เอเจนซีส์ – นักการทูตที่เป็นพันธมิตรสำคัญของทรัมป์ กลับคำให้การยอมรับว่า มีความพยายามที่จะผูกเงื่อนไขความช่วยเหลือทางทหารเพื่อบีบยูเครนให้เปิดการสอบสวนไบเดน ขณะที่ในอีกด้านหนึ่งผลการเลือกตั้งที่เดโมแครตคว้าชัยชนะในหลายรัฐบ่งชี้คะแนนนิยมผู้นำสหรัฐฯ เริ่มมีปัญหา
ในวันอังคาร (5 พ.ย.) กอร์ดอน ซอนด์แลนด์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำสหภาพยุโรป (อียู) ได้ไปให้การกับคณะกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎรที่สอบสวนเพื่อถอดถอนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยยอมรับว่า ได้ยื่นเงื่อนไขกับแอนดริว เยอร์แมค ที่ปรึกษาระดับสูงของประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน ระหว่างหารือกันเมื่อวันที่ 1 กันยายนว่า การฟื้นความช่วยเหลือทางทหารของสหรัฐฯ จะไม่เกิดขึ้นจนกว่ายูเครนออกคำแถลงต่อต้านการทุจริตและเปิดการสอบสวนโจ ไบเดน อดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากพรรคเดโมแครต ตลอดจนฮันเตอร์ ลูกชายของเขา รวมถึงเปิดการสอบสวนตามความเชื่อที่ไม่มีมูลของทรัมป์ ที่ว่ายูเครนช่วยเหลือพรรคเดโมแครตในการเลือกตั้งสหรัฐฯปี 2016
ซอนด์แลนด์ ซึ่งกลับคำให้การหลังจากที่บอกก่อนหน้านี้ว่าไม่ได้มีการตั้งเงื่อนไขกับยูเครน ยังยอมรับอีกว่า มีความพยายามในการกดดันทางการเคียฟต่อเนื่องนานหลายเดือน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ่านทางรูดี้ จูเลียนี ทนายความส่วนตัวของทรัมป์
เอกอัครราชทูตผู้นี้ที่ได้รับแต่งตั้งโดยทรัมป์ หลังจากบริจาคเงิน 1 ล้านดอลลาร์ในพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของผู้นำสหรัฐฯ กล่าวว่า เขารับรู้ทั้งหมดเกี่ยวกับการนำเอาเรื่องงบความช่วยเหลือทางทหารมูลค่า 391 ล้านดอลลาร์ซึ่งสหรัฐฯจะให้แก่ยูเครน มาเชื่อมโยงกับการที่ยูเครนต้องช่วยเหลือทรัมป์เพื่อเตรียมการสำหรับการเลือกตั้งในปีหน้า สืบเนื่องจากไบเดนเป็นตัวเก็งจะได้เป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในนามพรรคเดโมแครต
การให้การของซอนด์แลนด์คราวนี้ รวมทั้งการให้การของ เคิร์ต โวลเกอร์ อดีตผู้แทนสหรัฐฯ สำหรับกิจการยูเครน ทำให้หลักฐานของเดโมแครตมีน้ำหนักมากขึ้นสำหรับข้อกล่าวหาทรัมป์ใช้ตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบเพื่อขอความช่วยเหลือจากต่างชาติในการเลือกตั้งปีหน้า และควรถูกสอบสวนและถอดถอน
ทว่า ทำเนียบขาวออกคำแถลงตอบโต้ว่า คำให้การดังกล่าวไม่ได้แสดงหลักฐานใหม่ๆ สำหรับ “กระบวนการถอดถอนที่ไม่ชอบธรรมและหลอกลวง” ของเดโมแครต
นอกจากนั้นทำเนียบขาวยังพยายามขัดขวางไม่ให้เจ้าหน้าที่อาวุโสไปให้การ ซึ่งรวมถึงมิค มัลเวนีย์ รักษาการประธานคณะเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวของทรัมป์ ที่ถูกคณะกรรมาธิการของสภาล่างร้องขอให้ไปให้ปากคำเมื่อวันอังคาร เนื่องจากเป็นผู้รับผิดชอบการสั่งระงับความช่วยเหลือยูเครนในช่วงกลางเดือนกรกฎาคม และยังมีข่าวว่า เขาบอกคนอื่นๆ ว่า ทำตามคำสั่งทรัมป์
ขณะที่วอชิงตันถูกครอบงำด้วยกระบวนการสอบสวนเพื่อถอดถอนทรัมป์ ในหลายๆ มลรัฐซึ่งได้จัดการเลือกตั้งซ่อมระดับต่างๆ ในวันอังคาร โดยที่คนจำนวนมากต่างจับตามองเป็นพิเศษ เรื่องผลการลงคะแนนในรัฐเคนทักกี มิสซิสซิปปี นิวเจอร์ซีย์ และเวอร์จิเนีย เพื่อให้เห็นภาพว่า กระบวนการถอดถอนทรัมป์ที่กำลังดำเนินอยู่จะมีผลอย่างไรต่อผู้มีสิทธิ์ออกเสียง ทรัมป์ยังได้รับการสนับสนุนเข้มแข็งหรือไม่ และเดโมแครตจะฉวยโอกาสนี้ตีตื้นขึ้นมาได้หรือเปล่า
ผลปรากฏว่า ที่เคนทักกี อัยการรัฐจากเดโมแครต แอนดี้ บีเชียร์ ชนะเฉียดฉิวต่อแมตต์ เบวิน ผู้ว่าการรัฐจากรีพับลิกัน แม้ทรัมป์เดินทางไปช่วยเบวินหาเสียงเมื่อคืนวันจันทร์ (4) โดยประกาศว่า ชาวเคนทักกีจำเป็นต้องเลือกเบวิน หรือปล่อยให้ตนเองพบความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์
ชัยชนะของบีเชียร์ยังเพิ่มความหวังที่เดโมแครตอาจสามารโค่นมิตช์ แม็กคอนเนลล์ ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาของรีพับลิกันที่ถึงวาระต้องลงเลือกตั้งอีกสมัยในปีหน้า
เดโมแครตยังกวาดชัยชนะในทั้งสองสภามลรัฐของเวอร์จิเนียเป็นครั้งแรกในรอบ 25 ปี จากก่อนหน้านี้ที่รีพับลิกันครองเสียงข้างมากเล็กน้อย
ที่นิวเจอร์ซีย์ มีการคาดว่า เดโมแครตจะครองเสียงข้างมากในสภาล่าง
อย่างไรก็ตาม เทต รีฟส์ ผู้สมัครของรีพับลิกันที่เป็นผู้สนับสนุนทรัมป์ คว้าชัยชนะในการเลือกตั้งผู้ว่าการรัฐมิสซิสซิปปี ซึ่งเป็นรัฐทรัมป์ชนะอย่างง่ายดายในปี 2016
ทอม เปเรซ ประธานคณะกรรมการแห่งชาติพรรคเดโมแครต ประกาศเมื่อคืนวันอังคารว่า ชัยชนะครั้งประวัติศาสตร์นี้เป็นแรงหนุนสำคัญสำหรับศึกใหญ่ในการชิงตำแหน่งประธานาธิบดีปีหน้า