึงความเป็น นักปฏิบัติ (pragmatist) ที่ไม่อยู่กับความหวังลมๆ แล้งๆ ที่ชาวปาเลสไตน์อยากได้ดินแดนกลับคืนมาจากอิสราเอล ดังแผนที่เดิมก่อนปี 1967
นั่นคือ ต้องอยู่กับความเป็นจริง และความเป็นไปได้ในปัจจุบัน แทนที่จะอยู่กับอดีต
หลายคนวิเคราะห์ว่า นี่เป็นวิธีการข่มขู่ที่อิสราเอลยื่นคำขาดกับปาเลสไตน์ว่า จะยอมรับแผนที่ใหม่นี้หรือไม่ หรือไม่ยอม เพราะถ้ายิ่งไม่ยอม ก็ยิ่งกลับจะเสียดินแดนมากยิ่งขึ้น เพราะชาวอิสราเอลมีแผนขยายนิคมในดินแดนฝั่งตะวันตกของแม่น้ำจอร์แดน (West Band) แต่แผนสันติภาพนี้สามารถทำแผนที่เพื่อหยุดยั้งการขยายนิคมนี้ แต่จะไม่มีการถอยหลังกลับสู่แผนที่ก่อนปี 1967 แน่นอน
นายกฯ รักษาการเนทันยาฮูแห่งอิสราเอล ยืนเคียงข้างทรัมป์ และกล่าวยกย่องชื่นชมแผนสันติภาพนี้อย่างไม่ต้องสงสัย และขอบคุณทรัมป์, จาเร็ด คุชเนอร์ ที่สามารถหาทางออกสำหรับสันติภาพสหรัฐฯ
ยังมีเรื่องที่สหรัฐฯ ย้ายสถานทูตจากเทลอาวีฟไปอยู่เยรูซาเล็มตะวันออก เป็นการยอมรับให้อิสราเอลได้ครอบครองดินแดนเยรูซาเล็มตะวันออก แทนที่จะปล่อยให้เป็นดินแดนของหลายศาสนาดังอดีต
แผนสันติภาพได้ทำลายอย่างสิ้นเชิง แผนการดำรงอยู่ของ 2 รัฐ (Two-State-Solution) ที่ได้มีความพยายามมาเป็นหลายปีที่จะให้ 2 รัฐคือ ปาเลสไตน์และอิสราเอลได้อยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข (โดยไม่มีการยิงขีปนาวุธใส่กัน)
กลายเป็นแผน 1 รัฐ (One-State-Solution) คือการดำรงอยู่ (และขยายดินแดน-จากแผนที่ก่อนปี 1967) อย่างมั่นคงและยิ่งใหญ่ของอิสราเอล
ในการแถลงข่าวนี้ไม่มีตัวแทนจากปาเลสไตน์มาร่วมแม้แต่เงา หรือจากจอร์แดน
จอร์แดนแถลงการณ์สาปส่งต่อแผนนี้ทันที เพราะเขาเสียดินแดนจากแผนนี้
ฝ่ายปาเลสไตน์ก็ประกาศวันแห่งความโกรธแค้น (Day of Rage) ทันที...และเค้าลางแห่งความวุ่นวายรุนแรงก็กำลังจะเริ่มขึ้นในไม่ช้า
เนทันยาฮูประกาศจะนำแผนใหม่นี้ไปให้สภาคเนทเซ็ท (Knesset) ของอิสราเอลให้ความเห็นชอบทันที (ทั้งๆ ที่เขาเป็นรัฐบาลรักษาการ-ก่อนการเลือกตั้งในเดือนมีนาคมนี้-ไม่สามารถนำเรื่องสำคัญเข้าสภาได้)
เพราะเนทันยาฮูได้หน้าและโกยคะแนนนิยมก่อนการเลือกตั้ง จากแผนสันติภาพนี้ เหมือนปูตินที่ได้ดินแดนมาเพิ่มจากดินแดนคาบสมุทรไครเมีย รวมทั้งนายกฯ ฮุนเซน ได้เขาพระวิหารไปจากไทย ได้เพิ่มคะแนนนิยมจนเขาชนะเลือกตั้ง
ปรากฏการณ์ครั้งนี้ ทรัมป์ได้เข้าอุ้มเนทันยาฮูเต็มตัวอีกครั้งหลังจากได้อุ้มมาตั้งแต่ตอนจะเลือกตั้งที่อิสราเอล 2 ครั้งที่ผ่านมา ที่ทรัมป์ยอมเปิดทำเนียบขาวต้อนรับเนทันยาฮู ก่อนการลงคะแนนเพียงไม่กี่วัน
และคงได้คำนวณกันมาแล้ว เพราะการเปิดแผนสันติภาพที่ทำเนียบขาวนี้ ทำขึ้นขณะที่ศาลที่อิสราเอลได้ออกหมายเรียกนายกฯ เนทันยาฮูด้วยข้อหาโกงชาติพอดิบพอดี
เดิมเนทันยาฮูได้ขอเวลาต่อศาลให้ชะลอการออกหมายเรียก เพราะเขากำลังรวบรวมเสียงในสภาเพื่อให้เอกสิทธิ์แก่เขาไม่ต้องไปศาล...แต่ในที่สุด เขารวบรวมเสียงไม่พอ
ฝ่ายทรัมป์ก็กำลังโดนหนักที่ถูกพิจารณาถอดถอนในวุฒิสภา และอดีตที่ปรึกษาความมั่นคง จอห์น โบลตัน ที่กำลังเขียนหนังสือ (จะพิมพ์เสร็จออกจำหน่ายต้นมีนานี้)...มีข่าวรั่วออกมาผ่านนสพ.NYT ว่า เขาเปิดโปงในหนังสือใหม่ของเขา... ที่ปธน.ทรัมป์ได้บอกกับเขาถึงการดึงงบช่วยเหลือทางทหารแก่ยูเครน เพื่อแลกกับการประกาศสอบสวนโจ ไบเดน ซึ่งโบลตันก็พร้อมจะมาให้การแก่วุฒิสภาด้วย
แผนสันติภาพนี้ จึงทำหน้าที่กลบข่าวเปิดโปงของโบลตันได้ผลดีมาก
รวมทั้งเปิดตัวลูกเขยทรัมป์ ซึ่งนั่งทับแผนสันติภาพที่ตนเองไม่สามารถหาทางออกได้ถึง 2 ปี...เพราะเขาเข้าฮาร์วาร์ดได้ก็ด้วยการที่พ่อเขาบริจาคให้ฮาร์วาร์ดถึง 1.5 ล้านเหรียญ (เกือบ 50 ล้านบาท)...และเขาไม่ใช่นักเรียนมัธยมที่เก่งกาจอะไรเลย แต่ก็เข้ามาอาบตัวที่ฮาร์วาร์ดจนได้ เพราะอำนาจเงิน
ถ้าไม่ใช่ ยิงนกด้วยลูกปืนเม็ดเดียวได้นกเป็นฝูง ก็ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรดี