ผลการลงมติของสภาล่างสหรัฐฯ ต่อร่างกฎหมาย 2 ฉบับให้ถอดถอนปธน.ทรัมป์ ออกมาได้สวยงามและยิ่งใหญ่ เพราะความยิ่งใหญ่ของประธานสภาล่างนั่นเอง
สุภาพสตรีอาวุโสอายุแตะ 80 แต่เข้มข้น, หนักแน่น และแน่ชัดในแผนการเดินหน้าเพื่อปกป้องและคุ้มครองรัฐธรรมนูญ
เธอถูกปธน.ทรัมป์ถากถางเยาะเย้ยเหยียบย่ำตามประสาของชายที่หยามหญิง และมองหญิงแค่เฟอร์นิเจอร์อย่างที่เห็นได้ชัดกับภรรยาและลูกสาวของแกที่นำหน้าด้วยความสวยงาม Sexy แบบหญิงที่ต้องยอมเปิดทางให้ชายนำหน้าเท่านั้น
ทรัมป์ตั้งฉายาให้ประธานสภาล่างว่า Crazy Nancy เป็นการล้อเลียนแบบเยาะเย้ยกับประธานสภาล่างหญิงคนแรกของประเทศที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก และกลับเข้ามาเป็นประธานสภาเป็นครั้งที่ 2
ทรัมป์เป็นมือฉกาจด้านประชาสัมพันธ์ ทั้งตัวเองและอาณาจักรธุรกิจของเขา เขาจะเริ่มจากการตั้งฉายาของคู่แข่งของเขา ทั้งทางธุรกิจและทางการเมือง
เขาตั้งฉายาอดีตผู้ว่ารัฐฟลอริดาซึ่งเป็นลูกชายคนเล็กของตระกูลบุชที่มีภรรยาเป็นลาติโน ซึ่งสามารถจะหมุน (turn around) พรรครีพับลิกันที่ไม่เคยได้คะแนนจากเหล่าลาติโนได้เลย-เหยียดหยามว่าเป็น low-energy Busen หรือเฉื่อยช้าหมดเรี่ยวแรง จนบุชซึ่งมีทั้งกำลังเงินและกลไกของพรรค และมีคะแนนนำตอนต้น กลับตาลปัตรจนต้องถอนตัวออกจากการแข่งขัน ทั้งๆ ที่คุณแม่บุชได้มาช่วยลูกหาเสียง แต่ฉายาที่ทรัมป์ตั้งขึ้นมีผลสร้างภาพเสียหายแก่บุช
รวมทั้งฉายาที่เหยียบย่ำฮิลลารี (อีกคู่แข่งในสนามเลือกตั้งปธน.) ว่าเป็น Crooked Hillary หรืออียายฮิลลารีจอมโกงในเรื่องการผิดพลาดฐานะเป็นรมต.ต่างประเทศ และใช้ Server สับสนระหว่างของส่วนตัวและของกระทรวงการต่างประเทศ โดยทรัมป์กล่าวหาว่า ฮิลลารีเป็นจอมโกงที่เลี่ยงใช้ Server ของกระทรวงการต่างประเทศก็เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวในเรื่องเงินบริจาคจากรัฐบาลต่างประเทศ เพื่อเข้ากองทุน Clinton ของเธอและสามี ทั้งๆ ที่อดีตรมต.ต่างประเทศของรัฐบาลบุช (ผู้ลูก) ชื่อนายพล Collin Powell ก็ใช้ Server ปะปนเช่นเดียวกับฮิลลารีก็ตาม เพราะบางทีมันเกี่ยวกับความสะดวกในการรับโทรศัพท์อย่างไม่ได้ตั้งใจนั่นเอง
ฉายา Crooked Hillary และการกระทำด้วยวิธีถล่ม Fake News ต่อเธอ โดยฝ่ายทรัมป์ (ทั้งลูกของทรัมป์และตัวทรัมป์ก็ร่วมวางแผน และรับรู้กับการใช้บริการของ Cambridge Analytica ที่ช่วยสร้าง Fake News เพื่อถล่มฐานเสียงบางส่วนของฮิลลารีที่ได้ข้อมูลโกหก จนลดถอยความเชื่อมั่นนิยมในตัวเธอ ทั้งคนผิวดำและลาติโน จนคนที่ถูกปั่นหัวเหล่านี้ลดถอยความนิยมในตัวฮิลลารี และในวันลงคะแนน ก็เลยไม่ออกจากบ้านไปลงคะแนนให้ฮิลลารี และทำให้เธอแพ้ต่อทรัมป์ในเขตกลางๆ ประเทศ โดยกลุ่มที่เคยให้คะแนนโอบามาถล่มทลาย กลับไม่ออกไปลงคะแนนให้ฮิลลารี
ความยิ่งใหญ่ของประธานแนนซี คือ การนำพาพรรคเดโมแครตกลับเข้ามาเป็นเสียงข้างมากในสภาล่างอีกครั้งหนึ่ง หลังสภาล่างถูกครอบครองด้วยเสียงข้างมากเป็นรีพับลิกันถึงเกือบ 8 ปี (ช่วงสมัยของโอบามา) และเธอเป็น Come Back Kid ที่กลับมาอย่างท่วมท้น
การลงคะแนนถอดถอนทรัมป์ครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อประธานแนนซี ได้รับการยอมรับจาก ส.ส.เดโมแครตเกือบ 100% ทั้งๆ ที่มี ส.ส.เดโมแครตหน้าใหม่ที่ไฟแรงและเป็นตัวของตัวเอง รวมทั้งได้เคยต่อกรกับประธานแนนซี เมื่อเริ่มเข้ามาในสภาเมื่อพฤศจิกายนที่แล้วด้วยซ้ำ
ประธานแนนซี ได้อดทนรอที่จะขับเคลื่อนในการถอดถอน จนถึงจังหวะเหมาะเมื่อทรัมป์พลาดพลั้งเรื่องการข่มขู่ผู้นำยูเครนในความโอหังถึงความยิ่งใหญ่ของเขาที่คิดว่ามีอำนาจล้นฟ้าจนจะทำอะไรก็ได้ตามใจ ไม่แคร์ต่อกฎหมายบ้านเมืองอย่างที่เขาเคยพูดว่า ถ้าเขาใช้ปืนยิงคนตายที่ถนนหมายเลข 5 ของนิวยอร์ก จะไม่มีใครมาจับเขา เพราะเชื่อว่าเขาไม่ผิด เพราะคนรักเขามากและจะปกป้องเขา
สำหรับร่างกฎหมาย 2 ฉบับนี้คือ การใช้อำนาจอย่างผิด (ต่อการต่อรองนำผลประโยชน์ของชาติมาแลกกับผลประโยชน์ส่วนตัว ที่จะกำจัดคู่แข่งทางการเมืองคือ Joe Biden และการขัดขวางอำนาจของสภา) โดยไม่ยอมให้ความร่วมมือใดๆ ต่อการที่สภาล่างสอบสวนเพื่อถอดถอนเขา ไม่ว่าจะเรื่องไม่ยอมให้ข้าราชแรและรมต.ที่รู้เห็นต่อเหตุการณ์โทรศัพท์ต่อรองทางการเมืองของทรัมป์ รวมทั้งหลักฐานต่างๆ ที่มีอยู่มากมายที่กระทรวงการต่างประเทศ, สำนักงบประมาณเป็นสภาพที่ตรงข้ามกับอดีตปธน.อีก 3 คนที่เคยถูกกรรมาธิการสภาล่างไต่สวนเพื่อถอดถอนที่ได้ให้ความร่วมมือกับสภาเสมอ
แทนที่ทรัมป์จะยอมไปให้การกับกรรมาธิการสภาล่างให้สอบ แต่กลับปฏิเสธไม่ไปให้การ (ต่างกับคลินตันโดยสิ้นเชิง) แต่ทรัมป์กลับถล่มโจมตีทั้งประธานแนนซี และ ส.ส.เดโมแครตอย่างเผ็ดร้อน, เข้มข้น และหยาบคายผ่านทางทวิตเตอร์ของเขา ที่เขียนออกมาถี่มากๆ บางวันมากกว่า 10 ครั้ง เพื่อล้างสมองเหล่าฐานเสียง และข่มขู่เหล่า ส.ส./ส.ว.รีพับลิกันว่า ถ้าแตกแถวออกไปจากพรรค (ซึ่งตอนนี้ไม่ใช่พรรครีพับลิกันแล้ว แต่กลายเป็นพรรคของทรัมป์เสียแล้ว) จะไม่ถูกฐานเสียงของทรัมป์เลือกให้กลับมาอีก
ยิ่งกว่านั้น ในวันที่สภาล่างจะลงมติถอดถอนทรัมป์ ทรัมป์ได้เขียนจดหมายยาวมากถึง 6 หน้าถึงประธานแนนซี และถล่มด้วยการตอกกลับต่อ ส.ส.เดโมแครต โดยเฉพาะประธานแนนซี ว่ากำลังทำรัฐประหารทำลายประชาธิปไตย เพราะกำลังโค่นล้มผู้นำที่ปชช.เลือกเข้ามา! (ยังกะนายเหลี่ยมและนางปูของไทยที่ใช้ตรรกะเช่นเดียวกันนี้ ทั้งๆ ที่ตัวเองผิดเต็มประตูแต่อ้างเสียงปชช.ที่เลือกเขาเข้ามา โดยบิดเบือนโกหกว่า การโค่นเขา-ซึ่งทำผิดกฎหมาย-คือต่อต้านประชาชน!!!)
แน่นอน มี ส.ส.รีพับลิกันที่เป็นตัวเอง (ไม่ใช่งูเห่าแบบไทย) ได้ข้ามฟากมายกมือให้ถอดถอนทรัมป์ด้วย แม้จะไม่กี่คนแต่ก็ฉีกหน้าทรัมป์ ที่ไม่ต้องการให้มีการแตกแถวแม้แต่คนเดียว เพื่อไปอ้างกับฐานเสียงของเขาในการเลือกตั้งใหญ่ที่จะถึงนี้ว่า ดูซิ ส.ส./ส.ว.รีพับลิกันทุกคนเห็นต้องกัน (เป็นเอกฉันท์) ว่า เขาไม่ผิด
ประธานแนนซีเฉียบคมและหนักแน่น เธอแต่งชุดดำในวันลงคะแนนถอดถอนด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึมจริงจัง เธอพูดอย่างหนักแน่นและจริงจังว่า ไม่ใช่วันที่จะมาดีใจโลดเต้นต่อคะแนนถอดถอนที่ออกมาท่วมท้น แม้จะเป็นชัยชนะของการปกป้องคุ้มครองรัฐธรรมนูญก็ตาม แต่เป็นวันที่ต้องเสียใจต่อปธน.ที่ทำผิดร้ายแรง และบิดเบือนผิดเป็นถูก และไม่แยแสต่อกฎหมายของบ้านเมืองแต่อย่างใด