xs
xsm
sm
md
lg

แม้จะไม่ชนะถอดทรัมป์ แต่ทำไมเดโมแครตเดินหน้าต่อ?

เผยแพร่:   โดย: อ.สุดาทิพย์ จารุจินดา อินทร


อดัม ชิฟฟ์ หัวหน้าคณะผู้จัดการถอดถอน ทำหน้าที่อัยการกล่าวหาทรัมป์ ด้านหลักฐานการทำผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญ
ประเทศสหรัฐฯ ยังไม่เคยสามารถถอดถอนปธน.ที่ถูกกล่าวหาว่า ใช้อำนาจอย่างไม่เป็นธรรม (ลุแก่อำนาจ-Abuse of Power) และ/หรือขัดขวางกระบวนการยุติธรรม (Obstruction of Justice) หรือขัดขวางกระบวนการสอบของสภา (Obstruction of Congress) ตลอด 244 ปีที่ได้เอกราชมาจากอังกฤษ

และครั้งนี้ก็เห็นได้ชัดว่า เดโมแครตซึ่งมีเสียงข้างน้อยในวุฒิสภาแค่ 47 เสียง คงไม่สามารถชักนำชี้แจงเรียกร้องให้ ส.ว.รีพับลิกันข้ามฟากมาลงคะแนนถอดถอนปธน.ทรัมป์ ให้ได้ 2/3 ของ ส.ว.ทั้งหมด คือ เดโมแครตต้องการเสียงอีกเกือบ 20 เสียง ซึ่งมันยิ่งกว่าเข็นครกขึ้นเขาเสียอีก

ในการดำเนินการถอดถอนปธน.ในวุฒิสภา จะมีการลงคะแนนตัดสิน 2 ครั้งใหญ่ๆ ครั้งแรก คือ การตกลงถึงพิธีการของการพิจารณา (คดี) และครั้งที่สอง คือ ยกมือถอดถอนหรือไม่ถอดถอนปธน.

ในการลงคะแนนตกลงเรื่องพิธีการนั้น ต้องการคะแนนแค่ 51 เสียง (จาก 100) ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงแรกที่เรื่องนี้ได้นำเข้าวุฒิสภา...และปรากฏว่า เดโมแครตก็แพ้ราบคาบต่อการเกาะกันแน่นของ ส.ว.รีพับลิกัน...โดยเฉพาะในการผลักดันของ ส.ว.เดโมแครต เพื่อต้องการเพิ่มคำให้การของพยานสำคัญๆ จากคนใกล้ตัวปธน. และรู้ดีถึงการกระทำมิชอบของทรัมป์ เช่น John Bolton อดีตที่ปรึกษาความมั่นคงทำเนียบขาว ที่ถูกทรัมป์ปลดออก (แต่โบลตัน บอกว่า เขาลาออกเองต่างหาก!)-หรือรมต.ต่างประเทศปอมเปโอ ซึ่งมีบทบาทสำคัญยิ่งต่อการวางแผนร่วมมือกับปธน.ทรัมป์ เพื่อหาทางปลดทูต (หญิง) สหรัฐฯ ประจำยูเครน เพื่อเปิดทางสะดวกให้ทนาย (ส่วนตัว) ของทรัมป์ (คือ อดีตนายกเทศมนตรีนิวยอร์ก-จูเลียนี) ได้เดินหน้ากดดันปธน. (ที่อ่อนหัดขาดประสบการณ์การเมือง) ยูเครน ต้องทำตามการกดดันของทรัมป์ (ให้ประกาศสอบสวนอดีตรองปธน.โจ ไบเดน และลูกชาย)

เพราะปธน.ทรัมป์ได้ใช้อำนาจของฝ่ายบริหารที่ห้ามบุคคลของฝ่ายบริหาร (ข้าราชการทั้งหมด) ไปให้การที่จะปรักปรำปธน. (แม้จะมีบางคนฝ่าคำสั่งนี้ เพื่อไปตามหมายเรียกของกรรมาธิการ) ซึ่งสำหรับโบลตันนั้น ทรัมป์ยังออกมาสำทับ (ขณะที่เขาเดินทางไปดาวอส) ว่า ห้ามเด็ดขาดที่จะไปให้การแก่วุฒิสภา

ที่เดโมแครตแพ้ราบคาบ ได้คะแนนไม่ถึง 51 ในวุฒิสภา ไม่เพียงไม่สามารถเรียกสอบพยานบุคคลเพิ่มเติมในวุฒิสภาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเอกสารลับและไม่ลับอีกมากมาย ในการติดต่อระหว่างทรัมป์, ทำเนียบขาว, สำนักงบประมาณ (ที่ทรัมป์สั่งไม่ให้ส่งเงินช่วยเหลือกองทัพยูเครน-เพื่อสู้กับฝ่ายรัสเซียที่เข้าช่วยกบฏยูเครน) กระทรวงการต่างประเทศที่มีการติดต่อระหว่างทูตยุโรปและยูเครน...แต่ยังหมายถึงไม่สามารถเรียกดูเอกสารมหาศาลที่ทรัมป์สั่งห้ามเด็ดขาดไม่ให้ร่วมมือกับการสอบของทั้ง 2 สภา

การนำเสนอของคณะผู้จัดการถอดถอน 7 คนจากเดโมแครต ซึ่งทำหน้าที่เหมือนอัยการในการกล่าวหาปธน.ทรัมป์ กำลังดำเนินอยู่ขณะนี้ ซึ่งได้พยายามเรียบเรียงลำดับเหตุการณ์ว่า อะไรเกิดขึ้นกับทรัมป์ และการข่มขู่ทางการเมืองต่อผู้นำยูเครน เพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองส่วนตัวของทรัมป์

แม้หลักฐานไม่ครบ และขาดพยานบุคคลสำคัญๆ ที่เดโมแครตต้องการ แต่เดโมแครตเดินหน้าต่ออย่างทรหด ต้องการชี้ถึงเหตุการณ์ด้วยหลักฐานที่พอมีอยู่ว่าทรัมป์ทำผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญ

แม้การลงคะแนนในรอบที่สอง ที่จะตัดสินถอดถอนหรือไม่ถอดถอนทรัมป์ จะเกิดขึ้นในอาทิตย์หน้า (รีพับลิกันต้องการให้จบก่อนวันแถลงนโยบายประจำปีในวันที่ 4 กุมภาฯ) และพอคาดเดาได้ว่า พรรครีพับลิกันซึ่งกลายเป็นพรรคของทรัมป์ไปเสียแล้ว คงไม่ลงคะแนนถอดถอนทรัมป์แน่ๆ (ด้วยเศรษฐกิจยังแจ๋ว และขาดพยานบุคคลและพยานเอกสารมากมาย ซึ่งในช่วงการพิจารณาถอดถอนของคลินตัน-ฝ่ายบริหารได้ร่วมมือกับสภาเต็มที่ทั้งพยานบุคคลและเอกสาร)

แต่เดโมแครตเดินหน้าเต็มสูบกับหลักฐานที่มีอยู่กับข้อกล่าวหา ซึ่งไม่สามารถรอคำสั่งศาล หรือไม่ฟ้องศาลดำเนินคดีอาญากับทรัมป์ เพราะจะใช้เวลายาวนานเป็นหลายปี และไม่ทันการณ์กับการที่ทรัมป์จะลงเลือกตั้งอีกในเดือนพฤศจิกายนปีนี้

เพราะเดโมแครตมองว่า ต้องการให้ชาวเดโมแครตที่ไม่ได้ออกจากบ้านไปลงคะแนนให้ฮิลลารี (ทั้งๆ ที่เคยไปลงคะแนนท่วมท้นให้โอบามา) เพราะถูกบิดเบือนข้อมูลจากข่าวปลอม (Fake News) ที่ผ่านมาจากรัสเซีย เข้าไปอยู่เต็มหน้าจอของชาวเดโมแครตถึงสุขภาพไม่ดีของฮิลลารี และความไม่โปร่งใส-ไม่ชอบมาพากล ไม่น่าไว้วางใจของเธอ

ในการเลือกตั้งครั้งนี้ เดโมแครตต้องการให้ชาวผิวดำและผิวสี (พวกลาติโน, เอเชียน) ออกจากบ้านไปลงคะแนนให้แก่ตัวแทนเดโมแครต เพื่อชนะใน Battle Grand Starters คือรัฐที่อาจพลิกไปพลิกมาระหว่างเดโมแครตและรีพับลิกัน...ซึ่งในการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว 2016 ฮิลลารีแพ้ในหลายเขต โดยแพ้แค่เป็นพันคะแนนเท่านั้น ในรัฐเหล่านี้เช่น มิชิแกน, วิสคอนซิน, โอไฮโอ, เพนซิลเวเนีย

ซึ่งการเดินหน้าถอดถอน แม้จะแพ้เสียงในวุฒิสภา แต่ก็น่าจะเปิดตาแก่ชาวเดโมแครตที่ครั้งที่แล้วไม่จุใจพอที่จะไปลงคะแนนให้ฮิลลารี

เพราะหลักฐานในการถอดถอนทรัมป์หนักแน่น แต่ถูกทางรีพับลิกันขัดขวางและเยาะเย้ยถากถาง รวมทั้งจากทรัมป์เองที่บิดเบือนอย่างหน้าตาเฉย

และเดโมแครตไม่ต้องการเสียเวลาเปลี่ยนใจชาวรีพับลิกันให้หันมาลงคะแนนให้ผู้สมัครของเดโมแครต (แม้อาจทำให้ผู้หญิงผิวขาวรีพับลิกันในแถวชานเมืองใหญ่ ก็เริ่มไม่สบายใจกับทรัมป์...อาจไม่ออกมาลงคะแนนให้ทรัมป์ก็คงมีบ้าง)

นั่นคือ ขบวนการถอดถอนทั้งในสองสภา น่าจะเพียงพอสำหรับเดโมแครตที่จะทำให้ชาวเดโมแครตที่หลับใหลไม่ออกไปใช้สิทธิลงคะแนนครั้งที่แล้ว จนทรัมป์ชนะในหลายรัฐ...ซึ่งเดโมแครตหวังว่าจะได้เปิดตาและเร่งเร้าอารมณ์ให้ชาวเดโมแครตต้องกระตือรือร้นออกจากบ้านมาลงคะแนนให้ผู้สมัครเดโมแครต-หรือสำหรับฝ่ายที่เป็นกลางๆ ยังไม่ได้ตัดสินใจ และพรรครีพับลิกันที่ไม่หัวปักหัวปำกับทรัมป์...พวกเขาจะตาสว่างหลังฟังคำอภิปรายถอดถอนในสภา และทนไม่ได้ที่จะให้ทรัมป์กลับมาเป็นปธน.ในรอบ 2 นั่นเอง


กำลังโหลดความคิดเห็น